Honda CBR650R, CBR1000RR SP และ CBR500R
Honda เมื่อพูดถึงรถบิ๊กไบค์แบรนด์นี้แล้ว คงไม่ต้องบรรยายความฮอตของรถสปอร์ตไบค์ที่ครองใจคนไทยมาอย่างยาวนาน โดยล่าสุดทาง A.P. Honda ได้เปิดโอกาสให้กับสื่อมวลชนอีกครั้งสำหรับการทดลองขับขี่แบบรวมมิตรสายพันธ์ุสปอร์ต กับงาน CBR Series Circuit Experience ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เรียกได้ว่างานนี้ทาง A.P. Honda ได้จัดทดสอบให้อย่างครบรสจริงๆ ครับ โดยรถที่พร้อมให้ทดลองขี่ในครั้งนี้คือ สปอร์ตไบค์สุดเฉียบคมที่เป็นพระเอกของค่ายปีกนก ไม่ว่าจะเป็น Honda CBR500R, Honda CBR650R, Honda CBR1000RR และ Honda CBR1000RR SP ส่วนบรรยากาศภายในงานจะเป็นอย่างไรนั้น ตามไปชมกันเลยครับ
โดยบรรยากาศทดสอบขับขี่ CBR Series Circuit Experience ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับการตอบรับจากสื่อมวลชนเป็นอย่างดี โดยในช่วงเช้าจะเป็นการเข้าอบรมแนะนำเทคนิค พร้อมให้ข้อมูลต่างๆ ในตัวรถทั้ง 3 รุ่น โดยผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคนิคจาก A.P. Honda พร้อมแนะนำวิธีการขับขี่ในสนามอย่างถูกต้องนำโดย คุณฟีม รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ก่อนลงทดสอบในสนามอย่างปลอดภัย
Honda CBR500R
โดยรอบแรกได้จับเจ้า Honda CBR500R ลงไปหวดในสนาม ต้องขอบอกเลยว่าสมกับที่ทาง Honda ยกให้เป็นบิ๊กไบค์คลาสเริ่มต้นที่ควรเป็นเจ้าของ ด้วยหน้าตาสุดเฉียบคมพร้อมฟิลลิ่งท่านั่งที่สปอร์ตยิ่งขึ้น พร้อมเทคโนโลยีต่างๆ ที่เสริมเข้ามาใหม่ และการควบคุมรถที่มีความง่ายดาย ไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรมากมาย แถมน้ำหนักไม่เยอะจนทำให้รู้สึกลำบากสำหรับใครหลายๆ คน พร้อมกับกำลังเครื่องยนต์ที่ดูพอเหมาะพอควร สามารถตอบโจทย์ได้ทุกการใช้งานทุกความต้องการและทุกสรีสระของไบค์เกอร์ เพราะวัดได้จากตัวผู้ขับขี่ของ BoxzaRacing ทั้ง 2 คน คนแรกมีน้ำหนักค่อนข้างมาก ในตอนแรกคิดว่าคงจะทำให้พละกำลังของเครื่องยนต์ดร็อปลงไปเยอะ และช่วงล่างคงจะย้วย แต่ที่ไหนได้กลับทำให้เซอร์ไพรซ์ไม่เบา กับความเร็วทางตรงสูงสุดกว่า 170 กิโลเมตร/ชั่วโมง พร้อมกับในช่วงที่เข้าโค้งเจอกับอาการย้วยของช่วงล่างที่ถือว่าน้อยมาก สำหรับรถในคลาสนี้ เนื่องด้วยเจ้า Honda CBR500R สามารถปรับเซ็ทค่าพรีโหลดที่โช้คหน้าและสปริงพรีโหลดที่โช้คหลังได้พอประมาณ ทางผู้ขับขี่จึงกล้าคอนเฟิร์มเลยว่าของเค้าดีจริงๆ ครับ ส่วนผู้ขับขี่อีกหนึ่งคนที่สรีระค่อนข้างเล็ก น้ำหนักเบา กลับไม่รู้สึกถึงความยากในการควบคุมรถ ไม่ต้องใช้ร่างกายโหนมากมายก็สามารถควบคุมรถเข้าโค้งในสนามช้างฯ ได้อย่างมั่นใจ ซึ่งสำหรับการขับขี่ในสนามที่ผ่านฉลุยแบบนี้ การขับขี่บนถนน หรือใช้งานทั่วๆ ไป ไม่มีอะไรน่ากังวลอย่างแน่นอนครับ เป็นรถหนึ่งรุ่นที่ดีสำหรับการเริ่มต้น และดีพอที่จะจบอยู่กับคันนี้ หากคุณเป๋็นคนที่ชอบการขีี่มอเตอร์ไซค์อย่างจริงจัง
Honda CBR500R กับค่าตัว 217,000 บาท คุ้มค่าสำหรับการเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยม
ด้วยการพัฒนาสมรรถนะในตัวของเจ้า Honda CBR500R ที่มีความเหนือชั้นกว่าโฉมก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด จนเรียกได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนของความเร้าใจจากแบบฉบับเดิมเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะความจัดจ้านที่เพิ่มขึ้นในส่วนของขุมพลังเครื่องยนต์ 2 ลูกสูบ ขนาด 471 ซีซี. DOHC 8 วาล์ว ขับเคลื่อนพลังได้สูงสุด 47 แรงม้า แต่ทาง Honda ได้มีการปรับเปลี่ยนองศาของเพลาลูกเบี้ยว และเปลี่ยน ECM แบบใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจ่ายน้ำมันที่แม่นยำขึ้น ตามด้วยการปรับองศาของการจุดระเบิดของหัวเทียนให้ไฟแก่ขึ้นจาก 6 องศา เป็น 8 องศา เพื่อให้อัตราเร่งที่ดีขึ้น เสริมด้วยการติดตั้ง Assist Slipper Clutch ที่จะทำให้การเปลี่ยนเกียร์อย่างง่ายดายและนิ่มมือยิ่งกว่าเดิม พร้อมหม้อกรองอากาศยกเซ็ทใหม่หมด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้อย่างเต็มที่ จึงทำให้ความเร้าใจฉีกจากแบบฉบับเดิมอย่างสิ้นเชิงในราคาค่าตัว 217,000 บาท ถือว่าสมเหตุสมผลใช้ได้ครับสำหรับเทคโนโลยีและความจัดจ้านของตัวรถ จนกล้าบอกได้เลยว่า Honda CBR500R เป็นความสนุกของคนรักสปอร์ตจริงๆ ครับ
Honda CBR650R
มาถึงการทดสอบรุ่นต่อไป กับ Honda CBR650R สปอร์ตไบค์สุดฮิตของไบค์เกอร์เมืองไทย ที่ได้เปิดตัวและวางจำหน่ายไปตั้งแต่ช่วงงาน Motor Expo 2018 ด้วยการปรับเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งหมด พ่วงท้ายด้วยรหัส R แทนรหัส F ซึ่งนั้นหมายความว่า ฟีลลิ่งความเป็นสปอร์ต ถูกใส่เพิ่มเข้าไปขึ้นอีกระดับนั้นเอง โดย Honda CBR650R ถูกเติมความเร้าใจขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ที่มีความโฉบเฉี่ยว ฟิลลิ่งและทวงท่าการขับขี่ เทคโนโลยี จนไปถึงขุมพลังความแรงสุดจัดจ้านกว่าเดิม โดยรอบแรกของการทดสอบเจ้า Honda CBR650R ทางผู้ขับขี่ต้องมีการปรับตำแหน่งเล็กน้อย เพราะ Honda CBR650R มีการปรับตำแหน่งแฮนด์ที่ต่ำลงกว่าเดิม ด้วยตำแหน่งแฮนด์จับโช้คที่เปลี่ยนมาอยู่ใต้แผงคอและขนาดเบาะนั่งที่เล็กกระชับกว่าเดิม เพื่อการตอบโจทย์ให้เหมาะกับสายสปอร์ตมากยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหา แถมยังส่งให้ฟีลลิ่งการขับขี่ในสนามนั้นทำได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้นอีกด้วย งานนี้สายวิ่ง หรือแม้แต่สายสนาม น่าจะถูกอกถูกใจกันอย่างแน่นอน
เรืี่องความแรงไม่ต้องพูดถึง ตระกูล CBR650 เขาจัดให้แบบเต็มๆ อยู่แล้ว
จุดเด่นของเจ้า Honda CBR650R คันนี้ ขอบอกได้เลยว่าเร้าใจเรียกเอาเสียงฮือฮาจากไบค์เกอร์ทั่วประเทศสมคำร่ำลือจริงๆ ครับ ด้วยภาพลักษณ์ที่ดูโฉบเฉี่ยว ล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น โดยถอดแบบจากรุ่นพี่ใหญ่อย่าง Honda CBR1000RR มาเต็มๆ ในส่วนฟิลลิ่งของการขับขี่ในสนามนั้น เรื่องของความแรงคงไม่ต้องพูดถึง ด้วยการอัพเกรดภายในเครื่องยนต์ในจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการปลดปล่อยแรงม้าให้จัดจ้านยิ่งขึ้นจากเดิม 89 แรงม้า มาเป็น 95 แรงม้า ที่ 12,000 รอ/นาที และสามารถใช้รอบสูงสุดได้มากกว่าเดิม 1,000 รอบ/นาที และอีกหนึ่งหมัดเด็ดของเจ้า Honda CBR650R คือ แรมแอร์ด้านหน้าที่สามารถใช้งานได้จริงๆ ไม่ใช่ใส่หลอกๆ จึงเป็นอีกหนึ่งต้นตอที่ทำให้มีความเร็วเหนือกว่ารถรุ่นอื่นๆ ในคลาสเดียวกัน โดยในการทดลองขับขี่ครั้งนี้ ทาง BoxzaRacing สามารถทำความเร็วสูงสุดช่วงทางตรงของสนามช้างฯ ได้ประมาณ 217 กิโลเมตร/ชั่วโมง เลยทีเดียว ถือว่าความเร็วสูงสุดของเจ้า Honda CBR650R ทำออกมาได้ไม่เลว โดยที่ไม่ต้องเค้นให้เหนื่อยเลยครับ
ช่วงล่างไว้ใจได้ ในระดับที่สามารถขับขี่ได้อย่างสนุกในสนามระดับโลก
มาถึงในส่วนของช่วงล่างที่มีการปรับเปลี่ยนใหม่ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเฉพาะชุดหน้าที่โดนใจแทบทุกคนเลยก็ว่าได้ กับการปรับเปลี่ยนโช้คหน้าใหม่หมด จากเดิมที่เป็นแบบ Telescopic ธรรมดาๆ ได้ทำการอัพเกรดเป็น Upside Down โดยใช้รูปแบบเดียวกันกับ Honda X-ADV 750 สกู๊ตเตอร์สายลุยพร้อมปั๊มเบรกหน้าแบบ Radial Mount 4 POT แต่ในส่วนของโช้คหลัง ยังคงใช้แบบเดิมเหมือนกับโฉมก่อนหน้า แต่ถ้าพูดถึงการขับขี่ในสนามแล้ว ถือว่าทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว แม้ว่าตัวโช้กหน้าจะไม่สามารถเซ็ตค่า แต่ก็สามารถสร้างความสนุกสำหรับการขับขี่ในสนามได้อย่างเพียงพอ ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่น่าซีเรียส สำหรับอุปกรณ์มาตรฐานที่ให้มาแบบจัดเต็มขนาดนี้ กับราคาค่าตัว 320,000 บาท (ในช่วงราคาแนะนำ) สำหรับไบค์เกอร์ที่ต้องการรถสปอร์ตไบค์ที่ตอบโจทย์ความเป็นสปอร์ตเครื่องยนต์ 4 สูบ สุดเร้าใจ และคุ้มราคา Honda CBR650R คงต้องเข้าไปอยู่ในอ้อมอกอ้อมใจเสียแล้วครับ
จัดหนักกันต่อที่พี่ใหญ่สุดของตระกูลสปอร์ตไบค์ค่ายปีกนก กับ Honda CBR1000RR SP กับการหวดอย่างเต็มที่ให้สมกับโอกาสดีๆ ที่ได้ เริ่มที่ในเรื่องของสมรรถนะ ในจุดนี้คงไม่ต้องอธิบายให้ยากเพราะด้วยความเป็น SP ของ Honda CBR1000RR แล้ว นับว่าพิเศษสุด เทพสุดจากโรงงานด้วยอะไหล่ที่ให้มาตั้งแต่ภายนอกยันเครื่องใน ล้วนแล้วแต่ของดีๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นโช้คหน้า-หลัง Ohlins ที่ควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้า ปั๊มเบรกหน้า Brembo M4 รวมไปถึงเครื่องเคียงต่างๆ ที่ใช้ไทเทเนียม แม็กนีเซียม และอลูมิเนียมเป็นส่วนผสมเพื่อให้ได้องค์ประกอบที่เบาที่สุด ทนทานที่สุด และแข็งแรงที่สุด ตามด้วยการฝังเทคโนโลยีจากรถแข่งอย่าง Honda RCV-213V ที่ใช้สำหรับการแข่งขันในรายการ MotoGp ทำให้เจ้า Honda CBR1000RR SP กลายเป็นอีกหนึ่งซูเปอร์ไบค์ที่เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่างเลยก็ว่าได้
อาจไม่ใช่รถที่แรงที่สุด แต่เป็นรถที่สร้างความสนุกในการขับขี่ได้มากที่สุด ควบคุมได้อย่างใจที่สุด
ในด้านของฟิลลิ่งในสนามนั้น สัมผัสแรกที่ได้รับเลยก็คือ ความมั่นคงของช่วงล่างที่สามารถแบกรับน้ำหนักของตัวผู้ขับขี่ได้สบายๆ ไร้ซึ่งอาการย้วยหรือดิ้น ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกมั่นใจในทุกโค้ง พร้อมระบบเบรกที่สามารถสั่งได้ดั่งใจ ถึงแม้จะซัดมาเต็มคันเร่งแค่ไหนก็เอาอยู่ โดยเฉพาะในช่วงจะเข้าโค้ง T12 ที่เป็นโค้งไคลแม็กซ์ของสนามช้างฯ ด้วยการเปิดคันเร่งมาจากโค้ง T11 เต็มแรงที่ความเร็วประมาณ 190 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทางผู้ขับขี่ได้ทดลองยกคันเร่งลึกๆ ให้ใกล้โค้งที่สุด เพื่อที่จะทดสอบระบบเบรกที่ทาง Honda ให้ Brembo M4 มาจากโรงงาน ผลออกมาคือ ระบบเบรกเอาอยู่ได้สบายๆ และแทบจะไม่รู้สึกว่ารถเสียอาการใดๆ เลย ทั้งๆ ที่เบรกกระทันหัน ผนวกกับเทคโนโลยีช่วยเหลือในการขับขี่ที่ถ่ายทอดจากรถแข่งอย่างที่เรากล่าวมาข้างต้น เรียกได้ว่าเจ้า Honda CBR1000RR SP คันนี้ เป็นที่ประทับใจโดยส่วนตัวของผู้ขับขี่ทดสอบไปเลยทีเดียว และสำหรับสายสปอร์ตที่ต้องการรถเทคโนโลยีสูงที่เพียบพร้อมไปด้วยสมรรถนะเหมาะ กับการลงสนามแข่งเน้นๆ ต้องขอแนะนำเจ้า Honda CBR1000RR SP ไว้เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ เลยครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับบรรยากาศกิจกรรม CBR Series Circuit Experience ของทาง A.P. Honda ที่ได้จัดหนักจัดเต็มให้กับทางสื่อมวลชนได้ทดสอบอย่างหนำใจ และนำมาแชร์ให้กับแฟนๆ BoxzaRacing ได้ชมกันอย่างเต็มที่ ต้องขอขอบคุณไปทาง A.P. Honda อีกครั้ง ที่ได้จัดกิจกรรมดีๆ แบบนี้ หวังว่าเร็วๆ นี้ เราจะได้มีการทดสอบรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ๆ มารีวิวให้แฟนๆ ได้ชมกันอีกนะครับ ในครั้งหน้า BoxzaRacing จะมารีวิวรถคันไหนอีก รอติดตามได้เลยครับที่ www.BoxzaRacing.com สำหรับวันนี้ต้องขอลากันไปก่อน...สวัสดีครับ