เขียนโดย: Piapiano

เมื่อ: 7 พฤษภาคม 2562 - 19:34

Honda CBR250RR VS Honda CBR500R ศึกมวยข้ามรุ่น พร้อมวัดสมรรถนะทุกด้าน งานนี้ใครกันที่กำชัย

 

          ด้วยกระแสครั้งใหญ่ ของการเปิดตัวรถสปอร์ตไบค์คลาส 250 ซีซี. ที่พร้อมเขย่าบัลลังก์ให้กับคลาสใกล้เคียงได้ไม่น้อย สำหรับเจ้า Honda CBR250RR ที่เรียกได้ว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตไบค์ที่ไร้คู่แข่งในคลาสเดียวกันเลยก็ว่าได้ ครั้งนี้ BoxzaRacing ในช่วงแบทเทิล เราจะนำเจ้า Honda CBR250RR มาเปรียบเทียบสเปคกับคลาสที่ใหญ่กว่า แต่มีสมรรถนะที่ใกล้เคียงที่สุดอย่าง Honda CBR500R ด้วยความที่เป็นพี่น้องท้องเดียวกันจากค่าย Honda ที่มีทรวดทรงหน้าตา และสมรรถนะที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นแฝดคนละฝา แต่ด้วยประเด็นในเรื่องของราคาค่าตัวที่ CBR250RR สูงกว่า CBR500R เราจะมาวัดกันว่าความคุ้มค่าของทั้ง 2 ตัวนี้ คันไหนจะเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุด ตามไปชมด้วยกันเลยครับ

 

ยักษ์ใหญ่ไล่ยักษ์เล็ก ยักษ์เล็กไล่ยักษ์ใหญ่

Honda CBR250RR

 

Honda CBR500R

 

          จากการทดลองขี่ที่ทาง A.P.Honda ได้จัดให้กับทางสื่อมวลได้ทดสอบกันทั้ง 2 รุ่น ทางผู้ทดลองขี่จาก BoxzaRacing จึงได้ข้อคิดแล้วว่าเจ้า Honda CBR250RR ที่เทสต์ไปแบบสดๆ ร้อนๆ ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เหมาะสมที่จะมาแบทเทิลกันกับพี่ใหญ่อย่าง Honda CBR500R ที่ได้ไปเทสต์มาก่อนหน้าเจ้า Honda CBR250RR เช่นกัน เนื่องจากสมรรถนะที่ได้สัมผัสนั้นใกล้เคียงกันที่สุด ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว ช่วงล่างและการควบคุม จนไปถึงเรื่องของราคาค่าตัวที่ขาดเกินกันเพียงนิดเดียว เดี๋ยวต่อไปเราจะมาเปรียบเทียบทั้ง 2 รุ่นนี้ ให้ชมกันครับว่า...ใครจะคุ้มค่า โดนใจกว่ากัน

 

รูปลักษณ์ โครงสร้าง ความโดดเด่น (Honda CBR250RR)

 

          Honda CBR250RR สปอร์ตไบค์น้องใหม่ที่รันวงการสองล้อเมืองไทยให้ลุกเป็นไฟอีกครั้ง กับสุดยอดสมรรถนะในแบบฉบับ Made In Japan ทั้งคัน ที่มีรูปทรงหล่อ ดุดันในรูปแบบ Aerodynamically Layered Velocity Cowl สุดเกรี้ยวกราด พร้อมเส้นสายสุดเฉียบคมที่ออกแบบมาเพื่อสายสปอร์ตอย่างแท้จริงควบคู่กับเฟรมถัก Truss Frame ที่ออกแบบด้วยเทคโนโลยี CAE (Computer Aided Engineering) ที่ให้สมดุลย์น้ำหนักที่ดี และมีความทนทานสูง ตามด้วย Aerodynamic หรือการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นชิลด์หน้าที่ตอนแรกคิดว่ามีขนาดเล็กเกินไป แต่พอได้สัมผัสแล้วการรีดลมในความเร็วสูงทำออกมาได้ดีมากผนวกกับช่อง Air Duct ที่อยู่แฟริ่งด้านข้าง เข้ามาช่วยทำหน้าที่เสริมการระบายความร้อนของเครื่องยนต์และช่วยให้การไหล่ผ่านของอากาศที่เข้ามาปะทะกับตัวรถได้ดียิ่งขึ้น 

 

รูปลักษณ์ โครงสร้าง ความโดดเด่น (Honda CBR500R)

 

 

          เรียกได้ว่า Honda CBR500R โฉมนี้ เป็น Generation ที่ 3 ตั้งแต่เปิดตัวมาในปี 2012 กับการปรับเปลี่ยนรูปโฉมที่เข้าสู่ความเป็นสปอร์ตไบค์อย่างเต็มขั้น เริ่มที่ชุดแฟริ่งด้านหน้าใหม่ด้วยการเสริมใต้คางที่เหมือนช่อง Ram Air ทำให้ตัวรถดูดุดันและมีขนาดใหญ่ขึ้น การดีไซน์ชุดแฟริ่งในส่วนต่างๆ ให้มีผลในเรื่องของหลักอากาศพลศาสตร์หรือ Aerodynamic ให้มีการไหลผ่านของลมได้ดียิ่งขึ้น ตามด้วยเฉดสีของตัวรถที่มีการออกแบบใหม่ให้มีลายกราฟิกที่เพิ่มอารมณ์ความสปอร์ตโฉมเฉี่ยว และปรับเปลี่ยนตำแหน่งแฮนด์จับโช้คให้ต่ำลงกว่าเดิม ด้วยการนำลงไปติดตั้งอยู่ใต้แผงคอ ทำให้ท่านั่งของผู้ขี่มีความโน้มต่ำลงกว่าโฉมก่อนหน้า และเข้ากันกับสรีสระของตัวรถที่มีความเฉียบคมได้เป็นอย่างดี

 

ขุมพลัง เทคโนโลยีและความเร้าใจ (Honda CBR250RR)

 

          ในส่วนของขุมพลัง Honda CBR250RR กับความจัดจ้านทะลุพิกัดด้วยเครื่องยนต์ 250 ซีซี. 2 ลูกสูบ Parallel Twin DOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้พละกำลังสูงสุด 38 แรงม้า ที่ 12,500 รอบ/นาที และแรงบิดอยู่ที่ 23.3 นิวตัน-เมตร ที่ 11,000 รอบ/นาที ตามด้วยการออกแบบจัดวางระบบภายในเครื่องยนต์ให้มีระบบระเบียบและมีความกระทัดรัด ลดความเทอะทะให้น้อยที่สุด แต่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพสูงสุด และสิ่งที่ตามมาจากการจัดวางระบบภายใน คือ น้ำหนักของเครื่องยนต์ที่เบาเป็นพิเศษ ตามด้วยการใช้วัสดุเทียบเท่ารถแข่ง RC213V ไม่ว่าจะเป็นเสื้อสูบอลูมิเนียม ที่มีน้ำหนักเบาและระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี ตามด้วยลูกสูบที่มีการเคลือบสารโมลิบดีนัม ที่มีความพิเศษ คือ ลดแรงเสียดทานของลูกสูบ  ทำให้การทำงานของเครื่องยนต์ในรหัส RR มีความจัดจ้านเกิน ซีซี. เลยทีเดียวครับ และหมัดเด็ดลูกเล่นใหม่ของ Honda CBR250RR คือ โหมดการขับขี่ที่มีให้เลือกถึง 3 รูปแบบ โดยโหมดแรก คือ โหมด Comfort ที่เหมาะสำหรับสถานการณ์ขับขี่บนพื้นถนนเปียกชื้นหรือภายในเมืองที่มีการจราจรติดขัดและต้องการอยากใช้พละกำลังเครื่องยนต์ที่มีความนิ่มนวลไม่จัดจ้าน ต่อด้วยโหมด Sport ที่เป็นโหมดเริ่มต้นเมื่อเปิดกุญแจสตาร์ทรถ เป็นโหมดที่เพิ่มความเร้าใจและการตอบสนองของคันเร่งให้มันส์ขึ้นกว่าเดิม และโหมดสุดท้าย คือ โหมด Sport+ ที่เรียกได้ว่าเป็นโหมดปลดปล่อยพลังความแรงแบบเต็มสูบ เหมาะสำหรับการทำความเร็วสูงในที่ปลอดภัย และการลงขี่ในสนามแข่ง โดยจะทำงานร่วมกับระบบคันเร่งไฟฟ้า Throttle-By-Wire ที่ทำงานผสานกับเซ็นเซอร์ APS (Accelerator Position Sensor Unit) ที่มีหน้าที่ตรวจวัดแรงบิดของคันเร่ง เพื่อส่งข้อมูลไปยัง ECU และประมวลผลสั่งการร่วมกับการเปิด-ปิดเรือนลิ้นเร่ง อย่างแม่นยำ เพื่อให้การตอบสนองคันเร่งในทุกย่านความเร็วให้มาได้ดั่งใจสั่ง

 

ขุมพลัง เทคโนโลยีและความเร้าใจ (Honda CBR500R)

 

          ฉีกความเร้าใจจากแบบฉบับเดิมด้วยการพัฒนาเครื่องยนต์จากเดิมที่มีความสมูธเน้นขี่ชิลล์ๆ แต่ในครั้งนี้ Honda CBR500R ได้มีการพัฒนาภายในเครื่องยนต์ให้จัดจ้านยิ่งขึ้น กับพิกัดเครื่องยนต์ 2 ลูกสูบ 471 ซีซี. Parallel Twin DOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้พละกำลังสูงสุด 47 แรงม้า ที่ 8,500 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุด 43 นิวตัน-เมตร ที่ 7,000 รอบ/นาที และอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าทาง Honda ได้มีการพัฒนาอัพเกรดขุมพลังให้จัดจ้านขึ้นอีกขั้น ด้วยการปรับเปลี่ยนองศาของเพลาลูกเบี้ยว และเปลี่ยน ECM รูปแบบใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจ่ายน้ำมันที่แม่นยำขึ้น พร้อมติดตั้ง Assist Slipper Clutch ที่จะทำให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างง่ายดายและนิ่มนวลขึ้น แถมยังใช้ได้ในการขี่ในสนามแข่งหรือเมื่อมีเหตุฉุกเฉินเมื่อต้องเชนจ์เกียร์แบบกระทันหันทำให้รถแทบไม่ออกอาการฉุดของเครื่องยนต์เลยครับ แถมยังมีอีกหนึ่งระบบความปลอดภัยอย่าง Emergency Stop Tail Light ที่จะสั่งการเปิดไฟฉุกเฉินให้โดยอัตโนมัติ หากมีการเบรกอย่างรุนแรง เรียกได้ว่าการปรับโฉมครั้งนี้ของ CBR500R สามารถตอบโจทย์ให้กับการใช้งานแทบทุกไลฟ์สไตล์ได้เลยครับ

 

ช่วงล่างและการควบคุม (Honda CBR250RR)

 

          อีกหนึ่งความโดดเด่นของเจ้า Honda CBR250RR คือ ช่วงล่างที่ให้ฟิลลิ่งสปอร์ตไบค์อย่างเต็มตัว โดยเริ่มที่ชุดโช้คหน้าแบบ Up Side Down ของ Showa ขนาด 37 มม. ที่โดนใจสายสปอร์ตไม่เบาและระบบเบรกหน้าที่ให้มาสมเหตุสมผลกับปั๊มเบรก Axial Mount จาก Nissin 2 ลูกสูบ โดยมีระบบ ABS 2 Chanel แยกระบบหน้าหลังเข้ามาติดตั้งเป็นมาตรฐานควบคู่กับดิสก์เบรก Semi-Floating ขนาด 310 มม. และชุดเบรกหลัง Nissin 1ลูกสูบ กับอีกชิ้นที่โดนใจ คือ สวิงอาร์มหลังที่เป็นอลูมิเนียม ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของน้ำหนักที่เบา ควบคู่กับโช้คอัพหลังเดี่ยวแบบ Prolink สามารถปรับเซ็ทค่าความแข็ง-อ่อนได้ 5 ระดับ และในส่วนของล้อแม็กอลูมิเนียมกับดีไซน์ 7 ก้าน รัดด้วยยาง Dunlop GPR300 ยางหน้าขนาด 110/70R17 และยางหลังอยู่ที่ 140/70R17 ด้วยสเปคขนาดนี้ และทางผู้เขียนได้มีโอกาสไปทดลองขี่ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ มาแล้ว ขอบอกเลยครับว่ารถขี่ง่าย ควบคุมง่าย ด้วยท่าทางการขับขี่ที่มีตำแหน่งแฮนด์จับใต้แผงคอให้อารมณ์สปอร์ตเต็มๆ ควบคู่กับทรวดทรงของถังน้ำมันที่มีการออกแบบรับเข้ากับสรีระของผู้ขี่ได้ทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็นการขี่ใช้งานบนท้องถนนหรือสนามแข่งอารมณ์สปอร์ตก็มาเต็มครับ หรืออยากขี่หล่อๆ ก็ได้ อยากซิ่งก็ดีหรืออยากเอาไปฟัดในสนามแข่งก็เหมาะเจาะเลยครับ

 

ช่วงล่างและการควบคุม (Honda CBR500R)

 

          มาถึงรุ่นพี่อย่าง Honda CBR500R กับสเปคช่วงล่างที่มีความสปอร์ตไม่แพ้กัน เริ่มที่ชุดโช้คหน้าแบบ Telescopic ขนาด 41 มม. สามารถปรับเซ็ทความแข็ง-อ่อนได้ที่หัวโช้ค ซึ่งในจุดนี้เรียกได้ว่าโดนใจไบค์เกอร์หลายๆ คนเลยทีเดียว ต่อด้วยระบบเบรกหน้ากับปั๊มเบรก Axial Mount ของ Nissin 2 ลูกสูบ ทำงานร่วมกับดิสก์เบรกหน้าดีไซน์สุดเฟี้ยวขนาด 320 มม. ขยับมาถึงด้านหลังกับโช้คอัพหลังเดี่ยว Pro-link สามารถปรับเซ็ทค่าความแข็ง-อ่อนได้ถึง 9 ระดับ และระบบเบรกหลังแบบมาตรฐานกับปั๊มเบรก 1 ลูกสูบ ทำงานร่วมกับดิสก์เบรกขนาด 240 มม. พร้อมระบบ ABS หน้าหลังเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่งท้ายด้วยชุดล้อแม็กดีไซน์ก้าน Y กับสเปคยางที่ให้ คือ Dunlop Sportmax Roadsmart ยางหน้าขนาด 120/70R17 และยางหลังขนาด 160/60R17 ในส่วนของการควบคุมรถถือว่า Honda CBR500R ยังคงเป็นบิ๊กไบค์ที่ขี่ง่ายเป็นมิตรกับผู้ขี่ แต่ในโฉมนี้ จะมีความจัดจ้านของเครื่องยนต์มากขึ้น ทำให้ฟิลลิ่งของความเป็นสปอร์ตไบค์มาเต็มอารมณ์มากกว่าเดิม จากการทดลองขี่ในสนามแล้ว แทบทำให้ลืมความชิลล์ของเครื่องยนต์บล็อคนี้ และสมรรถนะในส่วนอื่นๆ ในแบบฉบับเดิมไปเลย แต่ถ้าพูดถึงการใช้ในชีวิตประจำวันในเรื่องของการควบคุมรถก็ถือว่าปรับตัวเข้าหากันกับผู้ขี่ได้ไม่ยากครับ

 

ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

Honda CBR250RR

 

Honda CBR500R

 

          จากการเปรียบเทียบไปทั้ง 2 รุ่นแล้ว เรียกได้ว่ามีจุดเด่นจุดด้อยที่ค่อนข้างจะกินกันไม่ลงเลยก็ว่าได้ครับ โดยจะมาสรุปคร่าวๆ กันตรงนี้เลย เริ่มที่ Honda CBR250RR ที่มีดีกรีเป็นถึงรถนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นทั้งคัน แถมอยู่บนพื้นฐานรหัส RR หรือ Racing Replica ทำให้คุณภาพการผลิตที่ต้องเน้นไปที่เทคโนโลยีและสมรรถนะที่เทียบชั้นรถแข่งล้วนๆ บวกกับรูปลักษณ์สุดโฉบเฉี่ยวเหมาะสำหรับผู้ที่ชอบในฟิลลิ่งรถแข่งอย่างแท้จริง ต่อด้วยรุ่นพี่ใหญ่อย่าง Honda CBR500R ที่อยู่ครองตลาดมาสักพักใหญ่ๆ แต่ด้วยการเปิดตัวโฉมใหม่นี้ ที่มีการพัฒนาในหลายๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีและความแรงทำให้ผู้ขี่สามารถสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงได้จริงๆ แถมมิติตัวรถที่มีความใหญ่บึกบึนพร้อมรูปลักษณ์ที่หล่อเอาเรื่อง เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่น ที่เป็นตัวเลือกให้หลายๆ คนอยากได้เป็นบิ๊กไบค์คันแรกได้เลยครับ

 

ราคาค่าตัว 

Honda CBR250RR ราคา 249,000 บาท

 

Honda CBR500R 217,000 บาท

 

          มาถึงจุดที่เรียกได้ว่าเป็นที่ถกเถียงกันที่สุดในวงการสองล้อ กับเรื่องของราคาค่าตัวที่ปะทะกันแบบเน้นๆ ด้วยการเปิดราคาค่าตัวของเจ้า Honda CBR250RR ที่ 249,000 บาท กับเทคโนโลยีและสมรรถนะที่ยกมาจากรถแข่ง RC213V โดยนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นทั้งคัน มีให้เลือก 2 สี คือ สีแดง และสีดำ และ Honda CBR500R ราคาค่าตัวอยู่ที่ 217,000 บาท โดยราคาขยับขึ้นมาจากโฉมเก่า 2,000 บาท แต่สิ่งที่ได้เพิ่มมา คือ เทคโนโลยีและความเร้าใจที่ก้าวขึ้นไปอีกขั้น โดยมีให้เลือก 3 สี คือ สีแดง, สีดำ และสีขาวครับ

 

ทำไมราคา 250RR ถึงราคาสูงกว่า 500R ?

Honda CBR250RR

 

Honda CBR500R

 

          โดยถ้ามองเผินๆ หลายๆ คนได้ตั้งประเด็นขึ้นมาว่าทำไม CBR250RR ราคาถึงสูงกว่า CBR500R ทั้งๆ ทีมี ซีซี. น้อยกว่า แต่ราคาสูงกว่าตั้ง 32,000 บาท ในจุดนี้ที่ทาง BoxzaRacing ได้นำทั้ง 2 รุ่นนี้ มาเปรียบเทียบกันเพราะในหลายๆ ส่วนมีความใกล้เคียงกันที่สุด จากการทดลองขับขี่ในสนามไม่ว่าจะเป็นความแรง ช่วงล่าง เทคโนโลยีและราคาของตัวรถ เราจะมาสรุปย้อนกลับไปที่สเปคแบบคร่าวๆ พอสังเขปอีกครั้งครับ โดย Honda CBR250RR คือ รถมอเตอร์ไซค์ที่เรียกง่ายๆคือ รถแข่งในคราบรถบ้าน นั่นก็หมายความว่าภายในตัวเจ้า CBR250RR อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีของรถแข่งอยู่มากมาย จนเรียกว่าเหนือกว่าในคลาสเดียวกัน หรืออาจะเทียบเท่ากับรุ่นที่ใหญ่กว่าเลยก็ว่าได้ และด้วยความที่เป็นรถนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นทั้งคัน งานประกอบและความสมบูรณืแบบในการผลิตนั้นย่อมเหนือกว่า ซึ่งถ้าให้พูดถึงคุณค่าทางจิตใจแล้วล่ะก็ ความเหนือสุดในพิกัดเดียวกันต้องยกให้ CBR250RR เลยครับ ขยับมามองที่ Honda CBR500R คือ สปอร์ตไบค์ที่ค่อนข้างเรียกได้ว่า มีความเป็นกลางที่สุด โดยความเป็นกลางในที่นี้ คือ สิ่งที่ตัวรถให้มามีความสมเหตุสมผล เหมาะสำหรับการใช้งานที่เน้นไปในการใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือสามารถลงสนามแข่งได้ในระดับหนึ่ง โดยขุมพลังที่มีความแรงในรอบต่ำทำให้มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ไม่สูง และระบบต่างๆ ที่ให้มาก็นับว่าใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว แต่ในเรื่องของเทคโนโลยี สมรรถนะจนไปถึงวัสดุต่างๆ ในตัวรถที่ให้มา อาจจะเทียบเท่ากับเจ้า CBR250RR ไม่ได้ในหลายๆ จุด เนื่องด้วยจุดประสงค์ที่รถทั้ง 2 รุ่น สร้างมาให้มีความแตกต่างกัน คงต้องล้วนแล้วแต่ใจรักของผู้ใช้งานครับ ฟันธงง่ายๆ หากต้องการความเหนือชั้นสำหรับการขับขี่ในสนาม Honda CBR250RR ถือแต้มต่ออยู่พอสมควร แต่หากพูดถึงเรื่องของความยืดหยุ่นสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันแล้วล่ะก็ ต้องยอมรับว่า Honda CBR500R มีให้มากกว่า

 

Honda CBR250RR

 

Honda CBR500R

 

          และนี่คือ การแบทเทิลกันระหว่าง Honda CBR250RR VS Honda CBR500R ที่มีความใกล้เคียงทั้งในเรื่องของสมรรถนะในภาพรวม แต่จะต่างกันก็ตรงที่วัตถุประสงค์ในการออกแบบและการใช้งาน ในจุดนี้คงต้องอาศัยการตัดสินจากผู้อ่านและผู้ใช้งานโดยตรงครับว่ารุ่นใด คือ คำตอบที่ใช่ที่สุด และอยากให้ไบค์เกอร์ทุกท่านใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ เพราะการเปรียบเทียบในครั้งนี้ ใช้การประมวลผลจากการทดลองขี่ในสนามของทั้ง 2 รุ่น มาเปรียบเทียบกัน ซึ่งทำให้ในหลายๆ ส่วนมีความใกล้เคียงกันมาก จนอดที่จะนำมาเปรียบเทียบให้แฟนๆ ได้ชมกันให้ได้เลยครับ และในครั้งหน้า BoxzaRacing จะมาแบทเทิลรถรุ่นใดให้ชมกันอีก รอติดตามชมได้เลยครับที่ www.BoxzaRacing.com สำหรับวันนี้ต้องขอลากันไปก่อน...สวัสดีครับ

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook