เขียนโดย: Piapiano

เมื่อ: 28 พฤษภาคม 2563 - 10:36

เกียร์ Reverse ทำไมมอเตอร์ไซค์สายแข่งจึงนิยมใช้ มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร ไปหาคำตอบกัน

 

          เมื่อครั้งที่แล้ว เราได้พูดถึงคุณสมบัติต่างๆ ของหนึ่งในอุปกรณ์เสริมตกแต่งสุดฮิตที่ไบค์เกอร์สายซิ่งและสายสนามต้องติดตั้งอย่าง เกียร์โยง ในครั้งนี้ BoxzaRacing ช่วง ความรู้เรื่องรถ จะพามาเจาะลึกอีกหนึ่งลูกเล่นของเกียร์โยงโดยส่วนใหญ่ ที่สามารถปรับเซ็ทสำหรับสายสนามโดยเฉพาะ กับการปรับรูปแบบการเข้าเกียร์เป็นแบบ Reverse หรือ การเข้าเกียร์แบบกลับ ซึ่งรูปแบบเกียร์ Reverse หลายๆ คนอาจจะคุ้นหู แต่ก็ยังมีอีกหลายๆ คนที่ไม่เคยรู้จัก ว่าแท้จริงแล้ว มันคืออะไรกันแน่ แล้วมันใช้งานอย่างไร หรือในสถานการณ์แบบไหน วันนี้เราจะมาหาคำตอบไปด้วยกันครับ

 

 

          ถ้าพูดถึงรูปแบบการเข้าเกียร์ของมอเตอร์ไซค์ปกติทั่วไป ที่ทุกคนคุ้นชิน คือ เกียร์ 1 ตบลง แล้วเกียร์ต่อๆ มาจะเตะขึ้นทั้งหมด แต่พอจะถอนเกียร์ก็ตบลง ซึ่งก็ถือว่าเป็นธรรมชาติทั่วไปของรถมอเตอร์ไซค์แบบมีคลัทช์ในปัจจุบัน แต่รู้หรือไม่ว่า ในบรรดารถแข่งที่เราเห็นๆ กันอยู่ส่วนใหญ่ รูปแบบการเข้าเกียร์นั้น จะปรับเป็น Reverse ทั้งหมด โดยการทำงานคร่าวๆ คือ เริ่มที่เกียร์ 1 จะเตะขึ้นแทน ส่วนเกียร์ต่อๆ มาจะตบลง ส่วนการถอนเกียร์ก็จะกลายเป็นเตะขึ้นสลับกันเช่นนี้ โดยในปัจจุบันการเข้าเกียร์ในรูปแบบ Reverse ถ้าจะให้ทำงานอย่างสมบูรณ์และเต็มรูปแบบนั้น ต้องทำงานควบคู่กับระบบ Quick Shifter ที่จะทำให้การเปลี่ยนเกียร์แต่ละครั้งมีความรวดเร็ว ชนิดที่ว่าวิ. ต่อวิ.  จะเป็นอะไรที่ลงตัวเลยทีเดียวครับ

 

 

          เหตุผลที่ทำไมรถแข่งต้องปรับเป็นเกียร์ในรูปแบบ Reverse นั่นก็คือ ในขณะที่เข้าโค้ง รถจะต้องมีองศาการเอียงที่ค่อนข้างสูง ปัญหานี้อาจไม่เกิดกับการเข้าโค้งด้านขวา ด้วยความที่คันเกียร์อยู่ในตำแหน่งพักเท้าด้านซ้าย ในขณะที่เข้าโค้งหรือแบนรถไปทางซ้าย และต้องการจะต่อเกียร์ในโค้งหรือเพิ่มเกียร์ก่อนออกจากโค้ง ด้วยความที่พักเท้าด้านซ้ายอยู่แทบติดพื้นเวลาเข้าโค้งซ้ายหนักๆ ซึ่งถ้าพูดในมุมของรูปแบบการเข้าเกียร์ทั่วไป โอกาสที่จะสอดเท้าเข้าไปใต้คันเกียร์เพื่อเตะเพิ่มเกียร์ในขณะที่รถเอียงไปทางซ้ายด้วยองศาที่ต่ำมากๆ จึงทำได้ยาก หรือแทบไม่มีโอกาสที่จะทำได้ นั่นคือเหตุผลแรก ส่วนอีกหนึ่งเหตุผล คือ ถ้าพูดถึงความเป็นธรรมชาติในด้านกายวิภาคของมนุษย์ การกดลง จะเป็นอะไรที่ทำได้ง่ายและรวดเร็วกว่าการงัดขึ้น นั่นจึงทำให้การเข้าเกียร์ด้วยการใช้กลไกในรูปแบบ Reverse สามารถทำได้เร็วและกระชับเวลากว่า ด้วยเหตุนี้รถแข่งจึงต้องเปลี่ยนมาใช้คันเกียร์แบบ Reverse เพื่อเปลี่ยนรูปแบบการเพิ่มเกียร์ที่สะดวกและรวดเร็วขึ้น ด้วยการตบลงแทนนั่นเองครับ

 

 

          แต่อาจจะยังมีคำถามอีกว่า ถ้าเปลี่ยนเป็นรูปแบบ Reverse แล้วเวลาเข้าโค้งซ้าย ไม่ต้องเตะขึ้นเพื่อถอนเกียร์บ่อยครั้งเหมือนเดิมหรือ ? คำตอบคือ แน่นอนว่าต้องเตะขึ้นครับ แต่การเตะถอนเกียร์ในธรรมชาติของการแข่งขันหรือผู้ที่มีประสบการณ์ในการลงสนามแข่ง จะรู้ดีว่า สิงที่ต้องทำในช่วงก่อนที่จะเข้าโค้งก็คือ การถอนเกียร์และปรับท่าทางทุกอย่างก่อนที่จะเข้าโค้ง หรือที่เรียกกันว่า แต่งตัวก่อนเข้าโค้ง นั่นเองครับ ซึ่งโดยหลักสากล...ถ้าให้ดีไม่ควรถอนเกียร์ในขณะที่อยู่ในโค้งเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้เกิดการเสียหลักที่มาจากแรงฉุดของ Engine Brake ได้ครับ 

 

 

          สำหรับวิธีการปรับเปลี่ยนจากรูปแบบการเข้าเกียร์ปกติ ให้กลายเป็น Reverse คือ การสลับตำแหน่งของขาเกียร์ (ตำแหน่งวงกลมสีแดงในรูป) ให้ไปอยู่ในทิศทางตรงข้าม แต่ถ้ารถยังใช้พักเท้าเดิมจากโรงงาน อาจจะทำไม่ได้เพราะก้านขาเกียร์สั้นเกินไปครับ (ต้องดัดแปลงเพิ่มเติม) โดยกรณีของรถที่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็น Reverse จากขาเกียร์เดิม ถ้าอยากเปลี่ยนเป็นรูปแบบเกียร์ Reverse ต้องเปลี่ยนใส่เกียร์โยงที่มีขาเกียร์ยาวกว่าขาเกียร์ทั่วไป เพื่อที่จะหาองศาของการปรับตั้งคันเกียร์ได้ง่ายขึ้น แต่ก็ยังมี Superbike ระดับท็อปๆ หลายรุ่น เช่น BMW S1000RR ที่สามารถปรับเป็นเกียร์ Reverse ได้ด้วยขาเกียร์เดิมจากโรงงาน

          และสุดท้ายขอฝากสำหรับผู้ที่กำลังอยากลองปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบเกียร์ Reverse ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องพึงระวัง และควรมีสติปรับความชินเข้ากับการเข้าเกียร์แบบสลับเสียก่อนค่อยขับขี่แบบเต็มที่ ไม่เช่นนั้นแล้ว ถ้าหากเข้าผิดๆ ถูกๆ เมื่อใช้ความเร็วสูง อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังอย่างร้ายแรงได้ จึงขอฝากไว้สำหรับไบค์เกอร์ครับ ในครั้งหน้า BoxzaRacing จะนำความรู้เรื่องรถเรื่องใดมาฝากกันอีก สามารถติดตามได้เลยที่ www.BoxzaRacing.com สำหรับวันนี้ต้องขอลากันไปก่อน...สวัสดีครับ

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook