2024 Triumph Daytona 660 คือโมเดลรถสปอร์ตรุ่นใหม่ในไทย กับราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 327,300 บาท พร้อมลงแข่งขันในตลาดรถสปอร์ตขนาด 600 ซีซี. ที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ซึ่ง Boxzaracing จะพาคุณไปทำความรู้จักเพิ่มเติมถึงรายละเอียดต่างๆ ของรถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้
เราคงต้องเริ่มจากการดีไซน์การออกแบบกันเป็นเรื่องแรก จากที่ผมได้สัมผัสคันจริงในงานเปิดตัว ก็ยืนยันว่าคันจริงสวยกว่าในรูปมาก เริ่มจากไฟหน้า LED แบบคู่ที่ Triumph ได้ปรับปรุงการออกแบบใหม่ มีการเน้นลายเส้นของรถให้มีความคมขึ้นอย่างชัดเจน ตรงจุดนี้ได้ทำให้รถมีความดุดัน มีความสปอร์ตที่มากขึ้นกว่าเก่า รวมไปถึงสีสันของรถก็ช่วยเพิ่มความเร้าใจให้กับผู้ที่พบเห็นอีกระดับด้วยเช่นกัน โดย Daytona 660 จะมีให้เลือก 3 เฉดสี ได้แก่
สำหรับแนวคิดในการออกแบบพัฒนา Daytona 660 หลักๆ จะเป็นเรื่องการใช้งานที่สะดวกสบายเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นท่านั่งการขับขี่จะยังไม่ได้หมอบไปกับตัวรถมากสักเท่าไหร่ จุดนี้ให้อารมณ์ความเป็นสปอร์ตทัวริ่งอยู่ไม่มากไม่น้อย
เครื่องยนต์ขนาด 660 ซีซี. แบบ 3 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลังสูงสุด 95 แรงม้า ที่ 11,250 รอบ/นาที ส่วนแรงบิดสูงสุด 69 นิวตันเมตร ที่ 8,250 รอบ/นาที พร้อมส่งกำลังด้วยเกียร์ 6 สปีด มีเทคโนโลยี Slipper Clutch เป็นมาตรฐาน เครื่องยนต์ผ่านมาตรฐาน Euro5 และในส่วน Quick Shifter จะให้เป็นทางเลือกซื้อเพิ่มเติม
ทีนี้ Triumph ได้เคลมเรื่องความเร็วความแรงของเครื่องยนต์ไว้ว่า ถ้าในพิกัดรถสปอร์ตขนาด 600 ซีซี. (ไม่ใช่รถมอเตอร์ไซค์แบบ Replica) กำลังแรงม้าเยอะที่สุด ซึ่งพื้นฐานเครื่องยนต์บล็อกนี้ใช้ร่วมกับ Trident 660 แต่มีการปรับปรุงภายในเครื่องยนต์ใหม่ อาทิ วาล์วใหญ่ขึ้น เพลาลูกเบี้ยวใหม่ ใช้ลิ้นปีกผีเสื้อ 1/สูบ (เท่ากับมี 3 ตัว) ตลอดจนใช้ลูกสูบใหม่ที่ใช้สารเคลือบแรงเสียดทานต่ำ และที่สำคัญคือการปรับอัตราทดเกียร์ใหม่
อย่างไรก็ตามในส่วนของท่อไอเสีย ยังคงเป็นดีไซน์เดียวกับ Trident 660 แต่ในเรื่องเสียงที่ได้ฟังภายในงานเปิดตัว ก็ดูเหมือนว่า Triumph ได้ใส่ใจในจุดนี้เช่นกัน เพราะสีท่อไอเสียมีความดุดันพอสมควร ยิ่งเปิดคันเร่ง เสียงยิ่งดุขึ้นมากขึ้นหลายเท่าตัว
2024 Triumph Daytona 660 ยังมาพร้อมคันเร่งไฟฟ้า และมีโหมดให้เลือกขับขี่ 3 รูปแบบ ได้แก่ Road, Rain และ Sport นอกจากนี้ก็มีเทคโนโลยี Traction control ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ที่สามารถ เปิด/ปิด ได้ นอกจากนี้ยังมีระบบไฟเบรกฉุกเฉิน เมื่อเบรกหนักๆ ระบบไฟฉุกเฉินจะทำงานอัตโนมัติ
สำหรับเฟรมก็มีความเปลี่ยนแปลงไปจาก Trident 660 เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการปรับองศาของโช้คหน้ามีความชันขึ้น การเพิ่มระยะฐานล้อให้มีความยาวเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยการควบคุมการเข้าโค้งที่ดีขึ้นนั้นเอง
ในส่วนระบบกันสะเทือนหน้าเป็น Upside down ขนาดแกน 41 มม. ให้ระยะยุบที่ 110 มม. ซึ่งเป็นของ Showa รุ่น SFF-BP (รุ่นเดียวกับที่อยู่ใน CBR650R) สำหรับระบบกันสะเทือนหลังเป็นแบบเดี่ยว ก็เป็นของ Showa รุ่น RSU สามารถปรับค่าพรีโหลดได้ พร้อมมีระยะยุบที่ 130 มม.
ในส่วนระบบเบรกหน้าก็เป็นดิสก์คู่ โดยเป็นคาลิปเปอร์เบรกแบบเรเดียลสี่ลูกสูบแบรนด์ Triumph พร้อมจับคู่กับจานเบรกแบบลอยตัวขนาด 330 มม. ส่วนเบรกหลังเป็นคาลิปเปอร์เบรกหนึ่งลูกสูบแบรนด์ Triumph เช่นกัน พร้อมจับคู่กับจานเบรกขนาด 220 มม. และมีระบบเบรก ABS เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่เป็นมาตรฐานทั้งล้อหน้าและล้อหลัง
สำหรับวงล้อแม็กก็เป็นอะลูมิเนียมอัลลอยด์น้ำหนักเบา ดีไซน์เป็น 5 ก้าน โดยล้อหน้ามีขนาดอยู่ที่ 120/70 ZR 17 ส่วนล้อหลังมีขนาดอยู่ที่ 180/55 ZR 17 ซึ่งยางที่รัดมาให้จากโรงงานก็เป็น Michelin Road 6 รุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
Michelin Road 6
อีกสิ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ หน้าจอแสดงผลแบบ TFT ซึ่ง Daytona 660 มีมาให้ใช้งานเช่นกัน แต่จะเป็นจอขนาดเล็กเท่านั้น ส่วนจอแสดงผลอันใหญ่ยังคงเป็นแบบ LCD อยู่เหมือนเดิม ทั้งนี้รองรับการเชื่อมต่อมือถือสมาร์ทโฟนได้ สำหรับเรื่องของหน้าจอเรือนไมล์ ส่วนตัวยังรู้สึกขัดใจอยู่พอสมควร ยังรู้สึกว่า Triumph ยังสามารถดีไซน์ออกแบบให้สวยกว่านี้ได้อีก
อ่านข้อมูลอื่นเพิ่มเติม
สุดท้ายนี้คุณสามารถไปสัมผัส 2024 Triumph Daytona 660 คันจริงได้แล้วที่โชว์รูมใกล้บ้าน (12 แห่งทั่วไทย) โดยรถจะมาพร้อมการรับประกันคุณภาพเป็นระยะเวลา 2 ปีแบบไม่จำกัดระยะทาง เช่นเดียวกับการตรวจสภาพฟรีเป็นระยะทางสูงสุดที่ 16,000 กิโลเมตร ที่สำคัญก็มีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมงเป็นระยะเวลา 2 ปีอีกด้วย
