เขียนโดย: Surasak

เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2567 - 11:31

2024 BMW R1300GS ราคาในไทยเริ่ม 1.125 ล้านบาท เครื่องใหม่ เฟรมใหม่ เทคโนโลยีใหม่ และเบาลงกว่าเดิม

      2024 BMW R1300GS เปิดราคาจำหน่ายในไทยเริ่มต้นอยู่ที่ 1,125,000 บาท ซึ่งคงไม่ต้องพูดอะไรให้เสียเวลามากมาย เพราะ BMW Motorrad ได้มีการเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่นี้ในต่างประเทศไปในช่วงปลายปี 2023 ที่ผ่าน ส่วนในไทยเพียงแค่รอลุ้นว่าจะมีการเปิดตัวในช่วงไหนเสียมากกว่า ตลอดจนเรื่องของราคาค่าตัวว่าจะเปิดกี่บาทเพียงเท่านั้น

 

 

      ทั้งนี้ R1300GS จะมีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ซึ่งจะมีความแตกต่างกันในเรื่องของสีสัน รวมไปถึงอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมเข้ามา ทำให้ราคาจำหน่ายก็จะมีความแตกต่างกันอีกด้วย

 

- Triple Black ราคา 1,125,000 บาท

- GS Thophy ราคา 1,125,000 บาท

- Option 719 ราคา 1,205,000 บาท

 

      ภาพรวมแบบคร่าวๆ ของ R1300GS เรียกได้ว่ามีความเปลี่ยนแปลงใหม่ตั้งแต่ดีไซน์การออกแบบ มิติของรถดูมีขนาดที่เล็กลง ไฟหน้าดีไซน์ออกแบบใหม่เป็นรูปทรง X ซึ่งเรื่องดีไซน์การออกแบบมีความเกี่ยวข้องกับการความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในบริษัทของ BMW เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนตัวผู้อำนวยการออกแบบรถมอเตอร์ไซค์คนใหม่ที่มีชื่อว่า Alexander Buckan นั้นเอง

 

 

      เนื่องจากรถมีความเพรียวบางลงอย่างชัดเจนการรุ่นเดิม ปัจจัยหลักๆ มาจากเครื่องยนต์ใหม่ และเฟรมของรถใหม่นั้นเอง ซึ่งมีเคลมน้ำหนักที่เบาลงจากเดิมไปถึง 12 กิโลกรัม สิ่งนี้มีผลต่อการควบคุมขับขี่แน่นอน ซึ่งน้ำหนักนี้ยังไม่นับร่วมการเลือกใช้งานล้อ Forged ที่เป็นตัวเลือกอีกด้วย หากใครไม่เน้นการลุยในทางฝุ่น เน้นวิ่งถนนดำเป็นหลัก

 

เครื่องยนต์

      เรื่องเครื่องยนต์ที่บอกว่าเป็นเครื่องใหม่ โดย BMW ได้ปรับขนาดเครื่องยนต์ให้ใหญ่ขึ้นเป็น 1,300 ซีซี สามารถทำกำลังสูงสุด 145 แรงม้า ส่วนแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 142 นิวตันเมตร อีกทั้งมีการออกแบบให้เครื่องยนต์มีช่วงของแรงบิดที่กว้างขึ้นกว่าเดิมเป็น 3,600 ถึง 7,800 รอบ/นาที จุดนี้ทำให้ตอบโจทย์รูปแบบการขับขี่ที่หลากหลายขึ้นกว่าเครื่องรุ่นเก่า

 

      นอกจากนี้มีการย้ายตำแหน่งกระปุกเกียร์ใหม่ โดยปรับให้ต่ำกว่าเดิม ทำให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงของเครื่องยนต์ที่ต่ำลง ซึ่ง BMW ยังได้ปรับเปลี่ยนเพลาลูกเบี้ยวเป็นแบบใหม่ สิ่งเหล่าได้ทำให้เครื่องยนต์มีสมรรถนะที่ดีกว่าเดิม มีกำลังที่ดีขึ้นกว่าเดิม ตลอดจนเรื่องน้ำหนักของเครื่องที่เบากว่าเดิม

 

      สุดท้ายทาง BMW ได้เคลมความเร็วสูงสุดของเครื่องไว้ที่ 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง และสามารถทำความเร็วจาก 0 - 100 ภายใน 3.39 วินาที ในส่วนของเรื่องอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงก็จะไม่ได้แตกต่างจากเครื่องยนต์บล็อกเก่าก่อนหน้า

 

 

เฟรมตัวถัง

      เรื่องเฟรมของรถก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจ โดย BMW ได้มีการออกแบบเฟรมใหม่ทั้งหมด และได้เลือกใช้โลหะแผ่นกับอะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปแทน ซึ่งตรงจุดนี้สามารถช่วยลดน้ำหนักลงไปจาก

 

ระบบกันสะเทือน

      ในส่วนของระบบกันสะเทือนหน้ามีชื่อว่า Evo Telelever ซึ่งเป็นเทคโนโลยีรุ่นใหม่ล่าสุดที่ได้รับการพัฒนา ส่วนระบบกันสะเทือนหลังจะมีชื่อว่า Evo Paralever ก็เป็นโช้ครุ่นใหม่ล่าสุดเช่นกัน โดยทางบริษัทได้มีการปรับปรุงในเรื่องการบังคับเลี้ยวที่แม่นยำขึ้น และมีเสถียรภาพในการขับขี่ควบคุมที่ดีขึ้น

 

ระบบเบรก

      สำหรับระบบเบรกหน้าเป็นดิสก์คู่ ทำงานร่วมกับคาลิปเปอร์สี่ลูกสูบแบบเรเดียล พร้อมจานเบรกขนาด 310 มม. ในส่วนของเบรกหลังจะเลือกใช้คาลิเปอร์สองลูกสูบจับคู่กับจานขนาด 285 มม. โดยระบบเบรกของรถก็เป็นของ BMW นั่นล่ะ อีกทั้งรถก็ยังมีระบบ Integral ABS Pro ที่จะทำงานพร้อมกันทั้งล้อหน้าและหลังเป็นอัตโนมัติ เมื่อคุณใช้เบรกหน้า ระบบจะส่งคำสั่งไปที่ล้อหลังให้ ABS ทำงานด้วย และในทางกลับกันเมื่อคุณใช้เบรกหลัง ระบบจะส่งคำสั่งให้ ABS ทำงานเช่นกัน

 

ล้อ

      ล้อหน้าขนาด 19 นิ้ว และล้อหลังขนาด 17 นิ้ว โดยจะมีล้อจะมีให้เลือกถึงสามแบบด้วยกัน ได้แก่ล้ออะลูมิเนียมหล่อน้ำหนักเบา, ล้อแบบ Cross-spoke และล้อ Forged ที่มีน้ำหนักเบาเป็นต้น

 

 

ขนาดมิติของรถ

      ขนาดของรถจะมีความยาว 87.1 นิ้ว และมีความกว้าง 39.4 นิ้ว (รวมแฮนด์การ์ด) ความสูงของเบาะนั่งมาตรฐานคือ 33.5 นิ้ว แต่จะมีฟังก์ชันเสริมที่สามารถความต่ำของเบาะนั่งให้เหลือ 32.3 นิ้ว โดยน้ำหนักของรถอยู่ที่ 237 กิโลกรัม (ไม่รวมของเหลว) และถังน้ำมันมีความจุ 18.9 ลิตร

 

เทคโนโลยีการขับขี่

      เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นโหมดการขับขี่สี่รูปแบบ (Rain, Road, Eco และ Enduro), ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนแบบไดนามิก (Dynamic traction control), การควบคุมแรงบิดของเครื่องยนต์ (Engine drag torque control), ระบบช่วยเบรกแบบไดนามิก (Dynamic brake assist), ระบบควบคุมการออกตัวบนทางลาดชัน (Hill start control), ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบไดนามิก (Dynamic cruise control) และการตรวจสอบแรงดันลมยาง (RDC) เป็นต้น

 

      2024 BMW R1300GS จะมาพร้อมกับหน้าจอเรือนไมล์แบบ TFT ขนาด 6.5 นิ้ว แสดงข้อมูลการขับขี่ครบครั้น เช่นเดียวกับช่องชาร์จไฟแบบ USB และช่องเสียบไฟ 12 โวลต์ก็มีให้ใช้งานเป็นมาตรฐาน ระบบกุญแจเป็นแบบ Keyless และที่ขาดไม่ได้ก็คือระบบทำความร้อน Heated grips ที่ให้มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของรถ

 

 

อ่านข้อมูลอื่นเพิ่มเติม

 

      นอกจากนี้ทาง BMW ก็ได้ออกอุปกรณ์เสริมต่างๆ เพิ่มเติมให้กับผู้ที่ซื้อรถไปใช้งาน แต่ต้องจ่ายเงินซื้อเพิ่มเติมนั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นระบบกันสะเทือนแบบไดนามิกอิเล็กทรอนิกส์ (DSA), ระบบปรับเบาะนั่งผู้ขับขี่ให้ต่ำลงในระหว่างการขับขี่, โหมดการขับขี่ Pro, ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบแอ็คทีฟ,  ระบบเรดาห์แจ้งเตือนการชนด้านหน้าและการเปลี่ยนเลน, เบาะนั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสารมีระบบ Heated seats และตัวยกแฮนด์ (Handlebar riser) เป็นต้น ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ถือเป็นออฟชั่นเสริมให้กับคนที่ต้องการจ่ายเพียงเท่านั้น

 

 

      ทั้งหมดนี้เป็นภาพรวมของแบบคร่าวๆ ของ 2024 BMW R1300GS รุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดราคาจำหน่ายในไทย โดยเน้นย้ำราคาจำหน่ายอีกครั้งว่าเริ่มต้นที่  1.125 ล้านบาท และมีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ซึ่งใครที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามไปที่ Bmw Motorrad Thailand ได้เลย

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook