เมื่อช่วงปลายปีก่อน ต้องบอกว่ากระแสในวงการมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ ถือว่าคึกคักแบบที่เราไม่เคยได้เห็นกันมาในรอบหลายๆ ปี เพราะแต่ละค่ายต่างทยอยส่งผลผลิตที่เรียกได้ว่า "สุด" ในรูปแบบต่างๆ ออกมา ไม่ว่าจะเป็น การที่เราได้เห็นมอเตอร์ไซค์เนคเก็ตไบค์ที่มีแรงม้าทะลุ 200 ตัว เป็นรุ่นแรกของโลก ซึ่งมาพร้อมขุมพลังแบบมีระบบอัดอากาศ, การที่เราได้เห็นมอเตอร์ไซค์เนคเก็ตไบค์ที่แรงที่สุดในโลก ซึ่มีกำลังสูงสุดถึง 208 แรงม้า ในอีกไม่กี่วันต่อมา แต่นั่นอาจจะยังไม่รู้สึกตื่นเต้นเท่า การที่เราได้เห็นมอเตอร์ไซค์ที่มีเครื่องยนต์ใหญ่ที่สุดในโลกตลอดกาล ซึ่งมีความจุมากในระดับ 2,500 ซีซี. อย่าง Triumph Rocket 3 ที่เผยโฉมในงาน EICMA 2019 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกัน
Triumph Rocket 3 R
หลังจากที่เปิดตัวในต่างแดนแบบที่กระแสยังทันซา ค่ายมอเตอร์ไซค์สัญชาติอังกฤษอย่างไทรอัมพ์ก็ได้ฤกษ์ส่ง Triumph Rocket 3 ลุยตลาดเมืองไทยเช่นกัน โดยแบ่งออกเป็น 2 รุ่นย่อย ก็คือ Triumph Rocket 3 R (ไทรอัมพ์ ร็อกเก็ต 3 อาร์) และ Triumph Rocket 3 GT (ไทรอัมพ์ ร็อกเก็ต 3 จีที) ซึ่งมาในสไตล์ที่แตกต่างกัน เพื่อตอบโจทย์ไบค์เกอร์รุ่นใหญ่ที่ต้องการความสุดในแบบฉบับที่ตัวเองชื่นชอบ ซึ่งความรู้สึกว้าว หลังจากที่ทางค่ายได้เผยโฉม นอกจากเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่และทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมาแล้ว นั่นก็คือ เรื่องของค่าตัวที่อยู่ในหลัก "ไม่ข้ามล้าน" ทำให้ไบค์เกอร์ที่กำลังมองๆ อยู่ รวมถึงคนชอบมอเตอร์ไซค์ทั่วๆ ไป ถึงกับต้องอ้าปากค้าง โดย Triumph Rocket 3 R เปิดตัวมาในราคา 955,000 บาท และ Triumph Rocket 3 GT ราคา 985,000 บาท
Triumph Rocket 3 GT เมื่อครั้งเปิดตัวในงาน EICMA 2019
อย่างที่ทราบกันดีว่า Triumph ในตระกูล Rocket 3 นั้น เป็นมอเตอร์ไซค์ที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สำหรับรถในรูปแบบโปรดักชั่นไบค์ หรือมีจำหน่ายตามโชว์รูมทั่วๆ ไป โดยทางค่ายเรียกมอเตอร์ไซค์ในตระกูล Rocket 3 R รุ่นที่ BoxzaRacing มีโอกาสได้ทดลองขับขี่ในครั้งนี้ ว่าเป็นสองล้อแนว Roadster หากเทียบและตีความความหมายเช่นเดียวกับในวงการรถยนต์แล้ว อารมณ์มันคือ ประมาณว่าเป็นรถเปิดประทุน ที่อาจจะไม่แรงที่สุด แต่เน้นการออกแบบมาให้ขับได้สนุก เพลินเพลิน มีความโดดเด่น ซึ่งมันตรงกับคอนเซ็ปท์ของ Triumph Rocket 3 R อย่างชัดเจน เพราะแม้ว่าจะเป็นมอเตอร์ไซค์ที่มีเครื่องยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ในส่วนของแรงม้า เมื่อเทียบกับ ซีซี. แล้ว นี่ไม่ใช่เครื่องยนต์ที่มีแรงม้าสูงที่สุดเช่นกัน แต่หากความโดดเด่นนั้นอยู่ที่เรื่องของแรงบิด ที่ไม่สามารถโกหกกันได้จากปริมาตรความจุที่ใส่มาให้ในพิกัด 2.5 ลิตร นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เรารู้ว่า Triumph Rocket 3 R จะต้องเป็นมอเตอร์ไซค์ที่ขี่ได้สนุกระดับต้นๆ คันหนึ่ง (ในสภาพเส้นทางที่การจราจรเป็นใจ) ก่อนที่จะมีโอกาสได้ทดลองขี่เสียด้วยซ้ำ สำหรับผู้ที่ยังมองไม่เห็นภาพว่าเครื่องยนต์ของ Rocket 3 ใหญ่แค่ไหน ก็ต้องบอกว่า เทียบเท่าขุมพลังของรถยนต์ในระดับ D Segment ไม่ว่าจะเป็น Toyota Camry, Honda Accord หรือขุมพลังตระกูลฮิตในอดีตอย่างบล็อค Toyota 1JZ หรือ Nissan RB25 เลยทีเดียว โดยเครื่องยนต์บล็อคนี้ มาในรูปแบบ 3 สูบเรียง อันเป็นเลย์เอาท์ที่ทาง Triumph มีความถนัดและถือเป็น Signature ของทางค่ายเลยก็ว่าได้
ขุมพลัง 3 สูบ พิกัด 2,500 ซีซี. ใหญ่ที่สุด เท่าที่เคยมีมา !
ท่อเดิมๆ เสียงเพราะจับใจ ไม่ต้องเสียเวลาไปหาของแต่ง
สำหรับความจุที่แท้จริงของเครื่องยนต์บล็อคนี้ อยู่ที่ 2,458 ซีซี. มาในรูปแบบ DOHC 4 วาล์ว/ สูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อม Oil Cooler ซึ่งด้วยความที่มีเพียงแค่ 3 สูบ แต่ต้องการสร้างความจุที่มากขนาดนี้ จึงต้องออกแบบลูกสูบให้ "ใหญ่" และช่วงชักที่ "ยาว" โดยอยู่ที่ 110.2 มม และ 85.9 มม. ตามลำดับ อัตราส่วนกำลังอัดถูกกำหนดไว้ที่ 10.8 : 1 ดูแล้วไม่ตึงเครียดจนเกินไป สำหรับการใช้งานในระยะยาว ในภาพรวมทำกำลังได้ 167 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที เยอะเป็นอันดับต้นๆ ของรถแนวไร้แฟริ่ง แต่สิ่งที่มิอาจหาใครเทียบได้ก็คือ เรื่องของแรงบิด ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมบอกพูดเสมอในหลายๆ ครั้งว่า "แรงบิด...ไม่โกหกใคร" ซีซี. เท่าไหร่ แรงบิดนั้นย่อมไม่ได้ต่างไปจากตัวเลขที่ควรจะเป็นมากนัก เป็นเรื่องที่เอามาโม้กันได้ยาก หากไม่ได้ใช้สูตรโกงที่เรียกว่า ระบบอัดอากาศ เข้ามาเกี่ยวข้อง ตัวเลข 221 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ถ้าเพื่อนคุณไม่ได้ขี่กระสวยอวกาศ ไม่มีใครกล้าเอาตัวเลขนี้มาข่มคุณซึ่งเป็นผู้ครอบครอง Triumph Rocket 3 R อย่างแน่นอน นั่นคือ สิ่งที่เรียกได้ว่าสุดแบบไม่มีใครเลียนแบบได้ในมอเตอร์ไซค์คันนี้
สวิงอาร์มแบบ Single Side ซ่อนเพลาขับไว้ด้านใน
สิ่งที่แตกต่างจากมอเตอร์ไซค์ทั่วๆ ไปอีกอย่างก็คือ ขุมพลังของ Triumph Rocket 3 R ไม่ได้วางแนวลูกสูบตามขวางของตัวรถ (เปรียบเทียบกับรถยนต์ คือ เลย์เอาท์เดียวกับรถยนต์แบบขับเคลื่อนล้อหน้า) แต่จะวางตามแนวยาว เช่นเดียวกับรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลัง ส่งกำลังด้วยเกียร์ 6 สปีด ผ่านชุดเพลาขับเคลื่อนที่เป็นแบบปิดทั้งระบบ มาในรูปแบบสวิงอาร์มแบบ Single Side ว่ากันตามจริงก็คงมีมอเตอร์ไซค์ไม่กี่ตระกูลที่วางเครื่องในแนวนี้ เช่น BMW R Series หรือ Moto Guzzi ซึ่งโดยธรรมชาติจะมีฟีลลิ่งพิเศษเฉพาะตัวอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ อาการบิดหรือเซของตัวรถตามทิศทางการหมุนของเครื่องยนต์ เช่น เครื่องยนต์หมุนทวนเข็ม (ไทรอัมพ์) รถจะมีอาการเซไปด้านซ้ายนิดๆ เมื่อบิดคันเร่งอย่างรุนแรง หรือเครื่องยนต์หมุนตามเข็มนาฬิกา (บีเอ็มดับบลิว, โมโต กุซซี่) รถจะเซไปด้านขวาพอให้รู้สึกได้ แต่สำหรับ Triumph Rocket 3 R อาจจะออกอาการมากกว่าเพื่อน เนื่องจากเครื่องยนต์มาในรูปแบบเรียงตั้งในแนวเดียวกัน ซึ่งจะไม่มีลูกสูบด้านตรงข้าม คอยต้านสร้างบาลานซ์เอาไว้ เป็นจุดหนึ่งที่หากต้องการที่จะให้การควบคุม Triumph Rocket 3 R ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผู้ขับขี่ควรจะต้องทำความเข้าใจกับคาแร็กเตอร์เฉพาะตรงจุดนี้ก่อน สิ่งที่โดยส่วนตัวผู้เขียนชอบมากใน Triumph Rocket 3 R ก็คือ เรื่องของวัสดุและการประกอบ โดยเฉพาะในส่วนของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง ที่ดูมิดชิด แข็งแรง บึกบึนสมราคา เห็นแล้วมั่นใจได้ว่า สามารถรองรับกับพละกำลังและแรงบิดมหาศาลของตัวรถได้อย่างสมน้ำสมเนื้อเลยทีเดียว
ไฟหน้า LED เปิด - ปิดได้ตามต้องการ มาพร้อม LED Day Light
ความชอบส่วนบุคคล ยังเป็นคำที่นำมาใช้ได้เสมอ โดยเฉพาะการใช้กับภาพลักษณ์ที่สามารถพบเห็นและก่อให้เกิดการถกเถียงกันได้แบบไม่มีที่สิ้นสุด เพราะแน่นอนว่า ความชอบของคนเรานั้นต่างกัน การที่จะมองว่ารถคันนึงมาพร้อมดีไน์ที่โดนใจขนาดไหน คงจะเป็นเรื่องที่ตอบแทนกันได้ยาก ซึ่งสำหรับภาพรวมของ Triumph Rocket 3 R โดยส่วนตัวผู้เขียนมองว่า นี่อาจไม่ใช่มอเตอร์ไซค์ที่ดูหล่อเหลาที่สุดตั้งแต่เคยได้เห็นมา แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เช่นกันว่า Triumph Rocket 3 R ซ่อนความน่าเกรงขามเอาไว้ แบบที่มอเตอร์ไซค์คันไหนๆ ก็ให้ไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อมองจากในด้านข้างที่เห็นท่อไอเสียที่ขึ้นรูปด้วยกรรมวิธีไฮโดรฟอร์ม 3 เส้น พร้อมกับปลายท่อที่จัดวางไว้ได้อย่างลงตัว แต่...เห็นเช่นนี้แล้ว อย่าเพิ่สรุปว่านี่คือความดีงาม จนกว่าคุณจะได้รับฟังเสียงจากท่อไอเสีชุดนี้เป็นอันขาด ในส่วนขององค์ประกอบอื่นๆ นั้น Triumph Rocket 3 R ถือว่าจัดมาให้แบบครบๆ สมกับความเป็นมอเตอร์ไซค์ในระดับท็อปคลาส ไม่ต้องมาคอยนั่งถามกันให้เสียอารมณ์ว่า มอเตอร์ไซค์ราคาเกือบล้าน ทำไมไม่ให้อันนั้น ทำไม่ไม่มีอันนี้ ลองนึกภาพว่า...ถ้าคุณเป็นผู้ครอบครองรถคันนี้ และถูกทักทายด้วยคำถามเหล่านี้บ่อยๆ มันน่าเบื่อขนาดไหน ? เจอคันนี้เข้าไป บอกเลยชัดๆ...จบนะ !
เบรก Brembo Stylema ดีงามสมราคาทุกสถาบัน
ยางหลังหน้ากว้าง 240 เลี้ยวแคบๆ อาจต้องใช้ฝีมือสักหน่อย แต่ถ้าางตรงหรือโค้งยาวๆ ใส่ไปเต็มๆ
โช้กอัพปรับพรีโหลดไฮดรอลิค เป็นมิตรและละเอียดในการปรับ
จะทำอะไร...เกรงใจยางหลังพี่บ้าง ! เจอยางไซส์ 240/50 R16 เข้าไป (ล้อหลังกว้าง 7.5 นิ้ว) ใครเห็นก็คงได้แต่อ้าปากค้าง แน่นอนครับ...มันเป็นไซส์ที่ใหญ่กว่ายางรถยนต์หลายๆ รุ่นเสียอีก แต่ดูแล้วก็ควรคู่กับพละกำลังของเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ทีเดียว ส่วนยางหน้าของ Triumph Rocket 3 R มาในขนาด 150/80 R17 (ความกว้างล้อ 3.5 นิ้ว) เจอยางไซส์เบิ้มแบบนี้ ต้องบอกเลยว่าความนิ่งใยยามขี่ไฮเวย์นั้นหายห่วง เป็นห่วงก็แต่ตอนจะเลี้ยววงแคบด้วยน้ำหนักกว่า 300 กก. (291 กก. ไม่รวมของเหลว) ที่ต้องอาศัยทักษะของผู้ขับขี่ช่วยสักหน่อย ด้านระบบกันสะเทือนมาพร้อมโช้กอัพหน้าระบบคาร์ทริดจ์จาก Showa ขนาดแกน 47 มม. ระยะยุบ 120 มม. ปรับได้ั้งพรีโหลดและรีบาวน์ ส่วนโช้กหลังมาในแบบโช้กเดี่ยวพร้อมซับแทงค์ ปรับได้เต็มระบบเช่นกัน โดยฟังชั่นการปรับพรีโหลดจะมาในรูปแบบไฮดรอลิคที่สะดวกและสามารถปรับได้อย่างละเอียดมากยิ่งขึ้น ด้านระบบเบรกจัดเต็มด้วยชุดแฮปปี้มีลจาก Brembo ประกอบไปด้วยคาลิเปอร์ M4.30 หรือที่คุ้นกันในชื่อ Stylema จับคู่จานหน้า 320 มม. ซ้าย-ขวา ส่วนเบรกหลังมาพร้อมคาลิเปอร์ Brembo M4.32 แบบ 4 POT พร้อมจาน 300 มม. โดยมีออพชั่นระดับท็อปคลาสอย่าง Cornering ABS ติดมาให้จากโรงงาน ซึ่งจะทำงานร่วมกับระบบประมวลผล IMU แบบ 6 แกน อันเป็นหัวใจหลักที่ช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่
เรือนไมล์ TFT เซ็ตมุมมองได้หลากหลายรูปแบบ
ปรับโหมดการขับขี่ได้ตามต้องการทั้ง Rain, Road, Sport และ Rider
ลูกเล่นและฟังค์ชั่นต่างๆ ถูกมัดรวมไว้ที่ที่ประกับแฮนด์ด้านซ้าย
Triumph Rocket 3 R มาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ TFT ซึ่งถ้าหากใครที่เคยได้ดู Triumph Scrambler 1200 ที่เราเคยได้รีวิวไปแล้วก่อนหน้านี้ ก็จะรู้สึกว่า มีดีไซน์ที่ใกล้เคียงหรือถอดแบบกันมาเลยทีเดียว ความพิเศษของเรือนไมล์ที่มาในรูปแบบ TFT ก็คือ การที่สามารถปรับมุมมองได้อย่างหลากหลาย เพื่อการแสดงข้อมูลที่ครบถ้วนในฟังค์ชั่นที่แตกต่างกันออกไป เช่น ความเร็วแ วัดรอบเครื่องยนต์ ระยะทาง ตำแหน่งเกียร์ ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง ระยะทางที่วิ่งได้ด้วยน้ำมันในถัง สัญลักษณ์เตือนเข้าเซอร์วิส แสดงอุณหภูมิอากาศ นาฬิกา และโหมดการขับขี่ที่เลือกได้อย่างหลากหลาย ทั้ง Rain, Road, Sport และ Rider ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับค่าต่างๆ ได้ตามที่ต้องการ เช่น การตอบสนองของคันเร่ง, ระดับการทำงานของ ABS รวมถึง Traction Control และที่พิเศษกว่านั้นก็คือ ยังสามารถเชื่อมต่อกับผู้ขับขี่ผ่าน Bluetooth รวมถึงเชื่อมต่อเพื่อการควบคุมกล้อง GoPro ผ่านแฮนด์ เช่นเดียวกับที่ทำได้ใน Triumph Scrambler 1200 อีกด้วย
เบาะไม่สูง แต่ตัวรถค่อนข้างกว้าง ท่าทางของผู้ขี่ที่สูง 168 ซม. เลยออกมาประมาณนี้
ขี่ง่ายจริง ! แต่...Rocket 3 ไม่ใช่รถที่เหมาะกับมือใหม่
เตรียมตัวเตรียมใจกันให้พร้อม แล้วไปสัมผัสประสบการณ์ที่คุณจะไม่สามารถหาได้จากมอเตอรืไซค์คันไหนๆ ถ้าไม่ใช่ Triumph Rocket 3 R กันเลยดีกว่า ก่อนอื่นขออนุญาตกล่าวเรียนตามตรงเพื่อความไม่ประมาทว่า แม้ว่าคุณจะเป็นคนที่มีประสบการณ์ในการขับขี่ที่ค่อนข้างสูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หรือได้ยินมาว่า Triumph Rocket 3 R รุ่นปัจจุบัน ขี่ง่ายกว่า Rocket 3 ตัวก่อนที่เป็นเครื่อง 2,300 ซีซี. แบบเทียบกันไม่ได้ ซึ่งเอาจริงๆ ผมไม่เคยมีโอกาสได้ขี่ตัวก่อน แต่ก็เชื่อแหละ ว่ารถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ๆ แรงๆ ในยุคนี้ ล้วนถูกพัฒนามาให้เป็นมิตรต่อผู้ขับขี่ด้วยกันทั้งสิ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราไม่ควรมีช่องว่างให้กับความประมาทไม่ว่าในทางใดทางหนึ่ง เช่น การนำมาใช้งานแบบผิดประเภทจนทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ด้วยน้ำหนักตัวรถกว่า 300 กก. การจะเคลื่อนย้ายโดยปราศจากกำลังของเครื่องยนต์เข้ามาเกี่ยวข้อง ควรทำด้วยความรัดกุม มีความหนักแน่น หาหลักในการประคับประคองให้เหมาะสม หากไม่ต้องการให้เกิดเหตุไม่คาดคิด โดยเฉพาะการล้มแปะ ซึ่งเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ หากมีประสบการณ์ ความรอบคอบ หรือวุฒิภาวะที่มากพอ นั่นเองจึงอาจเป็นเหตุผลที่ Triumph Rocket 3 R คันนี้ ดูจะไม่ใช่รถที่เหมาะกับมือใหม่ หรือคนที่มีประสบการณ์ในการขับขี่ค่อนข้างน้อยเท่าไหร่นัก
ท่านั่งจิ๊กโก๋เบาๆ
เบาะนั่งของ Triumph Rocket 3 R แม้ตามสเปคจะมีความสูงจากพื้นเพียง 773 มม. ซึ่งว่ากันตามตรงคือ ค่อนข้างต่ำ แต่ด้วยความกว้างของเบาะและตัวรถ สำหรับผู้ขี่ที่มีความสูง 168 ซม. ยังต้องออกอาการเขย่งนิดๆ อาจต้องออกแรงบ้าง เพื่อที่จะตั้งตัวรถให้ตรง ซึ่งเมื่อตั้งตรงแล้ว ก็ถือว่าสบายๆ เพราะ Triumph Rocket 3 R ให้บาลานซ์ที่ดีเยี่ยม และได้ความมั่นคงจากยางหลังขนาดใหญ่เข้าช่วยอีกแรง ท่านั่งในการขับขี่รู้สึกได้ว่าต้องโน้มตัวไปด้านหน้าพอสมควร เช่นเดียวกับขาที่ต้องวางเยื้องไปทางด้านหน้า ให้อารมณ์ความเป็นรถแนวครุยเซอร์พอตัว กุญแจรถมาในรูปแบบ Keyless พกไว้ใกล้ๆ ตัว สามารถสตาร์ทได้ทันที (ต้องกำคลัทชท์ทุกครั้งที่สตาร์ท) เสียงเครื่องยนต์ในรอบเดินเบากระหึ่มพอตัว ปลุกอารมณ์ในการขับขี่ใก้ลุกโชนขึ้นไปอีกระดับ เตะเกียร์ 1 ปั่ก !!! เติมคันเร่งเบาๆ เพื่อให้รถเครื่อนไปข้างหน้า ในช่วงที่รับรถจากตึกสำนักงานของ Triumph แรกๆ ต้องยอมรับว่าโดยส่วนตัวค่อนข้างประหม่านิดๆ ด้วยความที่ทางขึ้นลานจอดรถนั้นค่อนข้างชัน ลื่น และต้องใช้วงเลี้ยวแคบ คนที่ทักษะการขับขี่ยังอ่อนด้อยแบบผู้เขียน อาจจะต้องใช้ความพยายามมากสักหนอย ด้วยความที่ยางที่ติดรถมานั้นกว้างมาก ทำให้การเลี้ยวแคบๆ ไม่ได้ง่ายและคล่องเหมือนมอเตอร์ไซค์ทั่วๆ ไป แต่ก็ผ่านมาได้ แค่ใช้สติและความไม่ประมาท
บิดมา เร่งหาย ไม่ต้องลาก
รอดจากในตึกมาได้ ที่เหลือคงไม่ใช่เรื่องยากเกินกำลัง การขับขี่ทั่วไปในสภาพการจราจรที่ไม่แออัด ถ้าจะบอกว่าผู้เขียนหลงรักในความเป็น Triumph Rocket 3 R ก็คงจะไม่ใช้พูดที่เกินจริง เหตุที่ผมต้องพูดเช่นนั้นก็คือ สุ้มเสียงโทนทุ้มต่อเนื่องสไตล์เครื่อง 3 สูบเรียง ในย่านรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำเพียง 2-3,000 รอบ/นาที มันช่างเป็นเสียงที่กระตุ้นอารมณ์ในการขับขี่ได้เป็นอย่างดี โดยส่วนตัวแล้ว ผมรู้สึกชอบมากกว่าการลากรอบขึ้นไปเกินกว่า 4,500 - 5,000 รอบ/นาที เสียอีก แม้ว่ากำลังสูงสุดของ Triumph Rocket 3 R จะอยู่ที่ 6,000 รอบ/นาที ก็ตาม แต่เท่าที่ขี่มา...ผมยังไม่เห็นถึงความจำเป็นอะไรที่ต้องลากรอบลึกไปขนาดนั้น มีแต่จะทำให้ตัวเลขอัตราการสิ้นเปลืองนั้นดูแย่เสียเปล่าๆ ขี่ชิลล์ๆ 2,500 - 3,500 รอบ/นาที แล้วเพลินกับแรงบิดที่มีมาให้ บิดมา เร่งหาย ขี่ในเมืองหรือใช้งานทั่วไป พร้อมเสียงปุงปังๆ เหมือนมีใครมาจุดประทัดที่ด้านท้ายในยามถอนคันเร่ง (เกียร์ 6 ไม่เคยจะได้แตะ ความเร็ว 100 กม./ชม. ที่เกียร์ 6 รอบเครื่องยนต์อยู่ที่ 2,200 รอบ/นาที ซึ่งต่ำเกินกว่าการจะขี่ในเมืองได้อย่างสนุก) นี่แหละ...สวรรค์ของนักบิดแท้ๆ เลยแหละ
เร็วแค่ไหนก็ได้ แต่ใจ...ต้องมาพร้อม "สติ"
สำหรับสิ่งที่หลายๆ คนสงสัย ว่าอัตราเร่งของ Triumph Rocket 3 R นั้น ทำได้ดีขนาดไหน ผู้เขียนขออนุญาตตอบแบบนี้ครับ ด้วยตัวเลขจากโรงงาน เคลมเอาไว้ที่ 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 2.7 วินาที ส่วนสำหรับผู้เขียน สารภาพตามตรงเลย ขี่คันนี้มาพอตัว จนจำฟีลิ่งการดึงหนักๆ เป็นลูกๆ ของตัวรถได้แล้ว ผมยังไ่เคยกล้ามองไมล์ตอนใช้คันเร่งเยอะๆ เลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่ว่าคุณจะเริ่มเร่งจากที่ความเร็วเท่าไหร อยู่ในเกียร์อะไร การตอบสนองของ Triumph Rocket 3 R จะเป็นในรูปแบบเดียวกันทั้งหมด คือ ดึงพรวด พรวด พรวด จนหมดเกียร์ ซึ่งหากคุณละสมาธิไปจากการจับแฮนด์ คุณอาจจะโดนแรงบิดในระดับ 221 นิวตัน-เมตร เล่นงานสถานหนักเข้าให้ก็เป็นได้ แต่สุดท้ายแล้ว ขึ้นอยู่กับสติและประสบการณ์ของผู้ขับขี่ล้วนๆ เช่นกัน
คนนั่งว่าซ้อนดี แต่ขี่ในเมืองเวลาพีคๆ...หลีกให้ห่าง
เมื่อประเมินด้วยสายตา แม้ว่าทรวดทรงของ Triumph Rocket 3 R ดูจะไม่เหมาะกับการซ้อนสักเท่าไหร แต่ Feedback ที่ได้กลับมาจากคนที่นั่งด้านหลักลับดีแบบผิดคาด ซึ่งก็พอคล้อยตามได้เนื่องจากตำแหน่งของพักเท้าคนซ้อน ไม่ได้อยู่ในระดับที่สูงมากนัก จึงทำให้ระยะในการวางขาค่อนข้างสบายๆ แต่สิ่งที่เราไม่แนะนำในการขี่ Triumph Rocket 3 R คือ การต้องขี่ผ่านเมืองในช่วงเวลาที่สภาพการจราจรพีคๆ เพราะนอกจากตัวรถจะมีขนาดใหญ่และน้ำหนักมากแล้ว หากวิ่งในความเร็วต่ำ ไอร้อนจากเครื่องยนต์จะทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณต้นขาด้านล่างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต่อให้ใส่ขายาวหนาขนาดไหน บอกเลย...เอาไม่อยู่ แต่หากเป็นการขี่แบบที่รถมีการเคลื่อนตัวตลอดเวลา ความรู้สึกร้อนตรงนี้ก็ไม่มีเช่นกัน ก็ถือว่าเป็นไปตามคาดครับ ใช้รถให้ถูกประเภท เหมาะกับรูปแบบการใช้งาน...นั่น คือ ดีย์
ขี่เร็วๆ ทรงตัวดี แต่ที่ดีกว่า คือ Stylema
เข้าใจได้ไม่ยาก ว่าทำไมรถแนวนี้ถึงทรงตัวได้ดียามขับขี่ไกลๆ แน่นอนเนื่องด้วยองค์ประกอบต่างๆ ที่จัดมาให้ พร้อมรองรับการขับขี่ด้วยความเร็วสูง อีกทั้งยังมีขนาดยางที่ใหญ่ และมีน้ำหนักมาก การเดินทางด้วยความเร็วสูง รถจึงนิ่งและมีเถียรภาพที่ดี แบบที่ไม่สามารถหาได้จากมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดย่อมกว่า ซึ่งไม่ใชแค่ดีในทางตรงเพียงอย่างเดียว แต่การขับขี่ในโค้งกว้างๆ ด้วยความเร็วสูง ก็ยังทำได้อย่างไร้ที่ติด้วย เพียงแต่...คุณต้องรู้จักแต่งตัว และเข้าใจธรรมชาติของตัวรถเสียก่อน อย่างที่ผู้เขียนได้เกริ่นถึงรูปแบบการวางเครื่องยนต์ไปในช่วงต้นว่า Triumph Rocket 3 R มาพร้อมเครื่องยนต์สูบเรียงวางตามยาว และมีความจุซึ่งส่งผลต่อแรงบิดที่สูง ทำให้ในการเปิดคันเร่ง ตัวรถจึงมีคาแร็กเตอร์เฉพาะตัวบางอย่างที่ผู้ขี่ต้องทำความเข้าใจ การจะขี่ Triumph Rocket 3 R ให้สามารถเข้าโค้งได้อย่างสมูทนั้น ควรจะใช้คันเร่งในช่วงก่อนที่จะเข้าโค้ง และในช่วงที่อยู่ในโค้งอย่างเหมาะสม ไม่ควรมีการเพิ่มหรือลดคันเร่งโดยไม่จำเป็น เพราะอาจทำให้เกิดการเสียอาการได้ เช่น ในขณะที่คุณแบนโค้งขวา แล้วเกิดกระตุกคันเร่งอย่างรุนแรง เครื่องยนต์ที่หมุนในทิศทางทวนข็มนาฬิกา อาจฉุดให้ตัวรถตั้งขึ้นในขณะที่เร่ง จนทำให้การเข้าโค้งทำได้ไม่สมูท ในทางตรงข้ามกัน หากแบนเข้าโค้งซ้าย และมีการเติมคันเร่งอย่างรวดเร็ว แรงบิดจากเครื่อยนต์จะดึงตัวรถให้แบนลงมากกว่าเดิมได้เช่นกัน ดังนั้น ในขณะที่อยู่ในโค้ง ควรใช้คันเร่งให้สม่ำเสมอที่สุดเท่าที่จะทำได้ สิ่งที่อยากจะฝากไว้อีกเรื่องก็คือ สำหรับการขับขี่ในขณะที่ฝนตกหรือพื้นเปียกลื่น ควรเลือกโหมดในการขับขี่ให้เหมาะสม เพื่อลดการกระชากทั้งจากคันเร่ง รวมถึงแรงฉุดจาก Engine Brake ให้เหมาะสม เพื่อให้เกิดความปลอดภัย เพราะด้วยแรงบิด และแรงฉุดที่มากขนาดนี้ แค่เร่ง หรือถอนคันเร่งเร็วเกินไป ก็อาจจะส่งผลให้ตัวรถเสียอาการได้ง่ายๆ สุดท้ายนี้...เบรก Brembo Stylema เอาอยู่ทุกน้ำหนัก ทุกความเร็ว คู่ควรกับการเป็นเบรกติดรถมอเตอร์ไซค์ในราคา "ล้านอัพ" ทุกสำนัก
อัตราสิ้นเปลือง เรื่องต้องเข้าใจธรรมชาติ
เชื่อว่าเป็นประเด็นที่คนทั่วๆ ไปสนใจ แต่คนที่ต้องการจะครอบครอง น่าจะมองข้ามได้ นั่นก็คือ เรื่องของอัตราการสิ้นเปลืองของ Triumph Rocket 3 R ทันทีที่รับรถมา (Count Down น้ำมันในถัง คือ 0 กม.) เติมเชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล 95 เข้าไป 10 ลิตร หลังจากนั้นขี่ใช้งานทั่วไป จนระดับน้ำมันกลับมาเท่าจุดเริ่มต้นก่อนเติม ระยะทางที่ทำได้คือ 120 กม. ซึ่งก็เท่ากับว่า Triumph Rocket 3 R มีอัตราการบริโภคเชื้อเพลิงราวๆ 12 กม./ลิตร ถามว่าดุเดือดไหมเมื่อเทียบกับมอเตอ์ไซค์รุ่นอื่นๆ ที่มีแรงม้าเท่าๆ กัน ก็ต้องยอมรับว่า...พอตัว แต่...หากเทียบกับเครื่องยนต์ในพิกัด 2.5 ลิตร ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งผู้ที่พร้อมจะจับจอง ก็คงจะทำความเข้าใจกับค่าใช้จ่ายในส่วนนี้อยู่แล้ว ไม่ได้ถึงกับว่าเยอะจนเกินจะจ่ายไหว สำหรับคนที่ต้องการเข้าถึงคำว่า "สุด"
Triumph Rocket 3 R ขี่ง่ายครับ...แต่ไม่ใช่รถที่เหมาะกับมือใหม่
ผมใช้เวลาไปกับการเขียนรีวิวนี้นานกว่าบทความอื่นๆ นานพอตัว ไม่ใช่ว่าผมชื่นชอบรถรุ่นนี้มากกว่ารุ่นอื่นๆ หรืออะไรแบบนั้น แน่นอนว่า...มีมอเตอร์ไซค์รุ่นอื่นๆ ที่อาจถูกใจผมมากกว่านี้ แต่ทว่า...รถที่ชื่อว่า Triumph Rocket 3 R เป็นเสมือนการสร้างสิ่งมหัศจรรย์ ที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ ให้กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ เพื่อให้คนทั่วๆ ไป (ที่มีกำลังซื้อ หรือ โอกาส) ได้สัมผัส มันไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะยัดเครื่องที่ความจุสูงขนาดนี้ในบอดี้มอเตอร์ไซค์ 1 คัน เป็นเรื่องที่ยากจนคาดเดาไม่ได้เลยล่ะครับว่า ค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการออกแบบจะต้องมหาศาลขนาดไหน นั่นเป็นเหตุผลที่ในครั้งนี้ ผมจึงมีเรื่องให้พูดถึงค่อนข้างเยอะจนหมดวัน Triumph Rocket 3 R ไม่ใช่รถที่แรงที่สุด ไม่ใช่รถที่เร็วที่สุด ไม่ใช่รถที่ขี่ง่ายที่สุด ไม่ใช่รถที่ขี่ดีที่สุด ไม่ใช่รถที่สวยที่สุด แต่ Triumph Rocket 3 R เป็นรถที่มีเครื่องยนต์ความจุสูงที่สุด เท่าที่คุณจะหาซื้อได้ ซึ่งแน่นอนว่า คำว่า "สุด" ประการเดียวของมอเตอร์ไซค์ที่มีชื่อว่า Triumph Rocket 3 R มันคือ ความสุด แบบที่ไม่ได้มโนไปเองอย่างแน่นอน !
Triumph Rocket 3 R ราคา 955,000 บาท
Triumph Rocket 3 GT ราคา 985,000 บาท