เขียนโดย: Piapiano

เมื่อ: 19 ธันวาคม 2561 - 17:34

Honda CBR500R รีวิวขีดสุดแห่งความสปอร์ต กับอีกหนึ่งลีลาสุดเร้าใจของสองล้อไซส์ Middle Class

 

          เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา ทาง A.P. Honda ได้เปิดโอกาสให้ทางสื่อมวลชนได้ร่วมทดสอบการพัฒนาอีกขั้นของสปอร์ตไบค์คลาส Middle Size กับ Honda CBR500R 2019 ณ สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ นับว่าเป็นการกลับมาเรียกเสียงฮือฮาอีกครั้งของรถสปอร์ตไบค์หน้าตาสุดเฉียบคม ที่มาพร้อมกับการพัฒนาสมรรถนะขึ้นไปอีกก้าวในคอนเซ็ปต์ "ขีดสุดแห่งความสปอร์ต" ซึ่งในโอกาสนี้เอง ทาง BoxzaRacing ก็ได้ทำการทดสอบขับขี่ พยายามเค้นเอาสมรรถนะออกมาเพื่อที่จะนำมารีวิวให้แฟนๆ ได้ชมกันอย่างครบถ้วน และไม่พลาดที่จะเก็บเอาบรรยากาศของการทดสอบครั้งนี้มาฝากเช่นกันครับ 

 

 

          Honda CBR500R นับได้ว่าอยู่คู่ตลาดบิ๊กไบค์เมืองไทยมาสักพักใหญ่ๆ เลยก็ว่าได้ เริ่มตั้งแต่ Generations ที่ 1 ที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงปลายปี 2012 ที่เรียกเอาเสียงฮือฮาไม่น้อย ด้วยพิกัดเครื่องยนต์ที่มาเสริมช่องโหว่ระหว่างคลาส 250 ซีซี. และ 650 ซีซี. ในยุคนั้น จนมาถึง Generations ที่ 2 กับการเปลี่ยนแปลงหน้าตาครั้งใหม่ในช่วงปี 2015-2016 ที่เริ่มมีฟิลลิ่งของความเป็นสปอร์ตเพิ่มเข้ามาด้วยการปรับเปลี่ยนรูปทรงขึ้นใหม่หมด เรียกได้ว่าในช่วงนั้นเริ่มเข้าสู่ยุคของระบบไฟ LED และทาง Honda ต้องขอบอกจากความเห็นส่วนตัวเลยครับว่า การพัฒนาการติดตั้งระบบไฟ LED ของรถมอเตอร์ไซค์ต้องขอยกให้ทาง Honda เขาจริงๆครับ เพราะเป็นอีกหนึ่งจุดที่ทำให้ตัวรถมีความโดดเด่น มีเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก

          และมาถึง Generations ที่ 3 นั่นก็คือ โฉมล่าสุดที่ทาง BoxzaRacing ได้มีโอกาสไปทดสอบขับขี่ ณ  สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ทำเอาเซอร์ไพรซ์ไม่เบาเลยทีเดียว ด้วยสัมผัสแรกที่ได้เห็นด้วยตา ความเฉียบคมที่เพิ่มขึ้นของรูปลักษณ์ทำเอาหลายๆ คนหลงใหลได้ง่ายๆ แน่นอน แถมยังปรับเปลี่ยนในหลายๆ ส่วนที่จะเหมือนจะทำให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสถึงความเป็นสปอร์ตมากกว่า Generations ที่ผ่านมาเสียอีก

 

 

          "การเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ความเป็นสปอร์ตอีกขั้น" ในจุดนี้ไม่เล่าให้แฟนๆ ได้ฟัง ไม่ได้จริงๆ ครับ การปรับเปลี่ยนในครั้งนี้ของเจ้า Honda CBR500R 2019 ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบแฟริ่งใหม่เพิ่มความเฉียบคมที่หน้ามากขึ้น ด้วยการเสริมใต้คางที่เป็นเหมือนช่องแรมแอร์ และอีกหนึ่งจุดที่ให้ความแปลกใหม่ของสายสปอร์ต นั่นก็คือ ตำแหน่งไฟเลี้ยวหน้าที่ย้ายขึ้นไปติดตั้งอยู่แก้มด้านบนพร้อมเปลี่ยนเป็นไฟเลี้ยว LED ในแบบฉบับของ Honda และอีกหนึ่งหมัดเด็ดของเจ้า Honda CBR500R กับเรือนไมล์ LCD รูปแบบใหม่ดีไซน์สุดล้ำที่มาพร้อมการแสดงค่าต่างๆ ในตัวรถอย่างเต็มรูปแบบตามด้วยลูกเล่นใหม่ที่เพิ่มเข้ามากับ ตัวชี้ตำแหน่งเกียร์ที่หน้าจอ , ไฟ Shift Light เตือนจังหวะเข้าเกียร์ และระบบ Emergency Stop Tail Light ที่จะแสดงไฟฉุกเฉิน (ไฟเลี้ยวคู่เปิดทำงาน) เมื่อรถเบรกกะทันหัน เหมือนที่ใช้ในกลุ่มรถซูเปอร์สปอร์ต นับว่าครั้งนี้ ทาง Honda ทำการบ้านมาได้เป็นอย่างดีมาก กับสิ่งที่ให้มาในค่าตัวที่สมเหตุสมผล

 

 

          "จุดเปลี่ยนของความเร้าใจจากแบบฉบับเดิม" ในส่วนของขุมพลังเครื่องยนต์ 2 ลูกสูบ ขนาด 471 ซีซี. DOHC 8 วาล์ว ขับเคลื่อนพลังได้สูงสุด 47 แรงม้า แต่ทาง Honda ได้มีการปรับเปลี่ยนองศาของเพลาลูกเบี้ยว และเปลี่ยน ECM แบบใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจ่ายน้ำมันที่แม่นยำขึ้น ตามด้วยการปรับองศาของการจุดระเบิดของหัวเทียนให้ไฟแก่ขึ้นจาก 6 องศา เป็น 8 องศา เพื่อให้อัตราเร่งที่ดีขึ้น เสริมทีเด็ดด้วยการติดตั้ง Assist Slipper Clutch ที่จะทำให้การเปลี่ยนเกียร์ง่ายดายและนิ่มมือยิ่งกว่าเดิม พร้อมหม้อกรองอากาศยกเซ็ทใหม่หมด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการไหล่เวียนของอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้อย่างเต็มที่

 

ฟีม รัฐภาคย์ วิไลโรจน์

 

ก้อง สมเกียรติ จันทรา

 

          ในช่วงของการเริ่มทดสอบลงขับขี่ โดยมีผู้นำการขับขี่ทดสอบในครั้งนี้อย่าง ฟีม รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ และ ก้อง สมเกียรติ จันทรา นักแข่งฝีมือดีมากประสบการณ์ได้ให้เกียรติมาเป็นผู้นำในการขับขี่พร้อมแนะนำทวงท่าและทริกต่างๆ มากมาย เพื่อให้สื่อมวลชนทุกท่านได้ขับขี่อย่างสนุกและปลอดภัยที่สุด และเมื่อสัมผัสแรกที่ได้จากเจ้า Honda CBR500R คือ น้ำหนักที่ค่อนข้างเป็นกลาง ไม่เบาเกินไปหรือหนักจนเกินไป และฟิลลิ่งที่รู้สึกได้เมื่อมือจับลงไปที่แฮนด์รู้สึกได้เลยว่ามีความเป็นสปอร์ตมากขึ้น เพราะด้วยตำแหน่งแฮนด์ที่ถูกจัดวางใหม่ให้ต่ำกว่าระดับเดิมจากที่วางอยู่บนแผงคอ มาในโฉมนี้ได้นำไปติดตั้งอยู่ใต้แผงคอเหมือนกับรถสปอร์ตรุ่นใหญ่ โดนใจไปอีก เมื่อเริ่มออกตัวเดินหน้าเลยโซนพิทเลนมาสักนิดได้มีการขับขี่แนวสลาล่อมเพื่อให้คุ้นเคยกับตัวรถเสียก่อนที่จะลงไปหวดในสนาม 

 

 

          เมื่อทำความคุ้นเคยจากการขี่ในแบบสลาล่อมแล้ว ก็ถึงเวลาของการเริ่มหวดคันเร่งลงบนแทร็คของ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต แต่ด้วยความที่ตัวผมยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับตัวรถเสียเท่าไหร่ ในช่วงรอบสองรอบแรกๆ จึงได้ทำการจัดท่าทางการขับขี่ให้้คุ้นกับตัวรถมากที่สุด เพื่อที่จะได้เค้นเอาสมรรถนะออกมารีวิวให้แฟนๆ ได้เสพกันอย่างเต็มอิ่ม แต่ต้องขอบอกเลยว่าในระหว่างการขี่เพื่อปรับตัวให้เข้ากับรถในรอบสองรอบแรกนั้น สัมผัสได้เลยว่ายังคงควบคุมง่ายเหมือนกับโฉมเดิมก่อนหน้า เพราะในตอนแรกที่ได้ขึ้นไปคร่อมนั้น คิดว่าตำแหน่งแฮนด์ที่ปรับให้ต่ำลงไปอยู่ใต้แผงคอ ซึ่งต่ำลงไปกว่าโฉมเดิมก่อนหน้าที่ติดตั้งไว้บนแผงคออย่างมาก เลยคิดเล่นๆ ว่าฟิลตอนขับขี่ในเวลานานน่าจะมีอาการเมื่อยเพราะท่านั่งที่หมอบต่ำลง แต่พอได้ลองขี่แล้วกลับไม่มีอาการเมื่อยหรือขับขี่ยากเหมือนที่คิดเอาไว้เสียเลย ทำให้การปรับตัวของผมให้เข้ากับรถใช้เวลาไม่นาน แล้วก็ถือว่าทาง Honda ยังคงคอนเซ็ปต์รถที่เป็นมิตรกับผู้ขี่ทุกคนเอาไว้อย่างดี 

 

 

          เมื่อปรับตัวเข้ากับรถได้แล้วขั้นตอนต่อไปคือเริ่มเค้นสมรรถนะขึ้นเรื่อยๆ และอย่างแรกที่ผมต้องการสัมผัสคือ อัตราเร่งเมื่อออกจากโค้ง รู้สึกได้เลยว่าความจัดจ้านที่เพิ่มเข้ามาจากหลายๆ ส่วนของเครื่องยนต์ที่ได้ถูกปรับแต่งและปรับเปลี่ยนพัฒนาขึ้นใหม่เหมือนที่ได้กล่าวมาข้างต้น ขอบอกได้เลยว่าจัดจ้านกว่าเดิมแน่นอน โดยเฉพาะช่วงรอบต้นที่สามารถเปิดคันเร่งทะยานออกจากโค้งแบบไม่ต้องรอรอบเลย และอีกหนึ่งสิ่งที่การทดสอบครั้งนี้ถ้าไม่สัมผัสเหมือนมาไม่คุ้ม นั่นก็คือ ระบบ Assist Slipper Clutch ในความเห็นส่วนตัวของผมนั้น ค่อนข้างจะพึงพอใจเป็นอย่างมาก เพราะในช่วงจะถึงโค้ง T12 ที่หลายๆ คนบอกว่าเป็นโค้งไคลแม็กซ์ปราบเซียนของสนามเลยก็ว่าได้ เพราะด้วยทางตรงจากโค้ง T11 ที่ใช้ความเร็วมาอย่างเต็มเหนี่ยวแล้วเจอโค้งขวา T12 แทบจะหักศอกเอาดื้อๆ ด้วยเหตุนี้บางครั้งการเชนจ์เกียร์เพื่อช่วยเพิ่มกำลังเบรกก็ต้องหนักเอาการ ซึ่งเจ้า Honda CBR500R นั้นเมื่อซัดความเร็วมาเต็มที่แล้วด้วยระบบเบรก Standard บางครั้งพละกำลังในการเบรกอาจไม่พอ ต้องอาศัย Engine Brake หนักๆ จากการเชนจ์เกียร์เข้ามาช่วย สุดท้ายแล้วผลที่ออกมาคือ ล้อหลังแทบจะไม่มีอาการสะดุดเมื่อเชนจ์เกียร์หนักๆ เลย แถมได้ Engine Brake แบบเนียนๆ มาซะงั้น งานนี้ต้องขอยกยอดให้เจ้า Assist Slipper Clutch ไปเต็มๆ มาถึงช่วงล่างในจุดนี้ ทาง Honda ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบสวิงอาร์มใหม่ที่สามารถลดการแรงกระแทกเมื่อเจอแรงฉุดหรือแรงสะเทือนหนักๆ ได้ และโช้คหน้าก็สามารถปรับพรีโหลดได้ โช้คหลังสามารถปรับสปริงพรีโหลดได้ 5 ระดับ ซึ่งถือว่าตอนขับขี่ทดสอบในสนามทาง Honda ได้มีการปรับเซ็ทค่าต่างๆ แทบจะเต็ม Max ทั้งโช้คหน้าและหลังเลยก็ว่าได้ แต่ยังคงมีอาการนุ่มนิ่มหน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้หนักอะไรมาก เพราะด้วยคลาส 500 ของ Honda ไม่ว่าจะเป็น CB500F , CBR500R , CB500X ค่อนข้างจะถูกปรับเซ็ทหลายๆ ส่วนมาเพื่อการใช้งานบนท้องถนนเสียมากกว่าครับ แต่ขอบอกเลยว่าถ้าวิ่งใช้งานประจำวัน มีพริ้วแน่นอนครับ

 

 

          สำหรับใครที่อ่านคอลัมน์รีวิวเจ้า Honda CBR500R แล้ว ผมขอบอกได้เต็มปากเลยว่า ประสิทธิภาพคุ้มราคาค่าตัวเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา ภาพลักษณ์ที่ดูมีความเป็นสปอร์ตอย่างเห็นได้ชัด พร้อมการพัฒนาในทุกส่วนตั้งแต่ภายนอกยันภายใน โดยสนนราคาค่าตัวอยู่ที่ 217,000 บาท ซึ่งอัพราคามาจากโฉมก่อนหน้า 2,000 บาท แต่สิ่งที่ให้มานั้นเกินคุ้มราคาจริงๆ ครับ สามารถไปชมตัวจริงได้ที่ศูนย์ Honda Bigwing ใกล้บ้านท่านแล้ววันนี้ ในครั้งหน้า BoxzaRacing จะนำรถใหม่รุ่นไหนยี่ห้อใดมารีวิวให้แฟนๆ ได้ชมกันอีก รอติดตามได้เลยครับที่ www.BoxzaRacing.com สำหรับวันนี้ต้องขอลากันไปก่อน...สวัสดีครับ

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook