Suzuki Burgman 400 (ซูซูกิ เบิร์กแมน 400) หลังจากที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปีก่อน ก็ถือได้ว่าเป็นมอเตอร์ไซค์แนวบิ๊กสกู๊ตเตอร์อีกหนึ่งรุ่น ที่เรียกได้ว่า สร้างปรากฏการณ์ในระดับ Talk of the Town ด้วยราคาเปิดตัวแบบสุดว้าว "สองแสนบาท...มีทอน" สำหรับผู้ที่จอง 100 คันแรก ก่อนที่โควต้าที่ว่านั้น หมดลงในชั่วพริบตา ตั้งแต่วันแรกที่เปิดจอง ซึ่งคงเป็นเครื่องยืนยันความฮอตของสกู๊ตเตอร์น้องใหม่จากค่ายรังสิต (ขออนุญาตยืมฉายา "ค่ายรังสิต" จาก บก.เดฟ นักเลงมอเตอร์ไซค์) ได้เป็นอย่างดี
Suzuki Burgman 400
แน่นอนครับ สำหรับนักเล่นตัวจริง หรือคนที่เล็งเห็นอนาคตที่แอบซ่อนอยู่ จะรู้ว่า Suzuki Burgman 400 เป็นสองล้อที่เย้ายวนใจแค่ไหน ด้วยค่าตัวที่ไม่สูงมากนัก บวกกับสมรรถนะที่ได้แบบเต็มๆ พร้อมด้วยมาตรฐานการผลิตเนียนๆ ซึ่งนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นทั้งคัน มันคือ ปัจจัยที่บ่งชี้ถึงความน่าคบหาอยู่ในตัวเอง แต่ก็เชื่อว่า ยังมีหลายๆ คนที่เกิดข้อสงสัยใจใจอยู่มากมาย โดยเฉพาะในเรื่องส่วนต่างของค่าตัว เมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมคลาสในพิกัดใกล้เคียงกัน รวมถึงภาพลักษณ์ที่อาจจะยังดูไม่หวือหวา ดึงดูดใจเท่าไหร่นัก (แล้วแต่มุมมองโดยส่วนตัวของแต่ละคน) แต่ก็นั่นล่ะครับ ด้วยความเรียบง่ายของตัว Suzuki Burgman 400 ทำให้สกู๊ตเตอร์รุ่นนี้ คงความน่าค้นหากว่าใครๆ ซึ่งในครั้งนีั้ Boxzaracing จะพาไปเจาะลึกรายละเอียดเกี่ยวกับรถรุ่นนี้ แต่ก่อนอื่น...ขอเตือนไว้ก่อนเลยว่า สำหรับใครที่กำลังจดๆ จ้องๆ หากได้อ่านรีวิวนี้จนจบ ท่านอาจเป็นคนหนึ่งที่ต้องเสียทรัพย์นับสองแสนก็เป็นได้ !
สิ่งหนึ่งในจิตวิญญาณความเป็น Suzuki คือ การนำเสนอสินค้าในสไตล์มินิมอล เน้นความเรียบง่าย ไม่หวือหวา แต่สามารถใช้งานได้จริง เช่นเดียวกับ Suzuki Burgman 400 ที่เราได้นำมารีวิวให้ทุกท่านได้อ่านกันในวันนี้ โดยในความเรียบง่ายนั้นเอง มันก็มีอะไรที่มิอาจหาได้จากรถรุ่นไหนๆ ซ่อนอยู่ เช่น การเป็นรถที่ได้รับการประกอบและส่งมาแบบทั้งคันจากประเทศญี่ปุ่น แม้ว่าปัจจัยนี้ อาจไม่ใช่เรื่องจำเป็น หรือไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะใส่ใจ แต่...มันก็ถือว่ามีความสำคัญ และมีอิทธิภพลต่อการตัดสินใจของหลายๆ คนอยู่ไม่น้อย เพราะคนที่เข้าใจ ย่อมรู้ดีว่า การผลิตและประกอบในญี่ปุ่นนั้น มีมาตรฐานในการผลิตและการตรวจสอบคุณภาพในระดับที่ดีมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ดีระดับที่ค่ายยุโรปบางค่ายยังไม่อาจเทียบ ซึ่งสิ่งนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความแตกต่าง ที่สำหรับรถบางรุ่น แม้ต้องจ่ายเงินมากกว่า ก็ไม่สามารถหาได้
ไฟหน้า - ไฟท้าย LED ทัศนวิสัยดีเยี่ยม โดดเด่น ปลอดภัย
มาตรวัดเน้นง่าย แต่ดูหรู และบอกได้ครบนะ
เบรกมือ...ช่วยได้เยอะ เวลาจอดบนทางลาดชัน
แม้จะดูเรียบง่าย แต่ดีไซน์ของ Suzuki Burgman 400 นั้น ได้รับการสังสรรค์มาเป็นอย่างดี ภายใต้แนวคิด The Elegant Athlete ที่เน้นเรื่องของความหรูหรา ทันสมัย ด้วยเส้นสายที่มีความเฉียบคม พร้อมใส่ฟังค์ชั่นที่จำเป็นเข้าไปอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า - ไฟท้ายที่มาในรูปแบบ LED ในส่วนของเรือนไมล์เน้นความหรูหราด้วยมาตรวัดแบบอนาล็อก 2 วง ขนาบข้างหน้าจอที่สามารถบอกค่าการทำงานต่างๆ เช่น ปริมาณเชื้อเพลิง, อัตราสิ้นเปลือง, อุณหภูมิภายนอก, ระยะทางรวม ทริป A-B รวมถึงยังมีไฟสัญลักษณ์ต่างๆ ที่คอยเตือนหากมีความผิดปกติของระบบต่างๆ นอกจากนี้ยังมีเบรกมือเพื่อความสะดวกในการจอดบนพื้นที่ลาดเอียง ดูแล้วรู้สึกได้ว่า ไม่เยอะ...แต่ครบถ้วน
เบาะใหญ่ นั่งสบาย พนักรองเบาะคนขับ ปรับเลื่อนหน้า - หลังได้ตามต้องการ
เก็บหมวกกันน็อคได้ 2 ใบ แต่ไม่เหมาะกับการใส่แกงกะทิไว้ในระหว่างเดินทาง (ร้อนหน่อย...บูดแน่)
ช่องเก็บของซ้าย - ขวา พร้อมช่องชาร์จไฟ 12 โวลต์
สิ่งที่เป็นไฮไลท์ของมอเตอร์ไซค์ในรูปแบบนี้ คงหนีไม่พ้นเบาะนั่ง ที่ออกแบบมาให้มีขนาดใหญ่ รองรับการเดินทางทั้งใกล้ ไกล ได้อย่างสะดวกสบาย ช่วยลดอาการเมื่อยล้าของผู้ขับขี่แล้วผู้โดยสาร โดยเบาะนั่งของ Suzuki Burgman 400 มีความสูงจากพื้น 755 มม. ซึ่งถือว่าไม่สูง หากรวมกับความกว้างของเบาะแล้ว หากขึ้นคร่อมโดยชายไทยไซส์มาตรฐาน ก็ไม่รู้สึกว่าต้องเขย่งปลายเท้ามากเกินไปจนทำให้เสียบาลานซ์ในการควบคุม ในส่วนของพื้นที่วางเท้า ออกแบบมาให้สามารถวางเท้าได้อย่างหลากหลาย ช่วยสร้างความผ่อนคลายด้วยอิริยาบทที่หลากหลายในขณะขับขี่ ส่วนใต้เบาะออกแบบมาให้เป็นพื้นที่ในการเก็บสัมภาระความจุถึง 42 ลิตร ซึ่งทางผู้ผลิตเคลมว่าสามารถใส่หมวกกันน็อคแบบเต็มใบได้ถึง 2 ใบ
ดิสค์หน้าคู่...ดูโปร และเรียกว่าเป็นบิ๊กสกู๊ตเตอร์ได้แบบเต็มปาก
Suzuki Burgman 400 มาพร้อมขุมพลัง 1 สูบ 399 ซีซี. 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลังสูงสุด 31 แรงม้า ที่ 6,300 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุดที่ 36 นิวตัน-เมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที พร้อมระบบส่งกำลังแบบ CVT นอกจากนี้ Suzuki Burgman 400 ยังใส่ความไม่ธรรมดา แบบที่คู่แข่งในคลาสให้ไม่ได้ นั่นก็คือ ช่วงล่างหน้าแบบเทเลสโคปิค พร้อมดิสค์เบรกหน้าแบบคู่ พร้อมจานขนาด 260 มม. รวทั้งดิสค์เบรกหลัง ที่ผสานการทำงานร่วมกับ ABS ตอบโจทย์ความเป็นบิ๊กไบค์พันธุ์แท้ได้อย่างตรงใจ เช่นเดียวกับโช้กอัพหลังที่มาในรูปแบบที่เรียกว่า Link-Type Monoshock ซึ่งสามารถปรับค่า Spring Preload ได้ถึง 7 ระดับ ที่ให้สมรรถนะที่โดดเด่นทั้งการขับขี่ในรูปแบบสปอร์ต รวมถึงการเดินทางทั่วไปได้อย่างพอเหมาะ
เบาะไม่สูง และไม่กว้างเกินไป ทำให้วางเท้าได้อย่างมั่นคง
แม้ว่า BoxzaRacing จะมีโอกาสได้คลุกคลีกับเจ้า Suzuki Burgman 400 ในช่วงเวลาไม่นานนัก เนื่องจากคิวในการเทสต์ของสื่อแต่ละสำนักนั้น ค่อนข้างที่จะหนาแน่นในช่วงนี้ แตเราก็พอสรุปได้จากการใช้งานในเบื้องต้นที่เรียกว่าครอบคลุมทุกรูปแบบการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในสภาพการจราจรแออัด การเดินทางออกทริปเบาๆ อัตราเร่ง รวมถึงการทำความเร็วและฟีลลิ่งที่สัมผัสได้จากช่วงล่างในระที่ใช้ความเร็วสูง เริ่มแรกเลยคงต้องพูดถึงท่วงท่าในการนั่งกันก่อน ต้องบอกว่า Suzuki Burgman 400 ตอบโจทย์เรื่องความง่ายในการควบคุม การจับรถตั้งตรงเพื่อให้พร้อมสำหรับการเดินทาง (แค่ระวังเกินหากยกขึ้นมาแรง เพราะเครื่องยนต์อยู่ในตำแหน่งสูงอาจเกิดแรงเหวี่ยงในขณะที่ยกรถขึ้นมาอย่างรวดเร็ว) ได้เป็นอย่างดี ด้วยความสูงและความกว้างของเบาะที่ไม่มากจนเกินงาม แต่อาจติดขัดไปบ้างในตอนเข็นออกจากซองหรือเข็นเพื่อตั้งลำ ด้วยความที่ตัวรถมีขนาดค่อนข้างใหญ่และมีน้ำหนักถึง 215 กก. ซึ่งก็คงไม่แปลก แต่ในความเป็นจริงคือ เราซื้อมาขี่ ปัจจัยเรื่องความหนักในการเข็นจึงเป็นประเด็นรองในการพิจารณา
รับรถออกมาได้ไม่นาน เราต้องขี่ผ่านสภาพการจราจรที่แออัด ต้องแทรกตามช่องบ้าง เร่งๆ เบรกๆ อยู่บ่อยครั้ง แต่ Suzuki Burgman 400 ก็สามารถตอบโจทย์ในเรื่องความคล่องตัวได้อย่างน่าพอใจ โยกซ้าย โยกขวาได้ง่าย ด้วยแฮนด์บาร์ที่ออกแบบมาให้สามารถตอบสนองการเคลื่อนไหวได้ไว การเซ็ทบาลานซ์มาค่อนข้างโอเค ทำให้สามารถคอนโทรลรถได้ไม่ยาก แม้ว่าจะไม่ได้คล่อง หรือให้ความแม่นยำในการคอนโทรลเหมือนจับวาง เฉกเช่นการขี่รถเล็ก หรือขี่รถเนคเก็ตไบค์ในพิกัดใกล้เคียงกัน แต่ก็ถือว่าใช้งานได้ไม่ยากในชีวิตประจำวัน ซึ่งสิ่งที่น่าชื่นชม โดยส่วนตัวแล้ว BoxzaRacing ชอบในแรงบิดของเครื่องยนต์ในพิกัด 400 ซีซี. ที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและหนักหน่วง ทำให้สามารถเร่งออกตัว และเร่งแซงในช่วงสั้นๆ ได้อย่างน่าประทับใจ แต่ก็มีข้อควรรระวังอยูเล็กน้อย ด้วยความที่ Suzuki Burgman 400 นั้น มีแรงบิดรอบต่ำค่อนข้างสูง และไม่ได้ติดตั้งระบบ Traction Control มาให้ การใช้คันเร่งหนักเกินไป ในสภาพพื้นผิวที่ค่อนข้างลื่น เช่น พื้นแอสฟัลท์ที่ใช้งานมานาน, พื้นขัดมันตามสถานีบริการน้ำมัน อาจต้องระวังอยู่บ้าง อย่าเผลอใช้คันเร่งมากเกิน จนอาจก่อให้เกิดอาการท้ายดิ้น จนนำมาสู่ความเสียการควบคุม ใช่ครับ...ก็รถมันแรง !
ความนุ่ม สบายในการเดินทาง ถือเป็นไฮไลท์ที่สำคัญของ Suzuki Burgman 400 ด้วยช่วงล่าที่ได้รับการผปรับเซ็ทมาอย่างลงตัว สามารถผสานอารมณ์ในการขับขี่ได้อย่างกลมกล่อม ซึ่งเมื่อรวมกับเบาะนั่งที่ออกแบบมาให้รับกับสรีระแล้ว ยิ่งเป็นหัวใจที่ช่วยเติมอรรถรสในการเดินทางได้มากยิ่งขึ้น นั่งขี่คนเดียวว่าสบายแล้ว การขี่แบบมีคนซ้อนยิ่งช่วยเติมความนุ่มนวลชวนฝันขึ้นไปอีกขั้น ซึ่งหากจะถามว่าเบาะคนซ้อนนั่นสบายไหม ? คำตอบคงจะยืนยันได้จากถ้อยคำที่ผู้ซ้อนในครั้งนี้เอ่ยปากชมว่า...เบาะคันนี้กว้าง นั่งสบายดีจริงๆ โดยที่ผมไม่ต้องเอ่ยปากถามเลยแม้แต่น้อย
ขี่สบาย เดินทางสะดวก ท่านั่งเป็นมิตร ลมไม่ปะทะ ยืดขาได้ตามชอบ
เชื่อว่าสิ่งที่หลายคน (แต่เชื่อว่า...ไม่ใช่ทุกคน) คาดหวังจาก Suzuki Burgman 400 ที่มาพร้อม ซีซี. สูงกว่าเพื่อนร่วมคลาส คงหนีไม่พ้นตัวเลขที่เรียกว่า Top Speed ซึ่งตัวผมเอง กลับไม่รู้สึกเช่นนั้น โดยเฉพาะเมื่อได้ทดลองขี่อย่างจริงจัง ก็พบว่า Suzuki Burgman 400 ไม่ได้เกิดมาเพื่อการขับขี่แบบใช้ความเร็วสูง ชนิดที่ว่าต้องเอาตัวเลขมาคุยอวดเพื่อนฝูง แต่แก่นสารมันอยู่ในเรื่องถึงความสะดวกสบายในการเดินทางเสียมากกว่า แน่นอนว่าอัตราเร่งของ Suzuki Burgman 400 ทำให้ BoxzaRacing ประทับใจ เนื่องจากสามารถไต่ความเร็วได้อย่างต่อเนื่อง สู่จุดที่อยู่ในช่วงสบายๆ ในการเดินทาง 110-120 กม./ชม. ที่รอบเครื่องยนต์ไม่สูง ไม่ครางจนเกินไป นอกจากจะช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์แล้ว ยังช่วยในเรื่องอัตราการบริโภคเชื้อเพลิงอีกด้วย การขี่ที่ความเร็วระดับนี้ ด้วยชิลด์หน้าขนาดใหญ่ ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องเผชิญหน้ากับลมที่มาปะทะตัว ซึ่งช่วยให้การเดินทางไกลๆ ทำได้แบบไม่ทรมานสังขารมากนัก และด้วยถังน้ำมันขนาด 13.5 ลิตร กับอัตราสิ้นเปลืองที่ไม่สูงมาก การเติมน้ำมันต่อถัง แทบจะทำให้คุณลืมการเติมน้ำมันในครั้งต่อไปได้เลย (น้ำมันเต็มถัง วิ่งได้กว่า 300 กม.)
ขี่ 100-120 กม./ชม. กำลังดี เกินกว่านี้...อาจมีเสียว
แต่หากผู้ขับขี่ต้องการอะไรที่มากกว่านั้น Suzuki Burgman 400 ก็พร้อมจะไปต่อสู่ย่านความเร็ว Top Speed แตะๆ 140 กม./ชม. (เลย 130 กม./ชม. จะเริ่มหนืดและค่อยๆ ไหลช้าๆ) แต่หากต้องแลกมาด้วยทักษะและสมาธิในการควบคุมที่สูงขึ้น เพราะที่ความเร็วกว่า 130 กม./ชม. เป็นต้นไป จะรู้สึกได้ทันทีว่าหน้ารถค่อนข้างเบา ทำให้เกิดอาการสะบัดหรือหน้าส่ายได้ง่าย (ชวนให้นึกถึงกันสะบัดขึ้นมาในทันที) จนต้องลดความเร็วลงมาอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้อย่างมั่นใจ หรือประมาณ 110-120 กม./ชม. ที่บอกไว้ในข้างต้น ถือว่ากำลังพอเหมาะ ด้วยความเร็วในในระดับใช้งานทั่วไป นอกจากตัวรถจะให้ความมั่นคงแล้ว ยังถือว่าคอนโทรลได้ตามต้องการ สามารถจัดท่านั่งแต่งตัวเพื่อเข้าโค้งได้ง่าย เช่นเดียวกับระบบเบรกทั้งหน้าและหลังที่ให้ความมั่นใจได้ในระดับสูง หยุดได้อย่างมั่นใจ แต่อาจจะต้องออกแรงที่นิ้วมากสักหน่อย และแน่นอนว่าก็คงเข้าทางสายแต่ง สายซิ่ง ที่ต้องการอัพเกรดปั๊มบนเป็นของแต่ง ซึ่งหากอัพเกรดปั๊มบนที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่านี้ ฟีลลิ่งในการเบรกก็จะนุ่มนวลและออกแรงในการบีบน้อยลงไปด้วย
Suzuki Burgman 400 รถไม่แพง...ที่ดู Pride
ในโลกนี้ ล้วนไม่มีอะไรที่ดีที่สุด สำหรับ Suzuki Burgman 400 ก็เช่นกัน อาจไม่ใช่มอเตอร์ไซค์ที่ตอบโจทย์สำหรับทุกคน แต่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในสกู๊ตเตอร์ที่คู่ควรกับการมีไว้ ด้วยความเหนือชั้นสำหรับรถในราคาระดับนี้ ไม่ว่าต้องแลกมาด้วยค่าตัวที่สูงกว่า ในระดับ "สามหมื่นปลายๆ" แต่สิ่งที่ได้มา ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหาซื้อได้ด้วยเงิน เช่น การผลิตและประกอบในประเทศญี่ปุ่นแบบ 100% หรือทำได้ยากด้วยกันทั้งสิ้น เช่น การมาพร้อมดิสเบรกหน้าแบบคู่ ที่ทำให้ผู้ขับขี่ได้เข้าถึงอารมณ์ความเป็นบิ๊กสกู๊ตเตอร์ได้แบบเต็มตัว ซึ่งมีผลในเรื่องของความภาคภูมิใจในการขับขี่ ในราคาที่ใครๆ ก็เข้าถึงได้ ปัจจัยเหล่านี้ คือ สิ่งที่ Suzuki Burgman 400 ให้ได้ จะคุ้ม...หรือไม่คุ้ม ควรค่า...หรือไม่คู่ควร มันก็ขึ้นอยู่กับว่า...เงิน "สามหมื่นปลายๆ" ที่ว่านั้น มันซื้อ "อารมณ์แห่งความภูมิใจในมุมมอง" ของคุณได้ขนาดไหน ?
Suzuki Burgman 400 ราคา 214,000 บาท