เขียนโดย: Piapiano

เมื่อ: 2 ธันวาคม 2562 - 17:43

4 ขุนพล Superbike สมรรถนะสูงพิกัด 1,000 ซีซี. ใครจะเป็นผู้ครองบัลลังก์ที่สุดในรุ่น มาตัดสินไปด้วยกัน

 

          ในช่วงปลายปี 2019 ต้องขอบอกเลยว่ากระแสการเปิดตัวของ Superbike ที่ต่างพากันงัดไม้เด็ดกันมาแบบไม่ยั้งมือทั้งจากฝั่งเอเชียและยุโรป ทำให้ไบค์เกอร์แทบทุกท่าน ต่างพากันตาลุกวาวไม่เบาเลยทีเดียว ด้วยรูปทรงของการออกแบบดีไซน์ที่เริ่มจะฉีกล้ำกันขึ้นไปเรื่อยๆ รวมไปถึงเทคโนโลยีที่ติดตั้งมากับตัวรถเรียกได้ว่าเกินคำบรรยายเลยก็ว่าได้ครับ

          และในครั้งนี้ BoxzaRacing จะมาทำการ Battle เปรียบเทียบ Superbike ตัวท็อปทั้ง 4 รุ่น ที่เปิดตัวไปกันเมื่อไม่นาน ตั้งแต่ในช่วงของงาน EICMA Motorcycle Show 2019 จนถึงล่าสุดนี้ เริ่มที่ Honda CBR1000RR-R SP รถ Superbike ระดับตำนานจากค่ายปีกนก ที่มีข่าวลือกันมาอย่างหนาหู กับการเปิดตัวโฉมใหม่หมดทุกสัดส่วน พร้อมอัดแน่นเทคโนโลยีระดับ MotoGP มาเต็ม ต่อด้วย Yamaha YZF-R1M 2019 กับการปรับโฉมพัฒนาของเจ้ากระเบนพันธุ์ดุ ที่จะกลับมาทวงคืนบัลลังก์อีกครั้ง ส่วนทาง Ducati ก็ได้ส่งนักชกมุมแดงหมัดหนักอย่าง Ducati Panigale V4S 2020 ที่มีทรวดทรงปราดเปรียวดุดันตามสไตล์อิตาเลี่ยนดีไซน์ และล่าสุดที่พึ่งประกาศราคาค่าตัวไปหมาดๆ กับ BMW S1000RR 2020 ที่มีการปรับโฉมใหม่หมด พร้อมอัพเกรดเทคโนโลยีมาเต็มลำเช่นกัน งานนี้การ Battle จะดุเดือดขนาดไหน ตามไปชมด้วยกันเลยครับ

 

Honda CBR1000RR-R SP 2020

Honda CBR1000RR-R SP 2020

 

          Honda CBR1000RR-R SP 2020 ผลงานชิ้นโบว์แดงชิ้นล่าสุดของทางค่ายปีกนกที่ได้รับการพัฒนาภายใต้พื้นฐานจากรถแข่ง MotoGP ซึ่งได้ทำการเปิดตัวไปในงาน EICMA Motorcycle Show 2019 ที่ผ่านมา เรียกเอากระแสฮือฮาไม่เบาจากสาวก Honda ด้วยรูปลักษณ์หน้าตาสุดดุดัน เฉียบคม แถมมี Winglet รูปแบบเดียวกันกับ Honda RCV213V ติดตั้งมาให้จากโรงงานเป็นที่เรียบร้อย 

 

 

          ในส่วนของเทคโนโลยีทาง Honda ได้อัดแน่นมาชนิดที่ว่าไม่น้อยหน้าใครเลยทีเดียว เริ่มที่ ระบบเซ็นเซอร์ประมวลผล IMU 6 แกน ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ตรวจจับทุกอาการของรถในการขับขี่ใช้งานตั้งแต่บนท้องถนนจนถึงการขับขี่ในสนามแข่ง โดยจะเห็นได้จากภาพหน้าจอเรือนไมล์ TFT ที่แสดงองศาการเอียงของตัวรถที่บอกได้เลยว่าโดนใจสายสนามไม่น้อย รวมไปถึงระบบที่รถ Superbike ในปัจจุบันต้องมีมาให้กับระบบ Launch Control หรือระบบล็อครอบออกตัวที่จะมีให้ในตัว SP และ Quick Shifter ที่จะได้รับการติดตั้งทั้งในตัว Standard และ SP เป็นระบบพื้นฐาน รวมไปถึงระบบช่วยเหลือในการขับขี่ไม่ว่าจะเป็น Engine Brake Control ที่สามารถปรับความหน่วงของ Engine Brake ตามการใช้งานได้ และ Wheelie Control ที่จะเข้ามาควบคุมอาการหน้าลอยของตัวรถให้มีสเถียรภาพมากขึ้น ควบคู่กับระบบ Honda Selectable Torque Control (HSTC) ที่จะทำหน้าที่ควบคุมแรงบิดหรือที่เรารู้จักกันก็คือ Traction Control นั่นเองครับ ตามด้วยชุดกันสะบัดไฟฟ้า Honda Electronic Steering ที่สามารถปรับความหนืดได้ 3 ระดับ พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งานของไบค์เกอร์สายสปอร์ต

 

 

          ทางด้านของช่วงล่างในตัว SP นั้น จะได้รับการติดตั้งโช้คหน้าไฟฟ้าแบบ Up Side Down ของ Ohlins NPX Semi-Active Fork ขนาด 43 มม. ระยะยุบตัวอยู่ที่ 125 มม. ที่สามารถปรับเซ็ตค่าได้อย่างละเอียดจากหน้าจอแสดงผล TFT ตามด้วยปั๊มเบรกหน้าจาก Brembo Stylema ควบคู่กับดิสก์เบรกหน้าขนาด 330 มม. ตามด้วยปั๊มเบรกหลัง Brembo แบบเดียวกันกับที่ใช้ในตัว Honda RC213V-S และโช้คอัพหลังไฟฟ้าจาก Ohlins TTX36 Smart-EC Unit มีระยะยุบตัวอยู่ที่ 143 มม. งานนี้ขอบอกเลยว่าครบองค์

 

 

          ส่งท้ายกันที่ขุมพลัง ของ Honda CBR1000RR-R 2020 นั้น ได้รับการพัฒนาใหม่ให้จัดจ้านขึ้นกว่าเดิมในบล็อค 4 ลูกสูบเรียง โดยการจัดองค์ประกอบชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ใหม่หมด เริ่มที่ยกชุดลูกสูบใหม่ กับเทคโนโลยี Piston-Jet ด้วยการเปลี่ยนไซส์ลูกสูบเป็น 81 มม. และเปลี่ยนใช้ก้านสูบไทเทเนียม พร้อมกับเพิ่มช่วงชักเป็น 48.5 มม. ที่ขนาดความจุกระบอกสูบ 999.9 ซีซี. DOHC 16 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ในจุดนี้จึงทำให้แรงม้าเพิ่มขึ้นมาได้สูงสุดถึง 215 แรงม้า ที่ 14,500 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุดที่ 113 นิวตันเมตร ที่ 12,500 รอบ/นาที และแบกน้ำหนักของตัวรถที่ 201 กิโลกรัม พร้อมทีเด็ดกับการติดตั้งท่อไอเสียไทเทเนียมดีไซน์ปลายดาบจาก Akrapovic แบบ 4-2-1 เอาใจคอ Racing กันไปเลย และราคาค่าตัวของ Honda CBR1000RR-R ยังไม่มีการเปิดเผยราคาออกมาอย่างเป็นทางการ

 

Yamaha YZF-R1M 2020

Yamaha YZF-R1M 2020

 

          เรียกได้ว่าเป็นการกลับมาอีกครั้งของ Superbike พันธุ์โหดจากค่ายส้อมเสียง ที่มีการปรับโฉมด้วยการสร้างความโดดเด่นในเรื่องของ Aerodynamic ที่ดีขึ้นกว่าเดิม 5.3% พร้อมชุดแฟริ่งคาร์บอนลดน้ำหนักตัวรถได้ไม่น้อย โดยถอดแบบพื้นฐานจากตัวแข่ง MotoGP อย่าง Yamaha YZR-M1 และปรับเปลี่ยนดีไซน์ชุดไฟหน้าใหม่ให้เฉียบคมยิ่งขึ้น พร้อมกับการอัดแน่นเทคโนโลยีขั้นสูงมาแบบไม่อั้น งานนี้สาวก Yamaha ต่างพากันใจละลายแน่นอนครับ

 

 

          ในด้านของเทคโนโลยีที่ได้รับการอัพเกรดให้โดดเด่นขึ้นไปอีกขั้น กับระบบ  Brake Control ที่ทำงานผ่านระบบประมวลผล IMU แบบ 6 แกน ได้ละเอียดยิ่งขึ้น โดยสามารถเลือกระดับการทำงานได้ถึง 2 รูปแบบ โดยระบบจะประมวลผลการเบรกจากองศาการเอียงของตัวรถ พร้อม Engine Brake Control ที่สามารถปรับได้ถึง 3 ระดับ ตามความเหมาะสมในสถานการณ์การขับขี่ และอีกหนึ่งระบบที่พัฒนาขึ้นใหม่คือ Launch Control หรือระบบล็อครอบออกตัวที่สามารถล็อครอบได้ถึง 9,000 รอบ/นาที โดยระบบจะสั่งเปิดลิ้นเร่ง 41% เพื่อให้สามารถออกตัวได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น และสามารถควบคุมได้แบบไม่กระโชกโฮกฮากมากนัก โดยฟังชั่นเหล่านี้ จะแสดงผลบนจอสีแบบ TFT ให้ผู้ขับขี่ได้ทราบถึงการทำงานของระบบ

 

 

          ตามมาด้วยช่วงล่างประสิทธิภาพสูงด้วยการติดตั้งชุดโช้คไฟฟ้า Dynamic Öhlins Electronic Racing Suspension (ERS) โดยโช้คอัพหน้าได้มีการติดตั้ง Öhlins NPX และโช้คอัพหลัง Öhlins ปรับไฟฟ้าโดยผู้ขี่สามารถปรับเซ็ตค่าตามความต้องการผ่านแอปพลิเคชั่น YRC และสามารถดึงข้อมูลการขับขี่เพื่อพัฒนาฝีมือผ่านทาง Y-TRAC ได้อย่างสะดวก ต่อด้วยชุดอะไหล่ที่ทำจากวัสดุพิเศษไม่ว่าจะเป็น เฟรมแม็กนีเซียมอัลลอยแบบ Compact Deltabox Frame, ล้อแม็กนีเซียมอัลลอย, ชุดแฟริ่งคาร์บอนพร้อมเฉดสีสุดดุดัน โดยภาพรวมในจุดนี้ ทำให้ Yamaha YZF-R1M 2020 มีน้ำหนักตัวรถที่เบาลงอย่างเห็นได้ชัดเจนที่ 201 กิโลกรัม รวมของเหลวครับ  

 

 

          ในด้านของขุมพลังของ Yamaha YZF-R1M 2020 ยังคงมาในรูปแบบ Crossplane CP4 พิกัด 998 ซีซี. DOHC 16 วาล์ว ที่ให้กำลังสูงสุด 200 แรงม้า ที่ 13,500 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุด 112.40 นิวตันเมตร ที่ 11,500 รอบ/นาที โดยได้รับการพัฒนาเพื่อให้ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro5 ด้วยการอัพเกรดท่อไอดี ชุดจุดระเบิด ชุดหัวฉีดแบบ 10 รู จาก Bosch พร้อมด้วยแคมชาฟต์และกระเดื่องกดวาล์วใหม่ ช่วยให้การเรียกกำลังในย่านรอบสูงทำได้อย่างมีเสถียรภาพ เช่นเดียวกับท่อไอเสียที่ออกแบบมาให้มีแคตาไลติกถึง 4 ชิ้น ควบคุมการปลดปล่อยพละกำลังด้วยคันเร่งแบบ Ride by Wire ที่ปรับฟีลลิ่งในการบิดให้เป็นตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าการพัฒนาครั้งนี้ของทาง Yamaha สามารถตอบโจทย์ให้กับผู้ที่ต้องการ Superbike พละกำลังสูงและเพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำยุคได้เป็นอย่างดีครับ โดย Yamaha YZF-R1M 2020 สนนราคาค่าตัวอยู่ที่ 1,149,000 บาท

 

Ducati Panigale V4S 2020

 

          จัดหนักกันอย่างต่อเนื่องกับ Ducati ที่พึ่งได้มีการเปิดตัว Ducati Panigale V4S 2020 ในงาน Ducati World Premeir เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2562 พร้อมกับน้องใหม่สายโหดอย่าง Ducati StreetFighter V4 แต่ในครั้งนี้ เราจะมาพูดถึงหมัดเด็ดของ Ducati กับการปรับโฉมพัฒนาขึ้นไปอีกระดับกับ Ducati Panigale V4S 2020 โดยหน้าตารูปลักษณ์อาจจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อน แต่จุดเด่นในตัว 2020 นี้ V4S ได้รับการติดตั้ง Winglet มาให้เป็นที่เรียบร้อย โดยโฉมก่อนหน้านี้ Winglet จะมีการติดตั้งในรุ่น V4R เท่านั้น จึงเรียกได้ว่าเป็นข่าวดีของสาวก Ducati ที่ทางค่ายได้อัดแน่น Performance มาให้แบบไม่ยั้งมือเลยทีเดียว

 

 

          โดยในส่วนของเทคโนโลยีในตัวเจ้า Ducati Panigale V4S 2020 นั้น ขอบอกเลยว่าล้นจอจริงๆ ครับ เริ่มที่ระบบประมวลผล IMU แบบ 6 แกน ตามด้วยการตอบโจทย์การใช้งานด้วย Riding Modes ที่จะมีให้เลือกถึง 3 โหมด คือ Race, Sport และ Street เหนือชั้นขึ้นไปอีกด้วย Cornering ABS EVO โดยระบบจะประมวลผลผ่าน IMU แบบ 6 แกน เพื่อคำนวณการเบรกจากองศาการเอียงของตัวรถ ผนวกกับฟังก์ชั่นพื้นฐานอย่าง Ducati Traction Control (DTC) EVO 2 ที่ได้รับการอัพเกรดซอร์ฟแวร์ใหม่, Ducati Wheelie Control (DWC) EVO ระบบป้องกันล้อหน้าลอย, Ducati Slide Control (DSC) ระบบควบคุมการสไลด์ของตัวรถ, Engine Brake Control (EBC) EVO ระบบปรับเซ็ตค่าความหน่วงของ Engine Brake ตามความเหมาะสมของผู้ขี่, ระบบการตรวจวัดลมยางอัตโนมัติ, ระบบป้องกันการโจรกรรมรถโดยสามารถตรวจสอบผ่าน Ducati LinkApp เมื่อรถถูกโจรกรรมได้, Ducati Lap Timer GPS (DLT GPS) ฟังก์ชั่นการทำงานสำหรับการขี่ในสนามที่สามารถจับเวลาต่อรอบโดยการทำงานผ่านระบบ GPS และส่งท้ายกับระบบอุ่นแฮนด์ Heating Grips สไตล์รถยุโรปครับ...คุณพระ ! ต้องขอคารวะให้กับ Ducati Panigale V4S 2020 เลยว่าอัดแน่นทุกอณูจริงๆ 

 

 

          ในด้านของช่วงล่างนั้น Ducati Panigale V4S 2020 ได้รับการติดตั้งโช้คอัพหน้าจากแบรนด์คู่ขวัญอย่าง Öhlins NIX30 ปรับไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยี Öhlins Smart EC 2.0 และโช้คอัพหลัง Ohlins TTX36 ปรับไฟฟ้าเช่นกัน และชุดเบรกหน้า Brembo Stylema พร้อมดิสก์เบรก Semi Float ขนาด 330 มม. และชุดเบรกหลังกับปั๊ม Brembo ขนาด 2 ลูกสูบ พร้อมดิสก์เบรก 245 มม. ควบคู่กับระบบ ABS Cornering EVO ตามมาด้วยในส่วนของชุดล้อแม็กที่ได้รับการติดตั้งล้อแบรนด์เทพอย่าง Marchesini แบบโหดๆ เอาให้คุ้มกับสตางค์ที่จ่ายไปเลยทีเดียว

 

 

          ส่งท้ายในส่วนขุมพลัง Desmosedici Stradale V4 ขนาด 1,103 ซีซี. แบบ V4 เสื้อสูบวางทำมุม 90 องศา และ Desmodromically Valves อันเลื่องชื่อ 4 วาล์ว/สูบ พร้อมการปรับเลย์เอาท์การหมุนของข้อเหวี่ยงใหม่ให้เป็นแบบ Rearward Rotating Crankshaft เพื่อสร้างเสถียรภาพของเครื่องยนต์ในการขับขี่ให้สูงขึ้น ให้พละกำลังสูงสุด 214 แรงม้า ที่ 13,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 124 นิวตันเมตรที่ 10,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด พร้อมระบบ Ducati Quick Shift (DQS) EVO แบบ Up-Down ตอบสนองความต้องการทุกย่านกำลัง และในส่วนของราคาค่าตัวในบ้านเรานั้น ยังไม่มีการเปิดเผยออกมาอย่างเป็นทางการ

 

BMW S1000RR 2019

 

          ในที่สุดก็สิ้นสุดการรอคอยเป็นที่เรียบร้อย กับฉลามตัวใหม่อย่าง BMW S1000RR 2019 ที่ได้ทำการประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Motor Expo 2019 ครั้งนี้ต้องขอบอกอีกเช่นกันว่า BMW S1000RR 2019 เป็นรถ Superbike อีกหนึ่งรุ่นที่หลายๆ คนจับตามองมาสักพักใหญ่ๆ เลยก็ว่าได้ กับการปรับโฉมใหม่หมดตั้งแต่หัวจรดเท้า รวมไปถึงเทคโนโลยีมากมายที่ทาง BMW ได้จับมายัดใส่เต็มสตรีม

 

 

          มาเริ่มกันในส่วนของจุดเด่นในตัวเจ้า BMW S1000RR 2019 คือ การดีไซน์รูปลักษณ์หน้าตาใหม่หมด ให้มีความล้ำสมัยเฉียบคมและมีสัดส่วนที่กระชับ แถมการกระจายน้ำหนักก็ดีขึ้นกว่าเดิม ด้วยการออกแบบเฟรมใหม่แบบ Flex Frame จึงเป็นผลให้น้ำหนักตัวของ BMW S1000RR 2019 ลดลงจาก 208 กิโลกรัม จากโฉมก่อนหน้าเหลือเพียง 197 กิโลกรัม พร้อมกับการอัดแน่นเทคโนโลยีมาเต็มขั้น เริ่มด้วยโหมดการขับขี่ที่เป็นฐานระบบของตัวรถ ได้แก่  Rain, Road, Dynamic และ Race แถมโหมดการขับขี่สำหรับมืออาชีพแบบโปร ที่สามารถให้ผู้ขี่ปรับเซ็ตค่าต่างๆ ของตัวรถให้เหมาะสมกับการใช้งานของตัวผู้ขี่เองได้แบบไม่จำกัด ตามด้วยระบบ Cornering ABS หรือ ABS Pro และระบบ Dynamic Traction Control, Hill Start Control (HSC) ระบบป้องกันการไหลหรือช่วยออกตัวบนทางลาดชัน รวมไปถึง Engine Brake Control ที่จะแสดงผลการทำงานผ่านหน้าจอ TFT ขนาด 6.5 นิ้ว และมาทำหน้าที่เป็นระบบพื้นฐานให้กับเจ้า BMW S1000RR 2020 คันเก่งของค่ายใบพัดฟ้าขาวคันนี้

 

 

          ในส่วนของช่วงล่างนั้น BMW S1000RR 2019 ได้มีการติดตั้งชุดโช้คอัพหน้าไฟฟ้าจาก Marzocchi ขนาด 45 มม. ควบคู่กับดิสก์เบรกคู่หน้า Semi Float ขนาด 320 มม. และชุดเบรกจาก Hayes แบรนด์นอกกระแสแต่ประสิทธิภาพสูงจากทางยุโรป ทำงานร่วมกับระบบ Full Floater Pro ที่ช่วยเสริมสมรรถนะของช่วงล่างล้อหลังให้ทำงานมั่นคงมากขึ้น ต่อด้วยชุดล้อแม็กลายใหม่แบบอลูมิเนียมฟอร์จ ที่จะช่วยลดน้ำหนักของตัวรถและสร้างบาลานซ์จากการกระจายน้ำหนักที่ดีขึ้น

 

 

          ในด้านของขุมพลัง BMW S1000RR 2019 นั้น มาในบล็อค เครื่องยนต์ 4 ลูกสูบ 4 ขนาด 999 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมระบบ BMW Shift Cam ที่ช่วยเสริมย่านกำลังในรอบกลางให้สามารถใช้งานได้อย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น ให้พละกำลังสูงสุด 207 แรงม้า ที่ 13,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 113 นิวตันเมตร ที่ 11,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ 6 Speed ด้วยระบบ Shift Assist Pro แบบ Up-Down ต้องขอยกให้ว่า BMW S1000RR 2019 โฉมล่าสุดนี้ เรียกเอาความจัดจ้านอย่างเต็มพลังมากกว่าโฉมก่อนหน้าไปเลยครับ โดย BMW S1000RR 2019 สนนราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 1,020,000 บาท สำหรับสีแดง Racing Red และ 1,050,000 บาท สำหรับสี Tri Colors Light White /Racing Blue Metallic / Racing Red

 

 

ลงเวทีมาจับเข่าคุยกัน

          เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับข้อมูลของเหล่า Superbike สุดท็อปฟอร์มตัวล่าสุดที่เราได้คัดสรรค์มา Battle กันในวันนี้ ซึ่งเกณฑ์ที่เราได้เลือกมาในแต่ละรุ่นนั้น อยู่ในเรทราคาค่าตัวคาดเส้น 7 หลัก และเป็นรถ Superbike ที่เปิดตัวไปหมาดๆ ทุกคัน ซึ่งแต่ละคันนั้น ก็ต่างงัดทีเด็ดกันออกมาแบบไม่มีใครยอมใครกันเลยทีเดียว...จากที่เราได้ Battle กันไปแล้ว ดูเหมือนว่า Ducati Panigale V4S 2020 จะมีแต้มเหลื่อมๆ อยู่เล็กน้อย ด้วยทรวดทรงสุดเร้าใจพร้อมเทคโนโลยีและขุมพลังความแรงที่อัดแน่นมาให้แบบไม่เกรงใจค่ายอื่นเลย รองลงมาอาจเป็นไอ้หนุ่มหน้าใหม่จากค่ายปีกนกอย่าง Honda CBR1000RR-R 2020 ที่มีการเปลี่ยนอักษรห้อยท้ายเป็น RR-R พร้อมการดีไซน์สุดเฉียบคม โดยการสร้างและออกแบบอาศัยพื้นฐานเดียวกันกับรถแข่ง MotoGP พร้อมกระแสการตอบรับจากแฟนๆ ที่คึกคักเอาเรื่อง สุดท้ายคงต้องรอดูค่าตัวว่าจะทำออกมาได้ว้าวแค่ไหน และจะโดนลดทอนความเร้าใจลงไปเช่นเดียวกับเจนเนอเรชั่นก่อนๆ หรือไม่ หากนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย และต่อมากับ Yamaha YZF-R1M 2020 กระเบนสายพันธุ์โหดกับการปรับโฉมที่ดูเหมือนจะปรับเบาๆ แต่หากมองให้ลึก มีการเปลี่ยนรายละเอียดไปอย่างน่าสนใจ เพื่อรีดเอาความเกรี้ยวกราดออกมาได้แบบไม่ยั้งมือ ด้วยการอัพเกรดและการจัดองค์ประกอบของตัวรถทั้งภายนอกและภายในทำให้ Yamaha YZF-R1M 2020 ยังคงเป็น Superbike ตัวท็อปที่ไบค์เกอร์ทุกคนใฝ่ฝัน และสุดท้ายกับ BMW S1000RR 2019 ฉลามตัวใหม่ของ BMW ที่มีได้มีการปรับโฉมครั้งใหม่หมดทุกอณู ทำให้ตัวรถดูน่าสนใจมากขึ้นด้วยดีไซน์สุดล้ำยุค สัดส่วนกระชับ ขี่ง่ายขึ้น แต่อาจจะด้วยกระแสของตัวรถที่เหมือนจะปล่อยให้แฟนๆ รอนานเกินไป จึงทำให้แฟนๆ บางส่วนแอบหันไปมองรุ่นอื่นบ้าง รวมไปถึงข้อมูลเชิงลึกพร้อมการทดสอบแบบจริงจังของ BMW S1000RR 2019 ในเมืองไทย ยังไม่มีการเจาะลึกแบบจริงจัง จึงทำให้เรทติ้งของ BMW S1000RR 2019 อาจจะยังไม่พุ่งมากนัก แต่ก็โดนใจสำหรับสาย Sport ไม่เบาครับ 

 

 

          อย่างไรก็ตามการวิเคราะห์และเปรียบเทียบรถแต่ละรุ่น ขอให้ผู้อ่านเสพอย่างมีวิจารณญาณกันทุกท่านนะครับ เพราะรถแต่ละรุ่นล้วนแล้วแต่มีข้อดี ข้อเสีย ซึ่งอาจะเป็นปัจจัยในการตัดสินใจที่แตกต่างกันออกไป ในจุดนี้ก็ต้องอยู่ที่การตัดสินใจของผู้ซื้อว่าจะตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์การขับขี่ในรูปแบบใด ตามความชอบส่วนตัวของท่านเอง ส่วนในครั้งหน้า BoxzaRacing จะนำรถรุ่นไหนมา Battle ให้ชมกันอีก สามารถติดตามชมได้เลยครับที่ www.BoxzaRacing.com สำหรับวันนี้ต้องขอลากันไปก่อน...สวัสดีครับ

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook