Kawasaki Z300 VS Yamaha MT-03 ศึกแห่งศักดิ์ศรีของ Naked Bike พิกัด 300 ซีซี

Kawasaki Z300 VS Yamaha MT-03
ศึกแห่งศักดิ์ศรีของ Naked Bike พิกัด 300 ซีซี

          ถือเป็นพิกัดที่ค่ายรถมอเตอร์ไซค์ต่างๆ ให้ความสนใจไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว สำหรับรถจักรยานยนต์สไตล์ Naked Bike (เนกเก็ตไบค์) ในรุ่น 300 ซีซี. ที่ในตอนนี้ก็เริ่มจะมีออกมาสู่ตลาดรถให้เราได้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ และแน่นอนว่า 2 แบรนด์ดังจากดินแดนวาซาบิอย่าง Kawasaki (คาวาซากิ) และ Yamaha (ยามาฮ่า) ก็ไม่พลาดที่จะผลิตรถมอเตอร์ไซค์ Bigbike (บิ๊กไบค์) ในพิกัดที่ว่านี้สู่สายตาชาวไบค์เกอร์ทั้งหลายกัน

          ในวันนี้ BoxzaRacing จะมาทำการ Battle รถจักรยานยนต์ที่เรียกได้ว่าเป็นคู่แข่งที่มีความน่าสนใจมากเลยทีเดียว ซึ่งทาง Kawasaki ก็ส่งเจ้า Naked Bike ด้วยรหัสรุ่น Z300 ออกมาให้เราได้ยลโฉมกันไปพักหนึ่งแล้ว และแน่นอนทางค่ายส้อมเสียงอย่าง Yamaha ก็ไม่ยอมแพ้ ส่งเจ้าเนกเก็ตไบค์หน้าตาหล่อเหลาออกมาให้เราได้เห็นแบบสดๆ ร้อนๆ นั่นก็คือ MT-03 ส่วนใครจะมีจุดเด่นตรงไหน อย่างไรกันบ้าง ตามเรามาดูกันเลยดีกว่าครับ

          มาเริ่มกันที่ทางด้านค่ายสีเขียว Kawasaki กันก่อนเลย กับ Z300 เนกเก็ตไบค์ที่ได้รับการพัฒนาสืบทอดตระกูลมาจาก Ninja 300 เลยก็ว่าได้ ซึ่งได้ทำการปรับเปลี่ยนรูปโฉมใหม่ จากเดิมที่นินจาเป็นรถในสไตล์แบบ Sport Bike ก็ได้นำมาทำการถอดแฟริ่งออก ปรับเปลี่ยนรายละเอียดต่างๆ เล็กน้อยจนออกมาเป็นเจ้า Z300 เนกเก็ตไบค์อย่างที่เราได้เห็นกันในทุกวันนี้

          มาดูกันที่การออกแบบตัวรถกันก่อนเลย ทาง Kawasaki Z300 นี้ได้มีการปรับเปลี่ยนโฉมใหม่ จากเนกเก็ตรุ่นน้องอย่าง Z250 ที่มีออกมาก่อนหน้าไม่นานนัก แต่ด้วยพละกำลังที่เพิ่มขึ้น ทำให้ทางค่ายสีเขียวจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปทรงให้ดูแข็งแกร่งมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน พ่วงมาด้วยไฟหน้าแบบ Multi Reflector (มัลติ รีเฟลคเตอร์) ที่ทำออกมาให้แลดูโฉบเฉี่ยว และเข้ากับยุคสมัยไปพร้อมๆ กับความดุดันในแฝงอยู่ภายในนั่นเอง

          แฟริ่งของ Kawasaki Z300 จะมีลักษณะเป็นแบบเหลี่ยมๆ ตามลักษณะของรถจากค่าย Kawasaki ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ทั้งยังมีการพัฒนาตัวหน้าปัดให้มีความโดดเด่นมากกว่าเดิม ด้วยการปรับเปลี่ยนเป็นจอ Digital แทบทั้งหมด ซึ่งมันสามารถทำให้ผู้ขับขี่สามารถมองจอในขณะกำลังซิ่งได้อย่างสะดวกมากขึ้น และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ในเรื่องของความแข็งแรงของโครง Z300 ตัวนี้ ทางค่ายสีเขียวก็ได้มีการพัฒนามาใช้โครงแบบ High Tensile Steel ที่มีการผสมผสานเพิ่มเข้าไป ทำให้รถมีความแกร่งมากยิ่งขึ้น

          จากนั้นเรามาดูในส่วนของเครื่องยนต์กันบ้าง Kawasaki Z300 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 300 ซีซี. ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์แบบ 6 สปีด ที่ผู้ขับขี่สามารถใช้สมรรถนะของมันได้อย่างเต็มที่ ส่วนระบบกันสะเทือน ทางด้านหน้ามาพร้อมกับโช้คอัพแบบเทเลสโกปิค และระบบกันสะเทือนทางด้านหลัง ใช้เป็นแบบ Uni-Track (ยูนิ แทรค) ที่สามารถปรับตั้งค่าได้อี ทางด้านระบบเบรคด้านหน้าเป็นดิสก์เบรกขนาด 290 มม. และระบบเบรกหลังแบบดิสก์เบรกขนาด 220 มม. ซึ่งมันจะเข้ามาช่วยให้ระยะการเบรครถคู่ใจของเรานั้นลดลง

          ทางด้านราคาของ Kawasaki Z300 ตัวนี้ถือว่ากำลังดีเลยทีเดียว ไม่สูงจนเกินไป ไม่น้อยจนน่าเกลียด สนนราคาอยู่ที่ 172,000 บาท สำหรับใครที่กำลังมองหารถเนกเก็ตไบค์ไซส์กลางๆ สักคัน ก็ลองมองๆ เจ้า Z300 คันนี้ไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกกันได้เลยนะครับ

          พูดถึงค่ายสีเขียวกันไปเยอะแล้ว เรามาดูค่ายส้อมเสียงสุดร้อนแรงกันบ้าง กับ Yamaha MT-03 รถมอเตอร์ไซค์ Naked Bike ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย และคาดว่าผลตอบรับของมันก็คงจะออกมาดีไม่น้อย จากกระแสต่างๆ ที่แฟนๆ ของค่ายยามาฮ่าแห่งนี้ ตั้งตารอกันมาเป็นเวลานมนาน

          เรามาเริ่มกันในส่วนของการดีไซน์รูปทรงของตัวรถกันก่อนเลย หากใครคุ้นเคยกับรถสปอร์ตจากค่ายส้อมเสียงแห่งนี้ก็จะรู้กันดีว่า มันก็คือ การพัฒนาแนวทางมาจากเจ้า Yamaha R3 นั่นเอง โดยได้นำมาทำการปรับเปลี่ยนรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ รวมไปถึงที่เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนก็คงจะเป็นในส่วนของ การถอดแฟริ่งออก รวมไปถึงการเปลี่ยนตัวแฮนด์ ทั้งยังตีถังน้ำมันใหม่หมด เพื่อให้ดูเป็นรถ Naked Bike แบบเต็มพิกัด จนออกมาเป็นเจ้า Yamaha MT-03 อย่างที่เราได้ยลโฉมกัน

         Yamaha MT-03 (ยามาฮ่า เอ็มที 03) มาพร้อมกับตัวโครงรถแบบเปลือยออกในแบบฉบับของรถเนกเก็ตไบค์ พร้อมกับแฮนด์บาร์ในระดับพอดีตัว ทั้งยังมีโครงเหล็กใต้แฟริ่ง หรือที่หลายๆ คนเรียกกันว่า โครงถัก ซึ่งมันถือว่าเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่สำคัญของรถเนกเก็ตไบค์กันไปแล้วก็ว่าได้ ทางด้านเบาะนั่ง ดีไซน์ให้ท่าทางของผู้ขับขี่ยามโลดแล่นบนท้องถนน สบายและไม่ก้มจนเกินไป

          เรามาต่อกันที่ส่วนของเครื่องยนต์กันบ้าง Yamaha MT-03 สุดหล่อคันนี้มาพร้อมกับพละกำลังเครื่องยนต์ แบบ 2 สูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำขนาด 321 ซีซี. ซึ่งทางค่ายยามาฮ่าถือว่าทำเจ้าเนกเก็ตไบค์ตัวนี้ออกมาได้แบบแหวกกฎไม่ใช่เล่น พร้อมด้วยแรงม้าศึก 41.4 ตัว ที่ 10,750 รอบ/นาที แรงบิดอยู่ที่ 29.6 นิวตัน-เมตร ที่ 9,000 รอบ/นาที ซึ่งถือว่ามันจะสามารถให้แรงบิดที่มหาศาลกว่าเนกเกตไบค์รุ่นไหนๆ ในพิกัดนี้เลยก็ว่าได้ 

          การทำงานของเครื่องยนต์เป็นแบบ 4 จังหวะ DOHC 4 วาล์ว ใช้การจ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด การจุดระเบิดเป็นแบบ TCI ด้านอัตรากำลังอัดอยู่ที่ 11.2:1 ในขณะที่ความกว้างของกระบอกสูบอยู่ที่ 68 มม. และมีระยะช่วงชักอยู่ที่ 44.4 มม. โดยรวมแล้วเราอาจจะสรุปได้ว่าเจ้า Yamaha MT-03 ตัวนี้ มีสเปคที่ใกล้เคียงกับแฝดคนละฝาอย่าง Yamaha R3 เลยก็ว่าได้

          ด้านช่วงล่าง MT-03 มาพร้อมกับเบรกหน้า-หลังเป็นเบรกที่มาพร้อม ABS ทั้งคู่ โดยด้านหน้ามีขนาด 298 มม. ส่วนด้านเบรกหลังจะมีขนาด 220 มม. ระบบกันสะเทือนนั้นด้านหน้าเป็นแบบเทเลสโกปิก ด้านหลังเป็นสวิงอาร์ม พ่วงมาด้วยล้อหน้าขนาด 110/70 ล้อหลัง 140/70 โดยจะเป็นล้อเป็นแบบอัลลอย และสำหรับ Yamaha MT-03 คันนี้ ราคาของ Yamaha MT-03 เปิดตัวที่ 177,000 บาท ซึ่งหากมีการเปิดตัวมาด้วยราคาเท่านี้จริง คาดว่าผลตอบรับจากบรรดาแฟนๆ ของค่ายสุดร้อนแรงแห่งนี้คงจะดีไม่ใช่น้อย

Editor Comment***

          ก็ถือเป็นการดวลกันระหว่างรถ Bigbike ในพิกัด 300 ซีซี. ที่เรียกได้ว่ามีความสูสีกันอยู่พอสมควรเลยนะครับ ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าหากไบค์เกอร์คนไหนที่มีความชื่นชอบในการขับขี่ที่ค่อนข้างรุนแรง เร้าใจ และมีความสดใหม่ สามารถสั่งแรงบิดให้ออกมาได้อย่างใจนึก ก็คงต้องมองไปทาง Yamaha MT-03 ที่เห็นว่าจะมีกำลังส่งที่แรงกว่าทาง Z300 อยู่พอสมควร ด้วยความจุที่มากกว่าอยู่ 21 ซีซี. เลยทีเดียว แต่หากใครที่ชื่นชอบรถเนกเก็ตไบค์ที่แฝงไว้ด้วยความดุดัน สไตล์กึ่งๆ สปอร์ตนั้น มีดีไซน์อันเป้นเอกลักษณ์ ก็คงต้องหันกลับไปมองที่ทางด้านของ Kawasaki Z300 เนื่องจากทางค่ายสีเขียวก็ได้มีการออกแบบมาให้ตัวรถนั้นมีความดุดัน โฉบเฉี่ยว หรือพูดง่ายๆ ว่ามันมีการผสมผสานความเป็นรถสปอร์ตมากกว่าอยู่พอสมควรเลยทีเดียว

Kawasaki Z300 VS Yamaha MT-03

 

          นี่ก็เป็นรายละเอียดเบื้องต้นของรถ Bigbike ในสไตล์เนกเก็ต ทั้ง 2 รุ่น Kawasaki Z300 และ Yamaha MT-03 ซึ่งหากที่กำลังอยากจะจัดมอเตอร์ไซค์เนกเก็ตมาใช้สอยสักคันแล้วล่ะก็ เก็บเจ้าสุดหล่อทั้งสองนี้ไว้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งกันได้เลยนะครับ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้ขับขี่จะชอบแนวไหนมากกว่ากันนะครับ และสำหรับครั้งหน้าเราจะนำรถจากค่ายไหนมาทำการประลองหรือ Battle ให้เพื่อนๆ ได้มันส์กันอีก ติดตามกันได้ที่ BoxzaRacing เลยนะครับ

เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ซึ่งควรใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ***