เขียนโดย: Pajingo

เมื่อ: 16 กันยายน 2562 - 13:56

รีวิว BMW R1250 GS ลองแล้วจึงเข้าใจ ทำไม GS จึงได้ชื่อว่าเป็น จุดจบของไบค์เกอร์ ?

 

            มอเตอร์ไซค์ คำสั้นๆ ที่ไบค์เกอร์รู้จัก คุ้นเคยมาอย่างยาวนาน ซึ่งแน่นอนว่านักบิดแต่ละคนนั้น ย่อมมีสองล้อคันเก่ง ที่เปรียบดั่งม้าศึกคู่ใจในสไตล์ของตัวเอง โดยแม้ว่าจุดเริ่มต้นของหลายๆ คนอาจต่างกัน เช่น บางคนเป็นสายหมอบ ชื่นชอบสองล้อแนวสปอร์ต ที่เน้นความเร็ว แรงเป็นหลัก, บางคนเป็นสายเนค ชอบขี่แบบเน้นความคล่องตัว และสามารถใช้งานได้อยากหลาย แต่เชื่อเถอะว่า...เมื่อถึงจุดหนึ่ง สัจธรรมที่เรียกว่า "ความสบายในการเดินทาง" อาจแทรกซึมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไบค์เกอร์อย่างไม่เคยคาดคิด ซึ่งนี่ถือเป็นความจริงที่มิอาจปฏิเสธได้ ของคนหลงใหลในการขี่มอเตอร์ไซค์มาอย่างจริงจัง จนเรียกว่า "พบทางสว่าง" ซึ่งในท้ายที่สุด เมื่อวันนั้นมาถึง...มอเตอร์ไซค์ในแนวแอดเวนเจอร์ทัวริ่ง อาจจะเป็นรถที่ตอบโจทย์ที่สุดของคุณก็เป็นได้

 

 

           จุดจบของไบค์เกอร์...อาจเป็นการจั่วหัวที่ดูน่าสยดสยองไปสักหน่อย แต่อย่างเพิ่งตกใจ หรือหดหู่ในอารมณ์กันไป แน่นอนว่าในความหมายที่ทางผู้เขียนต้องการให้ตีความนั้น ไม่ได้หมายความถึงการล้มหายตายจาก แต่เปรียบเป็นการพบทางสว่าง สำหรับคนที่ชื่นชอบการขี่มอเตอร์ไซค์หรือรักการเดินทางด้วยสองล้ออย่างจริงจัง ที่ไม่ว่าจะเริ่มจากสายไหน แต่ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าคุณยังไม่แขวนหมวกกันน็อค เลิกขี่ไปเสียก่อน คำว่า "สายทัวริ่ง" จะเป็นอีกหนึ่งนามสกุลที่คุณจะได้มาครองอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะสองล้อแนวนี้ คือ มอเตอร์ไซค์ที่สามารถตอบโจทย์ในการเดินทางได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งในปัจจุบันก็มีมอเตอร์แนวทัวริ่งหลายค่ายหลายแบรนด์ให้เลือกกันตามกำลังทรัพย์และความชอบของแต่ละคน

 

 

              BMW ในสายรหัส GS ถือว่าเป็นมอเตอร์ไซค์ที่ค่ายใบพัดฟ้าขาว สร้างมาเพื่อนักเดินทางขนานแท้ โดยเฉพาะกับรุ่นเรือธงอย่าง BMW R.... GS ซึ่งถือว่าเป็นที่สุดแห่งวงการ ด้วยสมรรถนะที่โดดเด่น เทคโนโลยีความปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวกอันเหนือชั้น รวมถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเจนเนอเรชั่นไหนๆ รุ่นใหญ่ในตระกูล GS มักเป็นที่กล่าวขานในวงการการเดินทางแบบเกินหน้าเกินตาเพื่อนร่วมคลาสเสมอ ซึ่งนั่นส่งให้ความนิยม BMW R.... GS ทั้งในบ้านเราและต่างประเทศมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่เว้นแม้แต่เจนเนอเรชั่นล่าสุด ที่มีมาในรหัส R1250 GS ที่แม้จะเพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน แต่ก็สามารถสร้างปรากฏการณ์เป็น Talk of the Town ได้ในระยะเวลาอันสั้น

 

BMW R1250 GS กับขุมพลังใหม่ อัพความจุ พร้อมใส่ระบบ Shift Cam

 

             BMW R1250 GS (บีเอ็มดับบลิว อาร์ 1250 จีเอส) กลับมาในภาพลักษณ์ที่อาจไม่แตกต่างตากเดิมมากนัก ซึ่งก็เข้าใจได้ในสไตล์ที่ชัดเจนของสองล้อรุ่นใหญ่ผู้นี้ แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนเลยก็คือ การพัฒนาขุมพลังให้มีสมรรถนะที่โดดเด่นขึ้นไปอีกขั้น โดยไฮไลท์ของการอัพเกรดในครั้งนี้ นอกจากการขยับความจุให้สูงขึ้นอีก 83 ซีซี. จาก 1,171 ซีซี. เป็น 1,254 ซีซี. โดยใช้ลูกสูบขนาดใหญ่ และยืดช่วงชกอีก 3 มม. ซึ่งส่งผลโดยตรงในเรื่องของแรงบิดที่เพิ่มขึ้น ก็คือ การนำระบบวาล์วแปรผัน Shift Cam เข้ามาใช้ โดยเจ้าระบบ Shift Cam นี้ ทำงานด้วยการออกแบบแคมชาฟต์ให้มีลูกเบี้ยว 2 ชุด ทั้งลิฟท์ต่ำสำหรับการใช้งานในรอบปกติ เพื่อให้อากาศไหลเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้อย่างพอเหมาะในโหลดการทำงานที่ไม่สูงมากนัก ซึ่งลูกเบี้ยวลิฟท์ต่ำทั้ง 2 วาล์ว ยังมีขนาดที่ต่างกันด้วย เพื่อเน้นเรื่องความประหยัด (ทาง BMW เคลมว่าประหยัดขึ้นอีก 4% เมื่อเทียบกับขุมพลังของ R1200 GS เจนเนอเรชั่นก่อน) และอัตราการตอบสนองที่มีความโดดเด่น ทำงานได้อย่างราบรื่น เรียกได้ว่าเป็นการออกแบบที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดจริงๆ ส่วนถ้าใช้รอบสูงเกิน 5,000 รอบ/นาที ตัว Actuator แบบ Electromagnatic จะทำหน้าที่ขยับแคมชาฟต์เพื่อให้ลูกเบี้ยวลิฟท์สูงทำงาน เรียกอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้มากขึ้น เปรียบเสมือนการทำงานของร่างกาย ซึ่งหากเราเดินด้วยความเร็วที่ไม่สูงมาก ร่างกายจะหายใจในอัตราปกติ แต่หากเราวิ่ง เราต้องหายใจเร็วและลึกขึ้น เพื่อให้มีอากาศเพียงพอต่อการมีชีวิตอยู่ ซึ่งเมื่อรวมกับการปรับโปรแกรมในกล่อง ECU รวมถึงระบบ Knock Sensor ใหม่ ให้รองรับกับเชื้อเพลิงที่หลากหลายยิ่งขึ้น ส่งให้ขุมพลังของ BMW R1250 GS ที่มาพร้อมระบบ Shift Cam ให้กำลังสูงสุดถึง 136 แรงม้า ที่ 7,750 รอบ/นาที และแรงบิด 143 นิวตัน-เมตร ที่ 6,250 รอบ/นาที ดูจากตัวเลขแล้ว ถือว่าแรงบิดสูงมาก เมื่อเทียบกับความจุของเครื่องยนต์ พร้อมเติมความสมูทด้วยชุดเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อม Gear Shift Assistant Pro และ Slipper Clutch

 

Hill Start Control Pro มั่นใจ...รถไม่ไหล แม้จอดติดเครื่องบนทางชัน

 

            สิ่งหนึ่งทีสร้างความประทับใจให้สาวก GS ในทุกเจนเนอเรชั่นที่ผ่านมา คงหนีไม่พ้นการออกแบบช่วงล่างที่ให้สมรรถนะในการขับขี่อย่างเหนือชั้น กลมกล่อมทั้งความสบายในการขับขี่ รวมถึงสมรรถนะที่ยากที่ใครจะเสมอเหมือน เช่นเดียวกับใน BMW R1250 GS ที่มาพร้อมระบบช่วงล่าง Dynamic ESA ที่ได้รับการอัพเกรดขึ้นไปอีกขั้น โดยสามารถปรับ Riding Modes Pro ในการขับขี่ได้ถึง 6 โหมด ซึ่งในแต่ละโหมดจะประมวลผลอย่างละเอียด เพื่อการตอบสนองอย่างเหมาะสม โดยสามารถปรับเซ็ตค่าได้อย่างหลากหลายตามต้องการ เช่น ปรับโหลดตามน้ำหนักของผู้ขับขี่และสัมภาระ, ปรับอัตราการตอบสนองของช่วงล่างเพื่อให้เหมาะกับสภาพเส้นทาง นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั้นระดับโปรเพื่อให้การขับขี่ทำได้อย่างมั่นใจ มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ABS Pro ทำงานร่วมกับ Dynamic Brake Control ที่จะทำหน้าที่ตัดกำลังของเครื่องยนต์และเพิ่มแรงเบรก ในขณะที่มีการเบรกฉุกเฉิน เพื่อเติมประสิทธิภาพการหยุดรถในระดับสูงสุด รวมถึงระบบ Dynamic Traction Control ที่ทำหน้าที่ลดกำลังและการตอบสนองของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นผิว และคอนโทรลกำลังในขณะเข้าโค้ง นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นใหม่ที่สร้างความประทับในให้กับผู้เขียนในทันทีที่ได้สัมผัส นั่นก็คือ Hill Start Control Pro ซึ่งทำหน้าที่ป้องกันการไหลของตัวรถ (โดยไม่ต้องบีบหรือเหยียบเบรก) ในขณะที่ออกตัวบนทางชัน (ทั้งขึ้นและลง) โดยระบบจะทำงานอัตโนมัติภายใน 1 วินาที เมื่อจอดบนทางชันที่มีความชันมากกว่า 5%  

 

BMW Motorrad Connected App

 

             การขับขี่ก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่สำหรับมอเตอร์ไซค์ระดับไฮเอนด์ในยุคนี้ สิ่งที่มิอาจขาดไปได้ นั่นคือเรื่องของเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ ซึ่ง BMW R1250 GS ถือว่าให้มาแบบจัดหนัก จัดเต็ม สมกับความเป็น "ที่สุดในรุ่น" อย่างแท้จริง โดยทำงานผ่านหน้าจอสีขนาด 6.5 นิ้ว ที่นอกจากจะสามารถบอกค่าการทำงานของเครื่องยนต์และระบบต่างๆ ได้อย่างชัดเจนแล้ว ยังสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ได้มากขึ้นอีกขั้น ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร, ฟังเพลง, ใช้ระบบนำทางผ่านบลูทูธ โดยมีฟรีแอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า BMW Motorrad Connected App ซึ่งออกแบบมาให้รองรับทั้ง iOS และ Android เป็นตัวเชื่อมต่อ

 

BMW Enduro Park ศรีราชา

 

Mr.GS แนะนำเทคนิคการขับขี่ในรูปแบบ Enduro

 

             มาถึงขั้นตอนของการทดลองขี่ สัมผัสแรกกับ BMW R1250 GS ในครั้งนี้ ทางค่ายเชิญสื่อมวลชนมาลองฟีลกันที่ BMW Enduro Park ศรีราชา ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่ฝึกขับขี่ในรูปแบบ Enduro แห่งใหม่ ที่มีความกว้างใหญ่ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย รองรับการขับขี่ทั้งในรูปแบบ On Road และ Off Road ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ภายใต้คำแนะนำจากทีมผู้ฝึกสอนที่ได้การรับรองจาก BMW Motorrad International Instructor Academy และ BMW Motorrad Tour Guide Academy จำนวน 8 ท่าน แต่ที่เป็นไฮไลท์ที่สุดของการทดลองขี่ในครั้งนี้ก็คือ เราได้รับเกียรติจาก Mr.GS หรือ Mr.Tomm Wolf มาเป็นหัวหน้าทีมแนะนำเทคนิคการขับขี่ BMW R1250 GS ในครั้งนี้ โดยรุ่นที่ทาง BoxzaRacing ได้ทดลองขีี่ในครั้งนี้ มีทั้ง BMW R1250 GS Adventure และ BMW R1250 GS HP Style

 

 

            สัมผัสแรกที่ได้ทดลองขี่ ผู้เขียนขึ้นควบ BMW R1250 GS Adventure เป็นคันแรก ไม่ใช่ว่าจะโชว์เก่ง โชว์เก๋าหรืออะไร แต่เพื่อนๆ สื่อที่ร่วมทริปด้วยกัน ล้วนชิงเอา GS ธรรมดา ไปก่อนหน้าแล้ว ยอมรับตามตรงเลยว่า โดยส่วนตัวก็ไม่ได้ถนัดการขับขี่ในแนวเอนดูโร่สักเท่าไหร่ บวกกับ BMW R1250 GS Adventure มีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ สูง และน้ำหนักไม่น้อย (แต่เบานะ...เมื่อเทียบกะไซส์รถโดยภาพรวม) อาการประหม่าเล็กๆ ย่อมเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว คงต้องทำใจดีสู้เสือเข้าว่า ขึ้นคร่อมรถ BMW R1250 GS Adventure อย่างไม่ลังเล การวางเท้าแตะพื้นทั้ง 2 ข้าง ของผู้ขี่ที่สูง 168 ซม. ช่วงขา 77 ซม. อาจทำได้อย่างไม่มั่นใจนัก ขอแนะนำว่าวางเท้าข้างเดียวให้มั่นคงแล้วบาลานซ์น้ำหนักให้เหมาะสม ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ขึ้นคร่อมตั้งรถ สิ่งแรกที่รู้สึกคือ รถไม่ได้หนักอย่างที่ตาเห็น สามารถยันให้ขึ้นมาตั้งตรงได้ง่าย ไม่ต้องใช้แรงเยอะ

 

 

               เริ่มแรกทางผู้ฝึกสอนให้ขี่วนเพื่อทำความคุ้นเคยกับตัวรถใน BMW Enduro Park ศรีราชา ซึ่งต้องบอกว่า ใช้เวลาไม่นานก็สามารถปรับตัวให้เข้ากับ BMW R1250 GS Adventure ได้อย่างกลมกลืน ด้วยบาลานซ์ของตัวรถที่มีความโดดเด่น บวกกับการตอบสนองของเครื่องยนต์ที่มีความสมูท แรงบิดในรอบต่ำที่สูง ไม่คลอๆ คลัทช์เพระต้องกลัวเครื่องดับยามขับขี่ขึ้นเนินด้วยความเร็ว Walking Speed รวมถึงระบบอิเล็คทรอนิคส์ที่แอบช่วยให้สามารถขับขี่ได้โดยง่ายอย่างเงียบๆ โดยหลังจากที่ทำความคุ้นเคยกับตัวรถเป็นที่เรียบร้อย ทางผู้ฝึกอัพเลเวลการขับขี่ให้ท้าทายขึ้นไปอีกขั้นด้วยอุปสรรคจำลอง ทั้งการขับขี่บนผืนทราย การขับขี่ในทางหินลอย รวมถึงการขับขี่ผ่านแหล่งน้ำ ซึ่งต้องบอกว่า ไม่ว่าจะเจออุปสรรคในรูปแบบไหน BMW R1250 GS Adventure ก็พร้อมจะผ่านไปแบบไม่ยากเย็น เพียงจัดท่าทางในการขับขี่อย่างเหมาะสม ถ่ายน้ำหนักให้เข้ากับสถานการณ์ เดินคันเร่งเนียนๆ ไม่กระโตกกระตาก ทุกสิ่งกีดขวาง...จะกลายเป็นเรื่องขนมสำหรับ BMW R1250 GS Adventure อย่างแน่นอน

 

 

           ลองใน BMW Enduro Park ศรีราชา เป็นที่เรียบร้อย ก็ได้เวลาออกไปขี่บนถนนจริงกับบ้าง ซึ่งสถานที่ในการทดลองขับขี่ครั้งนี้ ยังคงเป็นพื้นที่ของทางศูนย์ฝึกที่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 5,000 ไร่ (ใหญ่ที่สุดในเอเซีย) โดย BoxzaRacing ยังคงปักหลักอยู่กับ BMW R1250 GS Adventure เช่นเดิม โดยเส้นทางที่ทดลองขี่นั้น เป็นพื้นแอสฟัลท์สลับกับทางพื้นดินทรายในไร่ สิ่งแรกที่อดพูดถึงไม่ได้เลยก็คือ เรื่องของพละกำลังของเครื่องยนต์ Boxer + ระบบ  Shift Cam ที่ปลดปล่อยแรงม้าออกมาให้ใช้ได้อย่างต่อเนื่อง แทบไม่ต้องลากรอบสูงให้เสียอัตราการสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น แต่หากต้องการความสนุกอย่างเต็มที่ ก็เพียงเปิดคันเร่งให้พ้นช่วง 5,000 รอบ/นาที ความเร้าใจจะวิ่งเข้ามาหาผู้ขับขี่แบบเต็มสตีม โดยผมแอบสังเกตอาการในช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนชุดแคมชาฟต์ แต่กลับไม่พบอาการสะอึกหรือสัญญาณผิดปกติให้รำคาญใจแม้แต่น้อย สิ่งที่ทำให้รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง คงมีเพียงเสียงจากเครื่องยนต์และอัตราเร่งที่ดุดันมากขึ้นเท่านั้น ส่วนเรื่องการทรงตัว หากจะบอกว่า นี่คือ รถแนวทัวริ่งแอดเวนเจอร์เพียงหนึ่งในไม่กี่รุ่น ที่ให้ความรู้สึกมั่นใจในการขับขี่ทางเรียบไม่น้อยหน้ารถในตระกูลที่ออกแบบมาให้วิ่งบนถนนโดยเฉพาะก็คงไม่ผิดนัก เป็นรถที่ให้ความนุ่มนวลสูงมาก และให้ประสิทธิภาพในการทรงตัวที่ดีมากในคันเดียวกัน นี่คือ สิ่งที่บรรดารถแนวนี้รุ่นอื่นๆ (รุ่นใหญ่แต่อยู่ในระดับราคาที่ต่างกัน) ไม่สามารถทำได้ ทรงตัวในความเร็วสูงได้ดี ไม่มีอาการย้วย เข้าโค้งได้เนียน ไม่รู้สึกเหวอ ซึ่งคงต้องยกเครดิตให้กับระบบอิเล็คทรอนิคส์จาก BMW ที่ทำงานได้อย่างแนบเนียนจนผู้ขับขี่ไม่รู้สึกว่ามีสิ่งแปลกปลอมมาเป็นตัวแทรกแซงระหว่างผู้ขี่กับตัวรถในขณะขับขี่ 

 

 

             ขับขี่ทางเรียบว่าดีอย่างหาที่ติ หรือข้อเปรียบเทียบไม่ได้แล้ว ในทางดินก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน แม้ว่ารถ BMW R1250 GS Adventure จะมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่และอวบอ้วน แต่สำหรับผู้ขับขี่ที่ตัวใหญ่กว่าลูกแมวเล็กน้อย กลับไม่รู้สึกว่าเรื่องสรีระนั้น เป็นปัญหาที่ส่งผลให้ความสนุกในการขับขี่ต้องชะงัก ด้วยการควบคุมที่ทำได้ง่าย ช่วยให้การขี่ BMW R1250 GS Adventure บุกตะลุยไปยังที่ต่างๆ ทำได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่ผู้ขับขี่จะได้เปลี่ยนมาทดลองขี่ BMW R1250 GS HP Style บ้างในช่วงท้าย โดยความประทับใจในภาพรวมนั้น ไม่รู้สึกว่าต่างกันจนต้องนำมาเป็นประเด็นในการพิจารณา แต่หากสิ่งที่สัมผัสได้เพียงเล็กน้อย จากการเปลี่ยนมาลองขี่รถที่มีขนาดเล็กลง อาจพอพูดได้ว่า BMW R1250 GS HP Style มีความคล่องตัวเหนือกว่าอยู่แบบพอรู้สึกได้ แต่ก็คงไม่ด้รู้สึกว่ามากจนเป็นเหตุผลที่ใช้ในการตัดสินใจเลือกระหว่าง BMW R1250 GS Adventure กับ BMW R1250 GS รุ่นปกติ แน่นอนว่าขนาดของรถอาจมีผลต่อความคล่องตัวในการขับขี่ แต่เราก็มิอาจปฏิเสะได้เช่นกันว่า หลังจากที่ได้ทดลองขี่มาพักใหญ่แล้ว ความรู้สึกคุ้นชินกับตัวรถที่มีมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ขับขี่รู้สึกถึงความคล่องตัวได้มากยิ่งขึ้นก็เป็นได้

 

 

            สำหรับผู้ที่สนใจ แต่ยังสับสน หรือเลือกไม่ถูกว่า...จะเอา GS หรือ GSA ดี ? ในความรู้สึกโดยส่วนตัว สำหรับคนที่มีทุนทรัพย์พอที่จะซื้อมอเตอร์ไซค์คันละกว่า 1 ล้านบาทได้ เรื่องส่วนต่างที่ต้องเพิ่ม คงไม่ใช่ประเด็นที่จะนำมาพิจารณาแต่อย่างใด ส่วนเรื่องความจุถังน้ำมันที่ GSA มีมากกว่า (1 ถัง วิ่งได้ไกลกว่า 500 กม.) ก็คงไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะในความเป็นจริง สำหรับการเดินทางออกทริป โดยส่วนใหญ่สัก 150 - 200 กม. ก็ควรจะหยุดพักเพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัวจากความเหนือยล้าอยู่แล้ว นอกเสียจากว่า คุณต้องเดินทางไกลๆ แล้วไม่มีปั๊มให้เติมน้ำมัน ถ้าต้องขนาดนั้น GSA อาจดูมีภาษีที่ดีกว่า เรื่องความคล่องตัว จากที่ทาง BoxzaRacing ได้ลองขี่ในครั้งนี้ ในสภาพเส้นทางที่คอนดิชั่นใกล้เคียงกันมาก แทบไม่รู้สึกถึงความแตกต่างจนต้องนำมาเป็นประเด็นในการพิจารณา แต่...สิ่งเดียวที่มีผลมากที่สุด คงหนีไม่พ้นเรื่องของภาพลักษณ์ และความพึงพอใจส่วนตัว เห็นแล้วชอบรุ่นไหนมากกว่า ภูมิใจกว่ากับความเป็นที่สุดของ GSA หรือไม่ ? ซึ่งถ้าคำตอบของคุณอยู่ตรงนั้น ส่วนต่างเพียง 69,000 - 89,000 บาท คงไม่ใช่ประเด็นที่ต้องนำมาคิดให้ปวดหัวอย่างแน่นอน

 

สักภาพกับ มร.คริสเตียน แซมลาวสกี้ ผู้อำนวยการ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย

 

BMW R1250 GS Adventure กับ BMW R1250 GS...คันไหนที่ใช่ ?

 

             BMW R1250 GS Adventure กับ BMW R1250 GS ใหม่ มาพร้อมค่าตัว "ล้านต้น" รวมเครื่องเคียงสำหรับการเดินทางมาให้เสร็จสรรพ แม้ไม่ต้องแต่งอะไรเพิ่ม แต่ก็ยังอาจจะดูห่างไกลกับสิ่งที่เรียกว่า "ความคุ้มค่า" แต่ปฏิเสธไม่ได้หรอกครับ ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นมาจากจุดไหน สองล้อรุ่นใหญ่ในตระกูล GS จะเป็นหนึ่งในคำตอบสุดท้ายที่อธิบายได้ทุกคำถาม สำหรับคนที่หลงใหลในโลกของ "มอเตอร์ไซค์" อย่างแท้จริง ในโลกนี้มีมอเตอร์เพียง 2 รุ่น ที่ทำให้ผมรู้สึกว้าว...แบบโครตว้าว ! ในครั้งแรกที่ได้ขี่ ซึ่ง R1250 GS เป็นหนึ่งในรุ่นที่ทำได้ ! (อีกรุ่น คือ Ducati Panigale V4S) อ่านมาถึงตรงนี้...เข้าใจความหมาย จุดจบของไบค์เกอร์ ! ที่ผมต้องการจะสื่อแล้วหรือยัง ?

 

 

BMW R1250 GS ราคา 1,085,000 บาท

BMW R1250 GS HP Style ราคา 1,105,000 บาท

BMW R1250 GS Adventure ราคา 1,174,000 บาท

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook