Ducati Scrambler VS Triumph Scrambler ประชันขาลุยของ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่
ในช่วงนี้ถือว่ารถมอเตอร์ไซค์ Bigbike (บิ๊กไบค์) ในแนวที่เกิดมาเพื่อขาลุยโดยเฉพาะอย่าง Scrambler (สแครมเบลอร์) กำลังมาแรงจริงๆ ไม่ว่าจะด้วยการที่ค่ายรถยักษ์ใหญ่ต่างๆ พากันเปิดตัวรุ่นใหม่ออกมาให้แฟนๆ ชาวไบค์เกอร์ได้เห็นกันอย่างมากมาย หรือไม่แน่ว่านี้อาจจะเป็นการปลุกกระแสของเจ้า Scrambler ให้กลับมาผงาดอีกครั้งก็เป็นไปได้
สำหรับการเปรียบเทียบรถมอเตอร์ไซค์ Bigbike หรือการ Battle ของเราในวันนี้ ก็จะพาเพื่อนๆ มาชม 2 ตัวแรง ที่เรียกได้ว่าเกิดมาเพื่อฆ่ากันเลยทีเดียว โดยทางค่ายสีแดง Ducati ก็ส่งรถหน้าตาหล่อเหลา Scrambler ออกมาลงสู่สนามรบ ทางด้านค่ายจากดินแดนผู้ดีอย่าง Triumph ก็มีเจ้า Scrambler ที่อยู่ในตลาดรถแนวนี้มาอย่างยาวนานเช่นเดียวกัน แต่ว่างานนี้ใครจะแน่กว่ากัน วันนี้เราก็จะขอพาเพื่อนๆ มาทำการเจาะลึกกันแบบทุกซอกทุกมุม ให้รู้กันไปเลยว่าใครจะอยู่ ใครจะไป ว่าแล้วก็อย่ารอช้า ตาม BoxzaRacing มาชมพร้อมๆ กันเลยครับ
มาเริ่มกันที่ค่ายสีแดงจากเมืองมักกะโรนี Ducati Scrambler กันก่อนเลย ด้วยดีไซน์อันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ทำให้มันเข้าไปอยู่ในดวงใจของชาวสองล้อขาลุยได้อย่างไม่ยากเย็น ทางด้านการจัดวางบนตัวรถก็ถือว่ามีการผสมผสานความเป็น Ducati เข้าไปอย่างลงตัว โดยที่ไฟหน้าทรงกลมของมันก็ให้อารมณ์แบบทันสมัย ปะปนไปกับกลิ่นอายของความคลาสสิคนิดหน่อย ทำให้มันดูออกมาหล่อเหลาเอาการเลยทีเดียว
ทางด้านเรือนไมล์ของมันมีดีไซน์ที่เรียบง่าย แต่ก็แฝงไว้ด้วยมาตรวัดต่างๆ ที่จำเป็น เจ้า Ducati Scrambler คันนี้ ก็มีมาให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นมาตรวัดความเร็ว ตัววัดอุณหภูมิภายนอก รวมถึงการวัดระยะทาง ทริป A ทริป B เป็นต้น ต่อด้วยการออกแบบตัวถังที่เข้ากับรูปทรงของตัวรถได้เป็นอย่างดี แฮนด์บาร์ที่ยกสูงขึ้น เพื่อให้ผู้ขับขี่มีความสะดวกสบาย เรียกได้ว่ารูปทรงโดยรวมไร้ที่ติจริงๆ
มาต่อกันที่ช่วงล่างของ Ducati Scrambler ขาลุยคันนี้กันบ้าง โดยมันมาพร้อมกับระบบเบรคแบบ Single พร้อมดิสก์เบรคทั้งหน้าและหลัง ซึ่งด้านหน้ามีขนาด 330 มม. คาลิปเปอร์ 4 พอร์ท และด้านหลัง 245 มม. ลูกสูบเดี่ยว ซึ่งเป็นระบบเบรค ABS ทั้งสิ้น ทางด้านระบบกันสะเทือนด้านหน้าของเจ้าจอมดุคันนี้ ใช้เป็นแบบ Telescopic Upside Down 41 มม. ทางด้านโช๊คอัพหลังเป็นแบบ Monoshock (โมโนช๊อค) ปรับระดับได้ เสริมความหนึบด้วยยางหน้าของ Pirelli MT 60 RS ขนาด 110/80 ZR18 และยางหลังขนาด 180/55 ZR17
ในส่วนของเครื่องยนต์ Ducati Scrambler ก็ถือว่าแรงเอาการอยู่เหมือนกัน ซึ่งมาพร้อมพละกำลังจากเครื่องยนต์ขนาด 803 ซีซี. ใช้การระบายความร้อนด้วยอากาศ ทางด้านแรงม้าของมันก็มีมาให้ถึง 75 ตัว ที่ 8,250 รอบ/นาที และแรงบิด 68 นิวตัน-เมตร ที่ 5,750 รอบ/นาที ในส่วนของอัตราส่วนการอัดอยู่ที่ 11:1 ใช้การจุดระเบิดด้วยระบบอิเล็กทรอนิคส์ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ 6 สปีด
เจ้าขาลุยอย่าง Ducati Scrambler คันนี้ สามารถบรรจุน้ำมันได้ 13.5 ลิตร และมิติของตัวรถอยู่ที่ กว้าง 845 มม. ยาว 2,100 และสูง 1,150 มม. ในส่วนของน้ำหนักตัวก็ถือว่าไม่ได้หนักจนเกินไป 170 กก. ก็ถือว่าสเปคโดยรวมของมันนั้น ทำออกมาได้น่าสนใจมากเลยทีเดียว รวมถึงการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของทางค่ายดูคาติ และสำหรับราคาเริ่มต้นที่ 369,900 บาท
เรามาต่อกันที่ค่ายจากเกาะอังกฤษกันบ้าง กับ Triumph Scrambler ซึ่งถือว่าเป็นคู่แข่งอย่างแท้จริงเลยทีเดียว ซึ่งมันมาในสไตล์ Classic-Retro (คลาสสิค เรโทร) แต่งแต้มสีสันด้วยความเป็นขาลุยหรือ Scrambler เข้าไป ด้วยไฟหน้าทรงกลมอันโดดเด่นจากค่ายไทรอัมพ์ และหน้าปัดเรือนไมล์ที่ยังคงใช้เป็นแบบอนาล็อคสุดเก๋า กระจกทรงกลมรูปร่างสูง และตัวถังน้ำมันก็เป็นแบบที่เราคุ้นเคยกันดีจากค่ายจากดินแดนผู้ดีแห่งนี้ และแน่นอนว่าตัวท่อของมันก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ซึ่งเป็นท่อคู่ยกสูงอันเป็นจุดขาย แต่หากนำมาขับในบ้านเรานั้น ชาวไบค์เกอร์ขาลุยอาจจะต้องทนความร้อนที่ส่งออกมาจากตัวท่อไอเสียกันสักนิดนะครับ
สำหรับช่วงล่างของ Triumph Scrambler โดดเด่นด้วยแกนโช๊คอัพหน้าที่เป็นแบบคลาสสิคยุคเก่า พร้อมกับระบบดิสก์เบรคด้านหน้าแบบซิงเกิ้ลขนาด 310 มม และด้านหลังอยู่ที่ 255 มม. จาก Nissin (นิชชิน) ทั้งหมด ด้านระบบกันสะเทือนหรือโช๊คอัพนั้น ใช้เป็นของแบรนด์ Kayaba (คายาบ้า) โดยด้านหน้ามาพร้อมขนาดแกน 41 มม. และด้านหลัง 106 มม. ในส่วนของโครงรถหรือเฟรม ใช้วัสดุจาก Tubular Steel Cradle
Triumph Scrambler ใช้เครื่องยนต์ขนาด 865 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยอากาศ DOHC, Parallel-Twin พร้อมขุมกำลังจากแรงม้า 59 ตัว ที่ 6,800 รอบ/นาที และทอร์คหรือแรงบิด 68 นิวตัน-เมตร ที่ 4,750 รอบ/นาที สั่งจ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีดอัจริยะ ในส่วนของกระบอกสูบ x ช่วงชักอยู่ที่ 90 x 68 มม. ระบบคลัทช์แบบเปียก Multi-Plate ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ 5 สปีด
เจ้าขาลุย Triumph Scrambler คันนี้ สามารถบรรจุน้ำมันเชื้อเพลิงได้ 16 ลิตร ซึ่งหมายความว่าหากเรานำมันไปขับในระยะทางไกลๆ ชาวไบค์เกอร์ทั้งหลายก็หมดห่วงในเรื่องเชื้อเพลิงอย่างแน่นอน ทางด้านมิติของตัวรถ กว้าง x ยาว x สูง อยู่ที่ 860 x 2,213 x 1,202 มม. ซึ่งไทรอัมพ์สแครมเบลอร์สุดหล่อคันนี้ มีราคาค่าตัวอยู่ที่ 635,000 บาท
Ducati Scrambler | Spec พื้นฐาน | Triumph Scrambler |
4 จังหวะ L-Twin 2 สูบ | เครื่องยนต์ | 4 จังหวะ 2 สูบ Parallel-Twin |
803 cc | ปริมาตร กระบอกสูบ |
865 cc |
88 x 66 mm | กระบอกสูบ x ช่วงชัก |
90 x 68 mm |
คลัทช์มือแบบเปียกหลายชั้น APTC | ระบบคลัทช์ | Wet, Multi-plate |
75 แรงม้า ที่ 8,250 รอบ/นาที |
แรงม้า | 59 แรงม้า ที่ 6,800 รอบ/นาที |
68 นิวตัน-เมตรที่ 8,250 รอบ/นาที |
แรงบิด | 68 นิวตัน-เมตรที่ 4,750 รอบ/นาที |
11 : 1 | อัตราส่วน การอัด |
9.2 : 1 |
หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ | ระบบสั่งจ่ายน้ำมัน | หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ |
Kayaba UpsideDown 41 mm |
โช๊คอัพหน้า | Kayaba 41 mm |
Kayaba Monoshock |
โช๊คอัพหลัง | Kayaba 106 mm |
ดิสก์เบรค 330 มม. ABS |
เบรคหน้า | ดิสก์เบรค 310 มม. |
ดิสก์เบรค 245 มม. ABS |
เบรคหลัง | ดิสก์เบรค 255 มม. |
845 x 2,100 x 1,150 มม. | กว้างxยาวxสูง | 860 x 2,213 x 1,202 มม. |
170 กก. | น้ำหนักรถ | 230 กก. |
13.5 ลิตร | ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง | 16 ลิตร |
369,900 บาท | ราคาจำหน่าย |
635,000 บาท |
ถือว่าเป็นคู่แข่งที่น่าใจมากอีกคู่เลยทีเดียวนะครับ สำหรับเจ้า Ducati Scrambler และ Triumph Scrambler ซึ่งหากจะให้บอกว่าใครที่เหนือกว่ากันอย่างแท้จริงนั้น ก็อาจจะต้องตอบว่าทั้งคู่ก็มีความพิเศษที่แตกต่างกันออกไป โดยทางด้าน Ducati อาจจะเหนือกว่าทางด้านอัตราเร่งที่พุ่งกระฉูดกว่าอยู่พอสมควร รวมถึงราคาที่ถูกกว่าอยู่เกือบเท่าตัว แต่หากใครที่ไม่ได้เน้นความแรงแบบจัดๆ แต่จะออกไปในแนวขับชิวล์ๆ หล่อ เท่ห์ และรักรถในสไตล์คลาสสิคที่มีมากกว่าแล้วล่ะก็ ทางด้าน Triumph ก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่เข้าตามากกว่านั่นเอง
สำหรับครั้งหน้า BoxzaRacing ของเราจะพาเพื่อนๆ ชาวสองล้อมาชมการเปรียบเทียบรถมอเตอร์ไซค์ หรือ Battle รถมอเตอร์ไซค์รุ่นไหน ค่ายไหนมาให้ชมกันอีก ต้องคอยติดตามกันให้ดีเลยนะครับ สำหรับวันนี้เราคงต้องขอตัวลาไปก่อน พบกันใหม่กับการแบทเทิลในครั้งหน้า สวัสดีครับ
ภาพจาก cycleworld.com