BMW S1000R VS Suzuki GSX-S1000 สงครามของ SportNaked รุ่นใหญ่

BMW S1000R VS Suzuki GSX-S1000 สงครามของ SportNaked รุ่นใหญ่

          สำหรับรถจักรยานยนต์ BigBike (บิ๊กไบค์) ในสไตล์ Sport NakedBike (สปอร์ตเนกเก็ตไบค์) เรียกได้ว่าตอนนี้ชาวสองล้อบ้านเราก็เริ่มที่จะหันมาให้ความสนใจกันมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าทางค่ายยักษ์ใหญ่ทั้งจากดินแดนยุโรป รวมไปถึงฝั่งเอเชียนั้นก็ต้องทำการคิดค้น ผลิตรถรุ่นใหม่ๆ ออกมาตอบสนองความต้องการของชาวไบค์เกอร์กันแบบไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้ใคร

Suzuki GSX-S1000

          และวันนี้ BoxzaRacing ของเราจะพาชาวสองล้อทุกท่านมาพบกับการ Battle ระหว่างคู่ปรับของวงการ Sport NakedBike ในพิกัด 1,000 ซีซี. ซึ่งทางฝั่งค่ายจากยุโรปอย่าง BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) ก็ได้ส่งตัวเจ้า BMW S1000R มาลงสู้ศึกในครั้งนี้ ส่วนทางด้านดินแดนซามูไรอย่าง Suzuki (ซูซูกิ) ก็เพิ่งได้ทำการเปิดตัว Suzuki GSX-S1000 เนกเก็ตไบค์รุ่นใหม่ของทางค่ายไปหมาดๆ โดยเราจะมาทำการขุดคุ้ยกันให้เห็นไปเลย ว่าทั้งสองรุ่นนี้ที่ถือเป็นรถในทัพหน้าของทั้งสองค่ายนี้ ของใครจะเจ๋งกว่ากัน ว่าแล้วก็อย่ารอช้า ตามมาชมกันเลยครับ

          มาเริ่มกันที่ทางฝั่งยุโรป กับเจ้าสุดหล่อ BMW S1000R ที่ได้รับโครโมโซมตกทอดมาจากรถสปอร์ตไบค์เต็มตัวอย่าง BMW S1000RR ซึ่งในเจ้า พันอาร์นี้ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนโฉม ให้ออกมาเป็นสปอร์ตเนกเก็ตไบค์เต็มสูบ ทั้งนี้มันยังมีดีไซน์ที่ทำให้ผู้ขับขี่มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

          แฟริ่งของเจ้า BMW S1000R อย่างที่เรารู้กันดี ว่ามันได้รับฉายาว่า ฉลามพันธุ์ดุ ด้วยแฟริ่งข้างของมันที่ได้รับการออกแบบลวดลายมาให้คล้ายกับครีบของฉลาม และทางด้านแฟริ่งช่วงล่างนั้นก้ได้ทำการเปลือยออกแทบทั้งหมด ซึ่งมันก็เรียกว่าเป็นเอกลักษณ์ของรถในสไตล์เนกเก็ตไบค์นั่นเอง ทางด้านแฮนด์ของมันก็ได้มีการพัฒนาให้สามารถขับขี่ได้คล่องตัวขึ้น บวกกับไฟหน้าที่กดต่ำลงมาเล็กน้อย ทำให้หน้าตาของมันออกมาดูมีความดุดันไม่ใช่เล่น

          ในเรื่องของระบบต่างๆ BMW S1000R คันนี้มีโหมดการขับขี่ที่สามารถปรับได้มากมาย อาทิเช่น Race Mode ซึ่งเป็นโหมดที่เหมาะแก่การขับในถนนโล่งๆ ยาวๆ ใช้ความเร็วสูงๆ เจ้าโหมดนี้ก็จะทำให้อัตราเร่งนั้นตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทางด้านโหมดที่เหมาะแก่การขับบนสภาพพื้นถนนที่เปียกลื่น อย่าง Rain Mode นั้นก็จะมีความหนืดกว่าปกติ รวมไปถึงอัตราเร่งที่จะทำให้รู้สึกได้ว่ามันนุ่มนวลขึ้น ทั้งนี้โหมด Rain เมื่อเราเปิดใช้นั้นระบบ Traction Control และ ABS ก็จะทำงานเร็วกว่าปกติ รวมถึงแรงม้าของมันจะลดลงมาเหลือเพียงแค่ 136 ตัวเท่านั้น นอกจากนี้ก็ยังมีโหมด Road, Sport, Dynamic และ Dynamic Pro ที่จะเข้ามาทำให้อัตราเร่งของเครื่องยนต์เพิ่มความดุดันขึ้นไปอีกเป็นทวีคูณ

          ในส่วนของช่วงล่างเจ้า BMW S1000R ก็ถือว่าได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี ทางด้านโช๊คอัพด้านหน้าของมันจะเป็นแบบ UpsideDown (โช๊คอัพแบบหัวกลับ) เทเลสโคปิคขนาด 46 มม. และมันยังสามารถปรับระดับได้ตามที่ผู้ขับขี่นั้นต้องการอีกด้วย โช๊คอัพด้านหลังของมันจะเป็นในลักษณะของสวิงอาร์มที่ทำงานร่วมกับแกนโช๊คเดี่ยว ซึ่งวัสดุที่นำมาใช้ก็จะเป็นอลูมิเนียม และมันก็ยังสามารถปรับระยะการยุบตัวได้เช่นเดียวกันกับทางโช๊คอัพด้านหน้านั่นเอง

          BMW S1000R คันนี้มัดมาด้วยยางหน้าขนาด 120/70 ทางด้านล้อหลังมีขนาดอยู่ที่ 190/55 ซึ่ง BMW S1000R ตัวนี้จะมาพร้อมระบบเบรคหน้าแบบดิสก์หน้าคู่ Floating Caliper (โฟลทติ้ง คาลิปเปอร์) หรือคาลิปเปอร์แบบลอยตัวนั่นเอง ส่วนเบรคด้านหลังจะใช้เป็นดิสก์แบบเดี่ยว ขนาด 220 มม. และแน่นอนว่าระบบเบรคทั้งหมดจะเป็น ABS ที่ได้รับการพัฒนามาอย่างดีจาก BMW Motorrad Race ABS ส่วนน้ำหนักรถโดยรวมของมันอยู่ที่ 207 กิโลกรัม ซึ่งก็ถือว่ายังอยู่ในระดับกลางๆ ไม่หนักหน่วงจนเกินไป

          มาดูเครื่องยนต์กันบ้างดีกว่า แน่นอนว่าเจ้า BMW S1000R คันนี้ใช้เครื่องตัวเดียวกับแฝดคนละฝาอย่าง BMW S1000RR นั่นก็คือตัวเครื่องยนต์ขนาด 999 ซีซี. 4 สูบ พร้อมเสียงอันดุดันที่เป็นเอกลักษณ์ของ BMW ที่ได้รับการตกทอดมาจากรุ่น S1000RR ส่วนในเรื่องการระบายความร้อนนั้น S1000R จะใช้การระบายความร้อนด้วยน้ำ และจ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด DOHC ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์แบบ 6 Speed ขนาดกระบอกสูบคูณช่วงชักอยู่ที่ 80 x 49.7 มม. ซึ่งแรงม้าของมันนั้นมีมาให้มากถึง 160 ตัวที่ 11,000 รอบต่อนาทีกันเลยทีเดียว 

          ถือว่าเจ้า BMW S1000R คันนี้มาพร้อมกับสมรรถนะที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว แถมในตอนนี้ทางค่ายใบพัดฟ้าขาวแห่งนี้ก็ได้มีการนำมาทำการประกอบกันในบ้านเราแล้ว โดยราคาของมันก็ต้องลดลงตามมาด้วยที่ 635,000 บาท ซึ่งถือว่าชาวไบค์เกอร์ทั้งหลายนั้นก็เก็บตังค์เพื่อที่จะไปจับจองกันแบบจ้าละหวั่นเลยทีเดียว

          ดูเจ้าฉลามขาว BMW S1000R กันไปมากแล้ว เรามาต่อกันที่ค่ายสุดร้อนแรงจากดินแดนซามูไร อย่าง Suzuki GSX-S1000 กันบ้างดีกว่า ซึ่งเจ้า GSX-S1000 คันนี้ก็เพิ่งได้มีการเปิดตัวกันไปเมื่อไม่นานที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นรุ่นน้องใหม่ของค่ายแห่งนี้เลยก็ว่าได้

          มาชมในส่วนของดีไซน์ของมันกันก่อนเลย Suzuki GSX-S1000 นี้ได้รับการดัดแปลงมาจากเจ้าจิ๊กเซอร์รุ่นพี่อย่าง Suzuki GSX-R1000 ที่เป็นรถ Bigbike ในสไตล์สปอร์ตแบบเต็มเหนี่ยว ซึ่งก็ได้รับการออกแบบมาให้เปลือยแฟริ่งท่อนล่างเช่นเดียวกัน และด้านบนก็จะเป็นในส่วนของแฮนด์บาร์ที่ได้มีการปรับเปลี่ยนโฉมใหม่ ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถขับขี่ได้ง่ายดายยิ่งขึ้น

          และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยสำหรับเจ้า Suzuki GSX-S1000 คันนี้ก็คือระบบไฟ LED ที่ออกแบบมาให้เป็นรูปทรงคล้ายๆ กับเขี้ยวเสือ อยู่ข้างๆบริเวณโคมไฟด้านหน้า ซึ่งต้องบอกเลยว่าเมื่อมีเจ้าเขี้ยวเสือนี้เข้ามาอยู่ใกล้ๆ ก็ได้ทำให้เจ้า GSX-S1000 คันนี้ทวีคูณความดุดันเพิ่มขึ้นมามากเลยทีเดียว ด้านแผงหน้าปัดของมันนั้นก็ล้ำหน้าไม่แพ้ค่ายอื่นๆ เหมือนกัน โดยมันจะสามารถปรับค่าความสว่างของหน้าจอได้อีกด้วย ซึ่งจะมาพร้อมกับตัววัดระยะทางในยามที่ไบค์เกอร์ออกทริปต่างๆ รวมไปถึงตัววัดอุณหภูมิความร้อน และอื่นๆ อีกมากมาย

          มาต่อที่ช่วงล่างกันบ้าง เจ้า Suzuki GSX-S1000 มาพร้อมกับระบบเบรคด้านหน้าแบบดิสก์คู่ Twin Disc ขนาด 310 มม. และมาคู่กับคาลิปเปอร์แบบ 4 พอร์ทแบบ Radial Mount จากแบรนด์ชื่อดังระดับโลกอย่าง Brembo (เบรมโบ้) ซึ่งมันจะใช้เป็นระบบเบรค ABS ทั้งหมด และเทคโนโลยีที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเจ้า Traction Control (เทรคชั่น คอนโทรล) หรือระบบควบคุมความสัมพันธ์ของล้อ ที่มันจะเข้ามาสร้างความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นไปอีกระดับ

          ส่วนโช๊คอัพด้านหน้าของ Suzuki GSX-S1000 เลือกใช้เป็นแบบ Upside Down (โช๊คอัพแบบกลับหัว) พร้อมกับขนาดอยู่ที่ 43 มม. ซึ่งได้ร่วมมือกับแบรนด์โช๊คอัพชื่อดังอย่าง KYB และมันก็ยังสามารถปรับระดับได้ตามที่ผู้ขับขี่ต้องการอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมทางยานยนต์อีกหนึ่งชิ้น ที่สามารถตอบโจทย์ชาวไบค์เกอร์รุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ด้านโช๊คอัพหลังเป็นแบบเดี่ยว Link-Type ส่วนยางของมันนั้น ล้อหน้าใช้ขนาดอยู่ที่ 120/70ZR17M/C (58W) แบบ Tubeless และด้านหลังขนาด 190/50ZR17M/C (73W) แบบทูปเลสเช่นเดียวกัน

          สำหรับ Suzuki GSX-S1000 มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 999 ซีซี DOHC แบบ 4 สูบเรียง ใช้การระบายความร้อนของเครื่องยนต์ด้วยน้ำ สั่งจ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด และเกียร์ก็เป็นแบบ 6 Speed ทางด้านแรงม้าของมันมาพร้อมกับม้าถึง 145 ตัว ซึ่งก็ถือว่าแรงม้าเพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว สำหรับรถจ่ายค่ายที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความแรงอย่างซูซูกิแห่งนี้

           เรียกได้ว่าเจ้า Suzuki GSX-S1000 ได้มีการเปิดตัวออกมาพร้อมกับสมรรถนะต่างๆ ที่ไม่เลวเลยทีเดียวนะครับ ซึ่งราคาเปิดตัวของมันนั้นอยู่ที่ 579,000 บาท ก็ยังถือว่ามีความน่าสนใจอยู่มากเลยทีเดียว แถมยังมีโปรโมชั่นดีๆ มากมายให้ชาวไบค์เกอร์ได้เลือกกันอีกด้วยนะครับ 

BMW S1000R	สเปค รายละเอียดพื้นฐาน	Suzuki GSX-S1000
4 สูบเรียง	เครื่องยนต์	4 สูบเรียง
999 ซีซี	ปริมาตรกระบอกสูบ	999 ซีซี
Titanium Valve	ระบบวาล์ว	DOHC 4 วาล์ว/สูบ
80 mm x 49.7 mm	ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก	73 mm x 59 mm
160 HP@ 11,000 Rpm	แรงม้า	156 HP @10,000 Rpm
112 Nm @ 9,250 Rpm	แรงบิด	-
12.0 : 1	อัตราส่วนการอัด	12.2:1
Manual 6 Speed	ระบบเกียร์	Manual 6 Speed
Electronic injection	ระบบจ่ายน้ำมันเชื่อเพลิง	Fuel injection
สตาร์ทไฟฟ้า(มือ)	ระบบสตาร์ท	สตาร์ทไฟฟ้า(มือ)
คลัทช์มือแบบเปียก Multiplate	ระบบคลัทช์	คลัทช์มือแบบเปียก Multiplate
120/70 ZR 17	ขนาดยางหน้า	120/70ZR17M/C (58W)
190/55 ZR 17	ขนาดยางหลัง	190/50ZR17M/C (73W)
เทเลสโคปิค UpsideDown 46 มม.	โช็คอัพหน้า	UpsideDown 43 มม.
BMW สวิงอาร์ม	โช็คอัพหลัง	KYB
จานดิสก์ Floating Caliper คู่ขนาด ปั้มเบรค Brembo ABS	เบรคหน้า	Twin Disc ขนาด 310 มม. พร้อมระบบเบรค ABS
จานดิสก์ขนาด 220 มม. ปั้มเบรค Brembo ABS	เบรคหลัง	จานดิสก์พร้อมระบบเบรค ABS
2,057 x 845 x 1,228 มม.	ยาวxกว้างxสูง	2,115 x 795 ×1,080 มม.
814 mm	ความสูงเบาะ	810 mm
207 kg (ไม่รวมของเหลว)	น้ำหนักรถ	207 kg (ไม่รวมของเหลว)
17.5 ลิตร	ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง	17 ลิตร
635,000 บาท	ราคาจำหน่าย	579,000 บาท

 

ภาพเปรียบเทียบแต่ละส่วน

 

Comment

          ก็เรียกได้ว่าเจ้าสปอร์ตเนกเก็ตไบค์ จากทั้ง 2 ค่ายคนละทวีปนี้ ต่างก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไปนะครับ ซึ่งเราจะเห็นได้ชัดว่า ในเรื่องของสมรรถนะภาพต่างๆ คงทราบกันดีอยู่แล้วว่าทาง BMW S1000R นั้นดูเหมือนว่าจะได้เปรียบอยู่พอสมควรเลยทีเดียว ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดขายของทางค่ายใบพัดฟ้าขาวแห่งนี้เลยก็ว่าได้ และทาง Suzuki GSX-S1000 นั้นก็เป็นที่ประจักษ์กันอยู่แล้วในเรื่องของความแรงต้นของเครื่องยนต์ แต่เมื่อนำมาเทียบกับเจ้า เอสพันอาร์คันนี้แล้วก็ต้องบอกว่า มันอาจจะไม่ได้เหนือไปกว่ากันเท่าไหร่นัก แต่ในด้านราคานั้น เห็นได้ชัดเลยว่า Suzuki GSX-S1000 นั้นจะมีค่าตัวที่ถูกกว่าถึงประมาณ 50,000 บาทเลยทีเดียว ซึ่งทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับวิจารณญาณส่วนบุคคลของผู้ขับขี่ซะมากกว่า ว่าจะชอบรถจากค่ายไหนมากกว่ากันนะครับ

          สำหรับครั้งหน้า BoxzaRacing ของเราจะนำรถมอเตอร์ไซค์สุดเฟี้ยวคันไหนมาทำการ Battle ให้เพื่อนๆ ชาวสองล้อได้ชมกันอีก ต้องคอยติดตามกันให้ดีเลยนะครับ เพราะไม่แน่ว่าในครั้งหน้านั้นเราอาจจะนำรถที่เพื่อนๆ กำลังมองหาอยู่ก็เป็นได้ สำหรับวันนี้เราคงต้องลาไปก่อน พบกันใหม่โอกาสหน้า สวัสดีครับ