Triumph รุกตลาดมอเตอร์ไซค์สายโมเดิร์นคลาสสิคหนักมาก โดยหลังจากปล่อยรุ่นเด็ดทั้ง Triumph Scrambler 1200 ที่ทาง BoxzaRacing ได้บินข้ามน้ำข้ามทะเลไปทดลองขี่กันถึงประเทศโปรตุเกส ทั้งแบบ On Road และ Off Road รวมถึง Triumph Speed Twin ที่ล่าสุดทางค่ายได้เปิดบททดสอบจากสื่อมวลชนทั่วโลกอีกครั้ง ณ ประเทศสเปน ซึ่งทางสื่อสั้นนำอย่าง MCN ได้สรุปมาข้อมูลและความเจ๋งของมอเตอร์ไซค์คลาสสิคสายสตรีทรุ่นนี้มาให้เสพกันแล้ว
การทดลองขี่ในครั้งนี้ ฝรั่งให้คำนิยามของ Triumph Speed Twin 2019 ว่า "เป็นความเร้าใจในสไตล์ Thruxton R ที่ขี่ได้สบายยิ่งกว่า" ด้วยการกำหนดองค์ประกอบ จัดท่านั่งให้สามารถขับขี่ได้ง่ายกว่า โดยยังคงไว้ซึ่งพละกำลังที่เหลือล้น ซึ่งสร้างความเร็วและความสนุกในการขับขี่ได้ดีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แต่สิ่งที่เหนือกว่าอย่างชัดเจนคือ สามารถขับขี่ได้ทั้งวัน เดินทางไกลได้แบบสบายๆ โดยไม่รู้สึกถึงอาการเมื่อยล้า แม้ว่าอาจจะไม่ได้แรงบ้าพลังเหมือนบรรดาเนคเก็ตไบค์ทั่วๆ ไปที่เราเคยได้สัมผัส แต่ก้เป็นการผสมผสานที่ลงตัว ระหว่างสไตล์อันคลาสสิค บวกกับพละกำลังและที่ช่วงล่างที่สามารถปรับได้ตามต้องการ เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สนุกกับ Triumph Speed Twin 2019 ได้อย่างเต็มที่
ด้วยท่านั่งที่สบายกว่า ช่วยลดความเมื่อยล้อในขณะเดินทาง
ความสบายในการขับขี่เป็นสิ่งที่ทำให้สื่อจากทาง MCN เกิดความประทับใจ ด้วยตำแหน่งพักเท้าที่อยู่ต่ำกว่า Thruxton R ถึง 4 มม. และขยับมาด้านหน้าอีก 38 มม. อีกทั้งด้วยความสูงเบาะจากพื้นเพียง 807 มม. ช่วยให้การคอนโทรลรถในขณะที่หยุดนิ่งทำได้โดยง่าย เหมาะกับสรีระชาวเอเซียอย่างเราๆ ท่านๆ แน่นอน ในส่วนของเฟรมหลักเป็นเฟรมเหล็กที่มีความแข็งแกร่งเช่นเดียวกับ Thruxton R จับคู่อยู่กับซับเฟรมอลูมิเนียมที่ช่วยลดน้ำหนักให้เบาลง โช้กหน้าเป็นของ KYB แม้จะไม่สามารถปรับค่าอะไรได้ แต่ก็ให้ประสิทธิภาพการทรงตัวได้อย่างน่าประทับใจ ส่วนโช้กหลักแบบคู่ให้สมรรถนะในการทำงานอย่างยอดเยี่ยม สร้างบาลานซ์ได้ดีระหว่างความสบายด้วยฐานล้อที่ยืดให้ยาวขึ้นอีก 15 มม. และประสิทธิภาพการยึดเกาะ ตัวรถสามารถผ่านโค้งได้อย่างรวดเร็วและคล่องตัว ส่วนระบบเบรกจาก Brembo ที่แม้หน้าตาไม่ป๋า แต่ประสิทธิภาพนั้นตรงข้าม สามารถทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งส่วนหนึ่งต้องยกเครดิตให้กับการเซ็ตความหนืดในการยุบของโช้กหน้าที่เหมาะสม ซึ่งช่วยให้ชุดเบรกสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เช่นเดียงกับชุดยางที่ไม่ใช่ยางติดรถแบบปลาวิวปลาสร้อยที่ไหน แต่เป็นไอเท่มระดับพรีเมี่ยมอย่าง Pirelli Diablo Rosso III นั่นเอง
Steve Sargent ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของไทรอัมพ์ ให้ข้อมูลว่า สาเหตุที่ทางค่ายสามารถลดน้ำหนักของ Triumph Speed Twin 2019 ลงมาได้อีก 10 กก. (น้ำหนักรวม 196 กก.) แม้ว่าจะใช้เครื่องยนต์จาก Triumph Thruxton R ก็เพราะ ชุดคลัทช์ที่ใช้ออกแบบเสื้อคลัทช์ให้มีน้ำหนักที่เบากว่า 1 กก. อีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยลดน้ำหนักไปได้มากถึง 2.9 กก. ก็คือ ล้อหน้าอลูมิเนียมรวมถึงจานดิสค์เบรกน้ำหนักเบา ส่วนสวิงอาร์มด้านหลังที่เป็นอลูมิเนียมที่ถูกน้ำมาใช้เป็นครั้งแรกในตระกูล Bonneville รวมกับล้อด้านหลัง ให้น้ำหนักเบาลงกว่าเดิมอีก 1.6 กก. ซึ่งการลดน้ำหนักให้เบาลงนั้น ส่งผลโดยตรงต่อเรื่องของประสิทธิภาพในการขับขี่ โดยช่วยทำให้การพลิกรถทำได้อย่างคล่องตัว และมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น อันเป็นผลมาจากแรงเฉื่อยที่น้อยลงนั่นเอง แต่ด้วยน้ำหนักที่น้อยลง ทำให้อาจสูญเสียความนิ่งไปบ้าง ทาง Triumph จึงชดเชยด้วย การยืดระยะฐานล้อให้ยาวขึ้นอีก 15 มม. พร้อมปรับบางลานซ์เหมาะสม พร้อมกับเซ็ตโช้กให้สามารถรองรับกับน้ำหนักที่หายไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไฮไลท์อีกอย่างที่ทั้ง MCN และโดยส่วนตัวผมรู้สึกชอบมากก็คือ ขุมพลัง 2 สูบเรียง ในพิกัด 1200 ซีซี. ที่ยกมาจาก Triumph Thruxton R พร้อมการปรับเปลี่ยนรายละเอียดต่างๆ ให้เหนือชั้นมากยิ่งขึ้น และมีน้ำหนักที่เบาลงอีก 2.5 กก. ไม่ว่าจะเป็น ฝาครอบเครื่องที่ออกแบบมาใหม่ รวมถึงฝาครอบแคมชาฟต์ที่ทำจากแม็กนีเซียม เช่นเดียวกับสปอร์ตระดับท็อปคลาสอย่าง Ducati Panigale Superleggera แรงม้า 97 ตัว สามารถเรียกมาใช้งานได้ตั้งแต่ในรอบเครื่องยนต์ที่ไม่ต้องเค้นให้เหนื่อย เนื่องจากแรงบิด 112 นิวตัน-เมตร มีมาให้ใช้งานอย่างต่อเนื่องตามแบบฉบับของรถ 2 สูบ ความจุสูง โดยยังให้ความรู้สึกที่เป็นมิตรต่อผู้ขับขี่ด้วยระบบคันเร่งไฟฟ้าที่ให้การตอบสนองอย่างนุ่มนวล พร้อมโหมดการขับขี่ที่มีให้เลือกใช้ 3 โหมด ได้แก่ สปอร์ต (Sport) ถนน (Road) และฝน (Rain) พร้อมเติมความปลอดภัยด้วย ABS และ Traction Control
ตบท้ายด้วยเรื่องคุณภาพของวัสดุและงานประกอบที่ทาง MCN ให้คะแนนไว้ที่ 5 ดาว ซึ่งก็เป็นไปตามคาด เนื่องจาก Triumph เป็นอีกหนึ่งค่ายที่เน้นในเรื่องของคุณภาพเหล่านี้เป็นสำคัญ โดยรวม Triumph Speed Twin 2019 ถือเป็นมอเตอร์ไซค์อีกรุ่นหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ ด้วยความหลากหลายในการใช้งาน ภาพลักษณ์ที่ดูเรียบง่ายแต่ฉายแวว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและลุกเล่นต่างๆ ที่ล้ำสมัย และเปิดตัวในราคาอย่างเป็นทางการเพียง 576,000 บาท เท่านั้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก MCN