เขียนโดย: Monster Racing

เมื่อ: 10 กรกฏาคม 2561 - 10:59

Moto Guzzi V7 III Stone ที่สุดของความเท่ กับสไตล์ที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของคุณ

          โมโต กุซซี่ (Moto Guzzi) แบรนด์รถมอเตอร์ไซค์ระดับตำนานจากอิตาลี ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1921 จวบจนปัจจุบันมีอายุกว่า 97 ปี นอกเหนือไปจากคุณภาพการผลิตมอเตอร์ไซค์แบบแฮนเมด (hand-made) ชั้นเยี่ยมแล้วนั้น Moto Guzzi ยังให้ความสำคัญกับการออกแบบในทุกรายละเอียดเปรียบเสมือนผลิตงานศิลปะชั้นสูงอันปราณีต พิสูจน์ได้ด้วยมอเตอร์ไซค์ทุกรุ่นที่มีดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์สะกดทุกสายตา และเป็นยานพาหนะที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า และปลอดภัย ให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสสุนทรียภาพแห่งการเดินทางในสไตล์อิตาเลี่ยนอย่างแท้จริง

 

 

          ประสบการณ์การขับขี่สไตล์อิตาเลี่ยนของ Moto Guzzi นั้น หากไม่พูดถึง V7 (V-Seven) รุ่นรถมอเตอร์ไซค์ของ Moto Guzzi ที่เป็นตำนาน มีชื่อเสียงโดดเด่น และเป็นรู้จักมากที่สุดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1967 คงไม่ได้ หลังจากที่ได้เริ่มจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์รุ่น V7 ครั้งแรกปี ค.ศ. 1967 ในอิตาลี V7 ก็กลายเป็นรถยอดนิยม และกลายเป็นตัวแทนรถมอเตอร์ไซค์ชั้นยอดจากอิตาลี่ อีกทั้งยังเป็นรถสำหรับผู้เริ่มต้นขับขี่ (entry-level) ได้ทั้งหญิง และชาย และยังเป็นที่นิยมของสาวกสายคัสตอม (custom) ที่นิยมนำรถรุ่น V7 นี้ไปแปลงโฉมตามสไตล์ที่ชื่นชอบเฉพาะคน นอกจากนี้ Moto Guzzi V7 นี้โดดเด่นทั้งอุปกรณ์และดีไซน์ที่มาพร้อมกับรถ จึงไม่แปลกที่จะเป็นที่ชื่นชอบของทั้งแฟนพันธุ์แท้ และคนทั่วไป นอกจากนี้ยังเป็นรถสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเป็นเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์รุ่นไอคอนที่ผลิตใน มานเดลโล เดล ลาริโอ (Mandello del Lario) อีกด้วย

 

Moto Guzzi V7 III Stone รุ่นฉลองครบรอบ 50 ปี

 

          50 ปีถัดมา Moto Guzzi ได้เปิดตัวรถเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของตระกูล V7 นั่นคือรถ V7 เจเนอเรชั่นที่สาม หรือ V7 III (V Seven Three) การเปิดตัวเวอร์ชั่นใหม่ของรถมอเตอร์ไซค์อันโด่งดัง และความสำเร็จล้นเหลือนั้นเป็นเรื่องยากมาก โดยเฉพาะเมื่อต้องพิจารณาว่า V7 ซึ่งเป็นรถที่ขายดีที่สุดของแบรนด์มาตั้งแต่ปี 2009 เช่นเดียวกันเมื่อเปรียบเทียบรถรุ่น V7 II กับ V7 รุ่นแรก การปรับเปลี่ยนของรถรุ่น V7 III นั้นมากพอที่จะได้รับการยกย่องให้เป็นเวอร์ชั่นใหม่เฉกเช่นรถรุ่นอื่นที่ได้รับความนิยมอย่างสูงมาเป็นเวลานานเช่นรุ่น Le Mans และ California รถรุ่น V7 III ได้รับการพัฒนาใหม่ทั้งหมดด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่ยังคงขับขี่ง่าย และคงไว้ซึ่งรูปทรงคลาสสิค เพื่อความพึงพอใจสูงสุดในการขับขี่ "TRULY V7, JUST BETTER" โดยยังคงเสน่ห์ของ V7 โดยการปรับเปลี่ยนของรถรุ่น V7 III นั้นมากพอที่จะได้รับการยกย่องให้เป็นเวอร์ชั่นใหม่ที่ยังคงลักษณะดั้งเดิมท้าทายกาลเวลาเสมอมา

 

หน้าจอแสดงผลทรงกลม ที่บอกรายละเอียดแบบดิจิตอล และมาตรวัดความเร็วแบบอนาล็อก

 

สีเหลือง Giallo Energico แรงบันดาลใจจากยุค 70'

 

ฝาถังน้ำมันอลูมิเนียมพร้อมประทับตรา Moto Guzzi

 

เบาะนั่งแบบมีสายจับสำหรับผู้ซ้อนท้าย พร้อมปักตรา Moto Guzzi ไว้ที่ด้านท้ายของเบาะ

 

          และรถในรุ่น V7 ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดได้แก่รุ่น “สโตน (Stone)” หรือ โมโต กุซซี่ วี7 III สโตน (Moto Guzzi V7 III Stone) ในรูปลักษณ์ที่ดูแข็งแกร่ง และหล่อเหลายิ่งกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ ซึ่งมาพร้อมกับดีไซน์ในสไตล์ Modern Classic ที่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ความเป็น V7 อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ได้รับการบรรจุเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และเพิ่มจุดเด่นความเป็น Limited Edition บ่งบอกความพิเศษของรุ่นฉลองครบรอบ 50 ปี เริ่มจากสีตัวถังใหม่ "สีเหลือง Giallo Energico" ที่ตัดกับ "สีดำด้าน" โดยยกเลิกการใช้ชิ้นส่วนโครเมียมออกไปทั้งหมด, บังโคลนหน้าแบบสั้นที่ให้ความดุดันยิ่งขึ้น, เรือนไมล์แสดงผลรูปวงกลมแบบเดี่ยว, เบาะนั่งแบบมีสายจับสำหรับผู้ซ้อนท้าย พร้อมปักตรา Moto Guzzi ไว้ที่ด้านท้ายของเบาะ ในขณะที่ส่วนอื่นๆ ยังคงความคลาสสิคตามแบบฉบับของ V7 ไว้เช่นเดิม เช่น ถังน้ำมันโลหะขนาด 21 ลิตร ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรุ่น V7 Sport ในปี 1971 รวมไปถึงดีไซน์ภายนอกทั้งหมดที่ใครเห็นก็รู้ว่านี่คือ "Moto Guzzi V7" อย่างแน่นอน

 

ดิสก์เบรคหน้าขนาด 320 มม. ปั้มเบรคของ Brembo ขนาด 4 Pot พร้อมระบบ ABS บนล้อแม็ก Spoked wheels ขนาด 18"

 

อาร์มหลังแบบ Unit Swing โช้คอัพคู่

 

          สำหรับระบบช่วงล่างของ Moto Guzzi V7 III Stone มาพร้อมกับระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบ Hydraulic Telescopic ขนาด 40 มม. พร้อมออกแบบให้มียางหุ้มสำหรับแกนโช้คอัพ บ่งบอกความเป็นคลาสสิคขนานแท้ โช้คอัพด้านหลังเป็นแบบ Unit Swing โช้คอัพคู่ ส่วนระบบเบรคด้านหน้ามาพร้อมกับดิสก์เบรคขนาด 320 มม. ปั้มเบรคของ Brembo ขนาด 4 Pot และด้านหลังเป็นดิสก์เบรคเดี่ยวขนาด 260 มม. ปั้มเบรคแบบ 2 Pot ซึ่งมาพร้อมระบบเบรค ABS ทั้งหน้า-หลัง นอกจากนั้น Moto Guzzi V7 III Stone ยังเป็นรุ่นแรก และรุ่นเดียวที่มาพร้อมกับล้อแม็กแบบ Spoked wheels ขนาด 18" ด้านหน้า และ 17" ด้านหลัง รัดด้วยยาง Pirelli Sport Demon

 

เครื่องยนต์ V-Twin วางตามยาว เอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Moto Guzzi

 

ท่อไอเสียคู่ออกข้าง ผ่านมาตรฐาน Euro 4

 

          Moto Guzzi V7 III Stone มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V-Twin แนวตามยาว อันเป็นลักษณะเฉพาะตัว กับขนาดความจุ 744 ซีซี. 2 วาล์ว/สูบ ระบายความร้อนด้วยอากาศ ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชักอยู่ที่ 80 x 74 มม. ให้กำลังสูงสุด 52 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดที่ 60 นิวตัน-เมตร ที่ 4,900 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเพลาขับ ผ่านเกียร์ 6 สปีด (พร้อมมีไฟ Shift Light และไฟบอกตำแหน่งเกียร์ที่เรือนไมล์) คายไอเสียด้วยท่อไอเสียคู่ดีไซน์ออก 2 ข้าง เอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Moto Guzzi ที่ผ่านมาตรฐาน Euro 4 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

Moto Guzzi V7 III Stone มาพร้อมกับระบบ Traction Control ที่ปรับได้ 2 ระดับ และสามารถปิดได้

 

          นอกจากนั้น Moto Guzzi V7 III Stone ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยที่เหนือระดับ และถูกพัฒนาขึ้นอีกขั้น กับระบบ MGCT (Moto Guzzi Traction Control) ที่สามารถปรับระดับความไวในการตอบสนองได้ 2 ระดับ คือระดับปกติ ซึ่งเหมาะกับสถานการณ์ที่ล้อเกาะพื้นถนนได้ไม่ดี เนื่องจากพื้นถนนเปียกลื่น ในขณะที่อีกระดับเหมาะสำหรับการขับขี่ที่เร้าใจ และปลอดภัยบนถนนที่แห้ง อีกทั้งระบบ MGCT ยังสามารถควบคุมการทำงานของล้อหลังได้ เพื่อชดเชยเมื่อยางสึกหรอ หรือการใช้ยางรถในสภาพการขับขี่ที่ต่างไปจากเดิม เพื่อให้ระบบควบคุมแรงบิดทำงานได้อย่างถูกต้อง และแม่นยำเสมอ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ Moto Guzzi V7 III Stone นอกจากนี้ หากคุณต้องการความเร้าใจแบบสุดขั้น ยังสามารถปิดการทำงานของระบบ MGCT ได้อีกด้วย

 

Moto Guzzi V7 III Stone สามารถขับขี่ได้อย่างคล่องตัว ถือเป็นรถมอเตอร์ไซค์สายคลาสสิคที่มีความคล่องตัวสูง

 

          สำหรับสมรรถนะการขับขี่ของ Moto Guzzi V7 III Stone ถือเป็นรถมอเตอร์ไซค์สายคลาสสิคที่มีความคล่องตัวสูง โดยทีมงาน BoxzaRacing ได้ทดลองขี่ในที่แคบๆ แบบมีพื้นที่จำกัด เพื่อทดลองความคล่องตัว ผลปรากฏว่าเจ้า Moto Guzzi V7 III Stone นั้น สามารถถ่ายทอดความพริ้วออกมาได้อย่างโดดเด่น แม้ตัวรถจะมีน้ำหนักถึง 209 กิโลกรัม ก็ตาม แต่ด้วยการออกแบบเบาะนั่งที่ต่ำลง (770 มม.) สามารถวางเท้าเต็มพื้นได้อย่างมั่นใจ และแฮนด์บาร์แบบยกสูง พร้อมบิดเข้าหาตัวผู้ขับเล็กน้อย ทำให้สามารถบังคับรถได้อย่างมั่นใจ รวมไปถึงการจัดท่าทางการขับขี่ และการเอียงรถทำได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งทำได้ดีไม่แพ้รถจำพวก Sport Bike หรือ Naked Bike เลยทีเดียว 

 

 

           สำหรับสมรรถนะของขุมพลังเครื่องยนต์ V-Twin ขนาด 750 ซีซี. จาก Moto Guzzi V7 III Stone ถือว่าตอบสนองได้เร้าใจ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยจังหวะสตาร์ทเครื่องยนต์จะรับรู้ได้ถึงแรงเหวี่ยงของลูกสูบ รวมไปถึงสุ้มเสียงที่เร้าใจของปลายท่อไอเสียคู่ ที่คำรามออกมาได้อย่างน่าเกรงขาม จังหวะการออกตัวมีกระชากเล็กน้อย เนื่องจากรถในสไตล์นี้ถูกออกแบบให้มีแรงบิดที่สูงในรอบต่ำ แต่หากจับจังหวะได้แล้ว ก็สามารถขับขี่ได้อย่างสมูทยิ่งขึ้น ย่านความเร็วกลางไปจนถึงปลาย ก็ถือว่าให้พละกำลังได้ดี สามารถไปได้อย่างต่อเนื่อง และลื่นไหล บิดเป็นมาๆ จังหวะเร่งแซง และจังหวะต้องการใช้ความเร็วถือว่าทำได้อย่างปลอดภัย และตามใจสั่ง ซึ่งเจ้า Moto Guzzi V7 III Stone สามารถขับขี่ได้ทั้งในเมือง และการเดินทางท่องเที่ยวออกทริป เรียกได้ว่าคันเดียวจบ ครบทุกไลฟ์สไตล์

 

Moto Guzzi V7 III Stone เร้าใจกว่าที่เคย ตอบโจทย์ครบทุกไลฟ์สไตล์

 

            เท่าที่ BoxzaRacing ได้ทดลองใช้งาน Moto Guzzi V7 III Stone แบบจริงๆ จังๆ ก็พบว่า มอเตอร์ไซค์คลาสสิคสุดชิคคันนี้ เป็นรถอีกหนึ่งคันที่เรียกว่าสามารถขับขี่ได้ง่าย ให้ความคล่องตััวที่โดดเด่นแม้จะขี่ในเมืองช่วงเวลาที่การจราจรแออัด ตัวรถให้บาลานซ์ในการทรงตัวที่ดีเกินคาด ระบบส่งกำลังตัดต่อระหว่างเกียร์ได้อย่างนุ่มนวล ไม่มีติดขัด แม้จะไม่มีวัดรอบเครื่องยนต์มาให้ แต่จะมีไฟคอยเตือนพร้อมตัวเลขบอกว่าควรเปลี่ยนเกียร์ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ ซึ่งนอกจากจะทำให้สามารถรีดสมรรถนะของรถออกมาได้อย่างเต้มที่แล้ว ยังช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงอีกด้วย ด้านระบบ MGCT ในระดับต่างๆ ทำงานได้ละเอียดต่างกันแบบรู้สึกได้ หากต้องการความนิ่มนวล กินลมสบายๆ ระดับ 2 ตอบโจทย์อย่างแน่นอน แต่ที่อยากจะแนะนำโดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ คือ พยายามเปิดระบบ MGCT เอาไว้ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว อาจโดนแรงบิดอันหนักหน่วงของ Moto Guzzi V7 III Stone เล่นงานก็เป็นได้ 

            การออกทริป เดินทางไกลๆ สำหรับ Moto Guzzi V7 III Stone ถือว่าทำได้อย่างนุ่มนวล มั่นใจ เรียกได้ว่า...ไปที่ไหน กับใครก็ได้ ด้วยสมรรถนะที่มีมาให้ ถือว่าสอบผ่านฉลุย ที่ความเร็วเดินทาง 120 กม./ชม. +- ให้การทรงตัวที่มั่นใจด้วยระบบช่วงล่างที่เซ็ตมาอย่างกลมกล่อม เช่นเดียวกับระบบเบรกจาก Brembo ที่หยุดแบบสั่งได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น...ไฮไลท์ที่สำคัญที่สุดของความเป็น Moto Guzzi ก็คือ ไม่ว่าคุณจะขับไปจอดที่ไหน ก็มีแต่คนมองด้วยความโดดเด่น จนผู้พบเห็นบางคน ถึงกับต้องควักกล้องออกมาแชะภาพเลยก็มี

 

Moto Guzzi V7 III Stone ราคา 610,000 บาท

 

          สำหรับสีไฮไลท์คือ สีเขียว (Verde Camouflage) นอกจากนี้ยังมีสีที่ทุกคนต้องอยากเป็นเจ้าของอย่าง สีดำ (Nero Ruvido), สีน้ำเงิน (Azzurro Elettrico) และ สีเหลือง (Giallo Energico) ซึ่งลุคใหม่ของ Moto Guzzi V7 III Stone จัดจำหน่ายคันละ 610,000 บาท

          ผู้ที่สนใจเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ Motoplex Bangkok โครงการ A-Square หรือ Facebook : www.facebook.com/MotoGuzziThailandOfficial/ หรือ IG : @MotoGuzzi_Thailand หรือโทร 02-262-0888

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook