เขียนโดย: Piapiano

เมื่อ: 11 กุมภาพันธ์ 2562 - 14:20

รถมอเตอร์ไซค์ แบ่งประเภทอย่างไร แตกต่างกันแค่ไหน ต้องเลือกแบบใดถึงจะถูกสไตล์ Part 1

 

          เคยสงสัยกันไหมว่า รถมอเตอร์ไซค์ที่เราเห็นวิ่งกันบนท้องถนน มันมีรถมอเตอร์ไซค์ประเภทใดกันบ้าง หรือที่เรียกไปมันถูกประเภทหรือไม่ ในวันนี้ BoxzaRacing กับคอลัมน์ความรู้เรื่องรถ เราจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับประเภทของรถมอเตอร์ไซค์ต่างๆ ที่เราเห็นวิ่งกันบนท้องถนนในปัจจุบัน ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร ประโยชน์ใช้สอยของรถประเภทนั้นๆ มีจุดประสงค์ด้านใดบ้าง เดี๋ยวไปติดตามชมกันเลยครับ

 

Family / รถบ้าน, รถครอบครัว

Honda Wave 110i

 

Yamaha Spark

 

          เริ่มกันที่รถประเภทแรกกันก่อนเลยครับ รถครอบครัว หรือรถบ้านทั่วไป ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานทั่วไปและเหมาะกับผู้ขับขี่ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง ผู้ชาย วัยรุ่น หรือผู้ใหญ่ก็สามารถขับขี่ได้ โดยจะเน้นไปในทางความประหยัดน้ำมัน ทนทาน ใช้งานง่าย เพราะมีพิกัดเครื่องยนต์ที่ไม่สูงนัก ไม่เน้นความเร็วสูง เหมาะสำหรับการใช้งานในการเดินทางไม่ไกลนัก เช่น ไปทำธุระใกล้บ้าน หรือจ่ายตลาด ด้วยการออกแบบท่านั่งของผู้ขับขี่ให้นั่งสบายหลังตรง ควบคุมง่าย เป็นมิตรต่อผู้ขับขี่

 

Sport Family / รถบ้านแนวสปอร์ต

Honda Nova Sonic125

 

Suzuki Raider 150

 

          ต่อมากับรถมอเตอร์ไซค์ที่หลายๆ คนโดย เฉพาะสายซิ่งต้องคุ้นเคย กับรถบ้านแนวสปอร์ตหรือ Sport Family หรืออีกชื่อที่เรียกติดหูกันคือ รถกระเทย ที่มีการออกแบบรูปทรงไปในทางรถ Naked Bike ให้ดูวัยรุ่นๆ มากกว่ารถแม่บ้านทั่วไป พร้อมกับเสริมพละกำลังเครื่องยนต์ให้มีความจัดจ้านขึ้นไปอีกหนึ่งสเต็ปเพื่ออารมณ์สปอร์ต โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเครื่องยนต์สูบแบบมีคลัทช์มือ ตั้งพิกัดไม่เกิน 150 ซีซี. ถือว่าพอเหมาะพอควรกำลังดีสำหรับความพลิ้วบนท้องถนนหรือในเมืองใหญ่  และการออกแบบท่าทางการนั่ง ก็ไม่ต่างจากรถครอบครัวทั่วไปมากนัก เพียงแต่จะมีการกระชับสัดส่วนเข้ามาอีกเพื่อให้ดูคล่องแคล่วมากกว่ารถบ้านทั่วไป 

 

Big Scooter, Scooter / รถสกู๊ตเตอร์ หรือรถออโตเมติก

Yamaha XMax 300

 

Honda Forza 300

 

Yamaha Fino

 

          มาถึงอีกมอเตอร์ไซค์อีกหนึ่งประเภท ที่เรียกได้ว่าคุ้นหูคุ้นตากันบ่อยเลยทีเดียว กับรถ Scooter และ Big Scooter ทั้ง 2 ประเภทแยกย่อยนี้ มีความแตกต่างกันอย่างไร เริ่มด้วย Scooter ก่อนเลยครับ โดยรถ Scooter จะมีการออกแบบรูปทรงค่อนข้างคล้ายๆ กับรถครอบครัว แต่จะมีขนาดที่ใหญ่และสัดส่วนที่หนากว่าเล็กน้อย ใช้เครื่องยนต์ที่พิกัดไม่สูงมากนัก พร้อมระบบเกียร์ออโตเมติกขับเคลื่อนด้วยสายพาน ขับขี่ง่ายเป็นมิตรกับผู้ขับขี่เป็นอย่างมาก เพียงแค่บิดคันเร่งไม่ต้องเข้าเกียร์ก็เดินหน้าได้แล้ว ในส่วนของท่านั่งของผู้ขับขี่และผู้โดยสารให้มีความสบายไม่เมื่อยล้า เหมาะสำหรับใช้ในการเดินทางได้ในระดับหนึ่ง หรือใช้งานในเมืองได้เหมือนรถครอบครัวทั่วไป สามารถหาซื้อได้ตามตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศในราคา เริ่มต้นหลักหมื่นที่สามารถเป็นเจ้าของได้ไม่ยากครับ

 

Aprillia SRV850

 

Yamaha Tmax530

 

          มาถึง Big Scooter ที่เรียกได้ว่าเป็นพี่ใหญ่สุดของตระกูลออโตเมติกเลยก็ว่าได้ โดยการออกแบบดีไซน์ก็ตามชื่อประเภทเลยครับ ขนาดใหญ่ต้องมาเป็นอันดับแรก ต่อมาคือ การออกแบบท่านั่งที่เน้นความสบายของผู้ขับขี่และผู้ซ้อนเป็นหลัก โดยสรีสระเมื่อนั่งลงบนเบาะตัวของผู้ซ้อนและผู้ขับขี่จะหลังตรงรับเข้ากับชิลด์หน้าที่บังลมได้พอดิบพอดี (สำหรับผู้ที่มีความสูงปกติทั่วไป) และพิกัดเครื่องยนต์ในปัจจุบันก็มีเริ่มต้นตั้งแตคลาส 500 ซีซี. จนถึง 850 ซีซี. เหมาะสำหรับใช้ขับขี่เดินทางท่องเที่ยวไกลๆ เพราะด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีติดติดรถมาให้ในระดับหนึ่ง นับว่าคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปแน่นอนครับ และส่วนใหญ่แล้วในเมืองไทยที่เห็นกันบ่อยๆ คงจะเป็น Yamaha TMax 530 พี่ใหญ่ไซส์บิ๊กจากค่ายส้อมเสียง แต่ถ้าพิกัดเครื่องยนต์ชนเพดานของ Big Scooter คงจะหาดูยากหน่อยกับเจ้า Aprillia SRV 850 ที่ขึ้นแท่นแรร์ไอเท็มในเมืองไทยเลยก็ว่าได้ แต่อย่างไรก็ตาม Big Scooter เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับผู้รักในการขับขี่สบายๆ สไตล์ 2 ล้อ

 

Sport Bike / รถสปอร์ต

Yamaha YZF-R1

 

Honda CBR1000RR

 

          มาถึงประเภทรถที่บอกได้เลยว่า เป็นที่โปรดปรานสำหรับไบค์เกอร์ทุกคนแน่นอน กับรถประเภทนี้เลยครับ Sport Bike หรือ รถทรงสปอร์ต ด้วยจุดเด่นของรูปลักษณ์ในแต่ละรุ่นแต่ละค่ายที่เน้นไปในความโฉบเฉี่ยวและมีสมรรถนะสูงกว่ารถมอเตอร์ไซค์ทั่วไปในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นช่วงล่างประสิทธิภาพสูง เครื่องยนต์ที่แรงขึ้น การรีดลมหรือ Aerodynamic ที่เหนือกว่า พร้อมระบบเทคโนโลยีที่ช่วยในการขับขี่มากมาย และท่าทางในการนั่งขับขี่นั้น ในเรื่องของความสบายตัดออกไปได้เลย เพราะท่าทางการนั่งขับขี่ของรถสปอร์ตไบค์ จะฟิกซ์ผู้ขับขี่ให้อยู่ในท่าก้มหมอบตลอดเวลา เพื่อให้สรีระแม็ทช์เข้ากับตัวรถอยู่เสมอ และในย่านความเร็วสูงหรือการขับขี่ในสนามแข่งรถสปอร์ตไบค์เหล่านี้ ถ้าอยู่ในพิกัด Super Sport 600 ซีซี. หรือ Superbike 1,000 ซีซี. แทบไม่ต้องปรับแต่งใดๆ เลย (อ้างอิงจากข้อมูลพื้นฐาน) ก็สามารถขับขี่แบบรีดสมรรถนะของตัวรถและผู้ขับได้อย่างเต็มที่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการที่จะขี่รถสปอร์ตไบค์ ผู้ขับขี่ก็ควรมีทักษะติดตัวไว้ด้วย เพราะอย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่า รถสปอร์ตไบค์จะมีการขับขี่ที่ยากกว่ารถทั่วไป ด้วยองศาแฮนด์ที่แคบและต่ำลง ขนาดรถที่ใหญ่และหนักขึ้น เหมือนเราต้องพยุงรถไว้ทั้งคัน ฉะนั้นสภาพร่างกายและทักษะต้องพร้อมในระดับหนึ่งเลยครับ 

 

Yamaha YZF-R6 & Kawasaki Ninja ZX-636R

 

 

          แต่ถ้าพูดถึงความหล่อของรถประเภทนี้แล้วล่ะก็ ต้องขอยกให้เขาจริงๆ ครับ แต่ส่วนใหญ่แล้ว Sport Bike ในปัจจุบันก็ถูกออกแบบมาให้เป็นมิตรกับผู้ขับขี่ เพราะทุกวันนี้คนส่วนใหญ่เริ่มให้ความสนใจกับรถสปอร์ตไบค์เป็นอย่างมาก และมักนำมาใช้งานในชีวิตประจำวัน ทางค่ายผู้ผลิตจึงได้พัฒนาระบบต่างๆ ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้อย่างครอบคลุมและง่ายดายขึ้น ถึงแม้จะเป็นสปอร์ตไบค์ที่เหมาะกับการขับขี่ในสนามแข่งหรือถนนโล่งๆ ก็ตาม ไม่ว่าเป็นจะเป็นระบบ Traction Control ที่มีไว้สำหรับป้องกันเวลารถลื่นไถลเสียอาการ หรือโหมดการขับขี่ที่ทำหน้าที่ปรับการตอบสนองของคันเร่งตามสภาวะการใช้งาน ทำให้ผู้ขับขี่ถึงแม้จะเป็นมือใหม่ ก็สามารถทำความเข้าใจและเข้ากับรถคู่ใจของคุณได้ไม่ยาก นับว่ายุคนี้เป็นยุคทองของสปอร์ตไบค์จริงๆ ครับ สำหรับใครที่อยากหล่อจนสาวเหลียวคอแทบเคล็ดคงต้องหาสปอร์ตไบค์เฟี้ยวๆ มาขี่ซักคันแล้วครับ แต่ถึงอย่างไรนั้นพื้นฐานของการเป็นเจ้าของม้าศึกเหล่านี้ ต้องมีสติและความปลอดภัยเป็นพื้นฐานหลักด้วยนะครับ

 

Sport Touring / สปอร์ตทัวร์ริ่ง

Honda CBR650R

 

Suzuki GSX-1300R Hayabusa

 

Honda CBR1100XX BlackBird

 

          ต่อกันอีกหนึ่งประเภทที่หลายๆ คนน่าจะสับสนกันบ่อยๆ ว่าจริงๆ แล้ว รถประเภทนี้ มันเรียกว่าอะไรกันแน่ กับรถ Sport Touring เริ่มดูกันง่ายๆ ว่ารถประเภทนี้ คือ การผสมผสานกันสองอารมณ์ระหว่าง Sport Bike กับ Touring Bike เพื่อตอบโจทย์การใช้งานสำหรับผู้ที่ต้องการรถมอเตอร์ไซค์ที่ขี่ไม่เมื่อยมาก แต่ยังอยากได้ฟิลลิ่งสปอร์ต เรามาเริ่มกันที่รูปทรงและทวงท่าการนั่งกันก่อนเลย โดยการออกแบบของรถ Sport Touring นั้น ตัวรถถ้ามองเผินๆก็จะไม่ต่างจาก Sport Bike มากเท่าไหร่ แต่พอสังเกตให้ดีๆ ในช่วงของท้ายรถที่จะมองออกง่ายที่สุด คือ ท้ายจะไม่โด่งเหมือน Sport Bike และบางรุ่นอาจเป็นระนาบเดียวกันกับเบาะคนขับเลยด้วยซ้ำ เพื่อให้คนซ้อนนั่งได้สบายไม่เมื่อยเหมือน Sport Bike ในส่วนของท่านั่งคนขับ จะมีการเอนตัวเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับหมอบและหลังไม่ตรงจนเกินไป พูดง่ายๆ ก็คือ จัดทวงท่าให้ดีๆ ได้อารมณ์ซิ่งแบบไม่เมื่อยได้เหมือนกัน

 

Honda CBR650R สปอร์ตทัวริ่ง (ด้านซ้าย) & Honda CBR1000RR สปอร์ตแท้ๆ (ด้านขวา)

 

          ในด้านของขุมพลังความแรง Sport Touring ส่วนใหญ่แล้ว มักจะเซ็ตเครื่องยนต์ไม่ให้มีความจัดจ้านเท่า Sport Bike มากนัก เหตุเพราะด้วยจุดประสงค์ของการใช้งานของ Sport Touring คือการใช้งานได้ในชีวิตประจำวันหรือขับขี่ท่องเที่ยวทางไกล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่แรง อาจจะต้องใช้คำว่าไหลยาวๆ ครับ แต่ถ้าใครยังสงสัยอยู่ว่า Sport Touring จะแยกแยะยังไงให้ถูก เราจะขอยกตัวอย่าง Sport Touring สุดฮิตแห่งยุคนี้เลยครับกับ Honda CBR650R ที่พึ่งปรับเปลี่ยนโฉมใหม่ ให้มีหน้าตาคล้ายรุ่นพี่ใหญ่อย่าง Honda CBR1000RR พร้อมรูปภาพเปรียบเทียบด้านบนระหว่าง Honda CBR650R ที่เป็น Sport Touring กับ Honda CBR1000RR ที่เป็น Sport Bike เพียวๆ ว่าต่างกันที่จุดใดกันบ้าง ลองเปรียบเทียบตาต่อตาฟันต่อฟันได้เลยครับ

 

Touring Bike / รถทัวร์ริ่งไบค์

Honda Gold Wing F6B

 

BMW K1600 GTL

 

          ไหนๆ เมื่อสักครู่เราพูดถึง Sport Touring แล้ว เรามาต่อด้วย Touring Bike เลยก็แล้วกันครับ ด้วยคำว่า Touring ที่แปลว่าการเดินทาง ก็ต้องสื่อถึงความสะดวกสบายและอเนกประสงค์ โดยเริ่มกันที่รูปทรงของรถแนว Touring Bike ที่มีการออกแบบให้ตัวรถมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้ซ้อนโดนลมปะทะน้อยที่สุด ด้วยบังลมด้านข้างและชิลด์หน้าขนาดใหญ่ ที่สามารถปรับเลื่อนสูง-ต่ำได้ และทวงท่าการนั่งของผู้ขับขี่และผู้ซ้อนจะอยู่ในระดับหลังตรงพร้อมพนักพิงก้น สำหรับผู้ขับขี่และพนักพิงหลังสำหรับผู้ซ้อนเหมือนโซฟาขนาดใหญ่ แต่จะมีบางรุ่นที่ไม่มีพนักพิงหลังสำหรับผู้ซ้อนแต่จะใช้เป็นพนักพิงที่ก้นแทน ในส่วนนี้ล้วนแล้วแต่การออกแบบดีไซน์ของผู้ผลิต ตามด้วยเครื่องยนต์ที่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเครื่องยนต์บล็อคใหญ่พิกัด 1,400 ซีซี. ขึ้นไป กันทั้งนั้น แต่ความแรงอาจจะไม่หวือหวาถึงแม้จะ ซีซี.สูง โดยจะเน้นไปในความนิ่มนวลเหมือนเครื่องยนต์ของรถเก๋งเสียมากกว่า และจุดเด่นของรถทัวร์ริ่งสมัยนี้ ส่วนใหญ่จะขับเคลื่อนด้วยเพลาที่ล้อหลัง แต่จะมีไม่กี่รุ่นที่ยังใช้โซ่ขับเคลื่อนอยู่ จึงทำให้รถทัวร์ริ่งส่วนใหญ่ที่ใช้เพลาขับเคลื่อนมีความโดดเด่นในความนิ่มนวลในการขับขี่มากกว่ารุ่นอื่นๆ

 

Naked Bike / เนคเก็ตไบค์

Ducati Monster 821

 

          ต่อเนื่องด้วยรถมอเตอร์ไซค์อีกหนึ่งประเภท ที่ฮิตกันสุดๆ ในหมู่วัยรุ่น หรือวัยอื่นๆ เลยก็ว่าได้ กับรถสไตล์ Naked Bike ด้วยรูปทรงที่ออกแบบมามีขนาดที่กระชับสัดส่วน แถมมีความเท่ห์อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะในแต่ละรุ่น ทำให้ดึงดูดใจไบค์เกอร์ไปได้ไม่ใช่น้อย เริ่มด้วยรูปลักษณ์การออกแบบที่บ่งบอกว่าเป็น Naked Bike กันเลยครับ โดยสังเกตง่ายๆ นะครับ ว่ารถ Naked Bike คำว่า Naked ถ้าแปลเป็นภาษาไทย คือ เปลือย ฉะนั้น Naked Bike ก็คือ รถมอเตอร์ไซค์ที่เปลือยชุดแฟริ่งมาจากโรงงานหรือมีเพียงแฟริ่งชิ้นๆ เล็กๆ บางจุดที่มีติดตั้งมา แต่โดยส่วนใหญ่จะเปลือยโชว์เครื่องยนต์เต็มๆ ในส่วนของทวงท่านั่งขับขี่ จะอยู่ในท่าหลังตรง หรือมีก้มหมอบนิดๆ ในบางรุ่น แต่จุดประสงค์หลักของ Naked Bike คือ การจัดตำแหน่งท่านั่งเพื่อการขับขี่ที่กระฉับกระเฉง เน้นใช้งานในเมือง และชีวิตประจำวันได้อย่างคล่องแคล่ว

 

Yamaha MT-10

 

          ในด้านของสมรรถนะรถ Naked Bike ส่วนของความแรงนั้น ในบางรุ่นอาจจะปล่อยมาให้เต็มสูบแบบไม่มีกั๊ก แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว Naked Bike จะถูกปรับเซ็ทเครื่องยนต์ให้มีความจัดจ้านในรอบต้นเป็นหลัก เหตุเพราะด้วยเป็นรถที่เหมาะกับการใช้งานในเมือง เรื่องของ Top Speed ก็เลยไม่จำเป็นสำหรับรถประเภทนี้สักเท่าไหร่ เพราะในย่านความเร็วสูงระดับ 250 Km/h+ ขอบอกเลยว่าผู้ที่ขี่ Naked Bike ไม่อาจจะทนกับสภาวะแรงลมปะทะที่ไร้ซึ่งการรีดลมใดๆ ทั้งสิ้น เพราะจากที่กล่าวมาข้างต้นว่า Naked Bike คือ รถที่เปลือยเปล่า ไม่มีแฟริ่งขนาดใหญ่โอบล้อมรถไว้ จึงไม่เหมาะกับการทำความเร็วสูงเหมือน Sport Bike แต่ก็ยังมีข้อดีอีกเยอะแยะที่เหมาะ สำหรับผู้ชอบความพลิ้วไหวในการขับขี่ที่เน้นความจัดจ้านในรอบต้น ชนิดที่ว่าแค่สะกิดคันเร่งก็มันส์แล้ว แถมยังได้รูปทรงสุดเท่ห์ไม่เป็นรองใครอีกด้วย   

 

Dual Purpose / รถกึ่งเอนกประสงค์

Triumph Explorer 1200

 

KTM 1290 Super Adventure

 

          รถมอเตอร์ไซค์อีกหนึ่งประเภท ที่หลายๆ คนอาจจะเคยเรียกผิดมาก่อน เช่น Adventure บ้าง หรือ Touring บ้าง แต่คุณรู้ไหมว่าจริงๆ แล้ว ทั้ง 2 ประเภท ที่คุณอาจเรียกผิด มันอาจถูกในบางส่วน แต่ในครั้งนี้เจ้า 2 ประเภท ที่ยกตัวอย่างไปเมื่อสักครู่ ไม่มีถูกและไม่มีผิด แต่ชื่อประเภทที่ถูกต้องทีสุดก็คือ Dual Purpose คือการนำทั้ง 2 ชื่อ ระหว่าง Adventure และ Touring มาผนวกกัน เพราะรถประเภทนี้เรียกได้ว่าเป็นรถที่สามารถใช้งานได้แทบทุกรูปแบบและทุกสภาพถนนเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นขี่ท่องเที่ยวทางไกล ทางเรียบ ทางฝุ่นทางดิน หรือจะแนวลุยๆ ตะกุยโคลนในป่าก็สามารถบุกบั่นไปได้ในระดับนึง แต่อาจไม่มากนัก เนื่องด้วยยังมีฟิลของรถทัวร์ริ่งอยู่ แต่ก็สามารถบุกไปในแนว Adventure ได้พอมันส์มือ 

 

Honda CB500X

 

Ducati Multistrada 1200 Enduro

 

BMW R1200 GS

 

          ในด้านของสมรรถนะและฟิลลิ่งการขับขี่ของรถสไตล์ Dual Purpose ถ้าถามว่ามีความเป็น Touring อยู่ก็แสดงว่าต้องขี่แบบนิ่มสบายใช่ไหม ? ในจุดนี้ต้องขอบอกเลยว่า ขับสบายแน่นอนครับ ด้วยท่านั่งที่จัดมาให้แบบหลังตรง มือจับแฮนด์บาร์สามารถผ่อนคลายได้เมื่อเมื่อยระหว่างขับขี่โดยไม่ต้องระแวงกับการจับแฮนด์ที่ต้องมั่นคงตลอดเวลาเหมือน Sport Bike แต่ถ้าในเรื่องความนิ่มนวล ในจุดนี้ Dual Purpose บางรุ่นบางยี่ห้อ อาจให้มาไม่ได้ เพราะในบางรุ่นบางยี่ห้อสร้างรถแนว Dual Purpose บางคันขึ้น โดยมีพื้นฐาน DNA ของรถ Sport Bike ประจำค่ายเข้ามาแฝงอยู่ในตัวอย่าง เช่น Ducati Multistrada 1200 ที่นำเครื่องยนต์บล็อคเดียวกันกับ Ducati 1198 หรือ Ducati 1199 Panigale ที่เป็น Sport Bike ประจำค่าย Ducati มาติดตั้งใส่แต่อาจจะดร๊อปในเรื่องแรงม้าแต่แรงบิดยังคงเท่าเดิม...ทำให้มีความจัดจ้านในความแรงเอาเรื่องโดยที่ไม่ค่อยจะสนกับความนิ่มนวลเสียเท่าไหร่จึงเหมาะกับสายโหดจริงๆ แต่ส่วนใหญ่แล้ว ในค่ายอื่นๆ ก็ยังคงความเป็น Touring อยู่หน่อยๆ ด้วยการติดตั้งระบบเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อช่วยในการขับขี่ที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยเน้นให้สามารถใช้งานได้ทุกสภาพถนนและแทบทุกสถานการณ์ครับ

 

 

          เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับพาร์ทแรก ของประเภทรถมอเตอร์ไซค์ กับความแตกต่างและใกล้เคียงของแต่ละสไตล์ว่ามีการใช้งานเฉพาะอย่างไร ความหล่อที่แตกต่างกันอย่างไร หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับพี่ๆ น้องๆ วงการไบค์เกอร์ได้ไม่มากก็น้อยนะครับ เดี๋ยวเราจะมาต่อพาร์ทที่ 2 กัน กับประเภทของรถมอเตอร์ไซค์ที่เหลือในครั้งต่อไป รอติดตามได้เลยครับที่ www.BoxzaRacing.com สำหรับวันนี้ต้องขอลากันไปก่อนสวัสดีครับ

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook