Ducati Scrambler มอเตอร์ไซค์ผู้มีความเป็นมายาวนานกว่า 60 ปี
Ducati เตรียมที่จะเผยโฉม Ducati Scrambler Icon 2019 ในช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยก่อนที่จะได้ฤกษ์เผยโฉมอย่างเป็นทางการ ทางค่ายได้ส่งจดหมายเชิญสื่อมวลชนชั้นนำจากทั่วทุกมุมโลก เข้าร่วมการทดลองขี่ Ducati Scrambler Icon 2019 ณ เมืองเซียน่า ประเทศอิตาลี ซึ่งทาง BoxzaRacing ก็ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในผู้ร่วมทดลองขับขี่ในครั้งนี้เช่นเดียวกัน
โรงงานประกอบ Ducati เมืองโบโลญญ่า ประเทศอิตาลี
นอกจากการได้ไปขับขี่ Scrambler Icon 2019 ถึงดินแดนบ้านเกิดของแบรนด์ Ducati ที่ประเทศอิตาลีแล้ว ยังเป็นโอกาสดีที่ทาง BoxzaRacing จะได้สัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ อลังการของโรงงานผลิตและประกอบมอเตอร์ไซค์ Ducati รวมถึงสัมผัสประวัติศาสตร์อันเกรียงไกรของม้าศึกค่ายสีแดง ณ เมืองโบโลญญ่า ที่เราเคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้อีกด้วย ซึ่งต้องบอกว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจชนิดที่ไม่มีวันลืมเลยทีเดียว
Ducati Scrambler ยุคบุกเบิก
Ducati Scrambler เวอร์ชั่นปี 2014
Ducati Scrambler Icon 2019
Ducati Scrambler นับเป็นมอเตอร์ไซค์ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน โดยถือกำเนิดมาแล้วกว่า 60 ปี ซึ่งการกลับมาของ Ducati Scrambler ในยุคใหม่ราวปี 2014 นั้น เรียกได้ว่าเป็นการคงเอกลักษณ์ กลิ่นอายความความเป็น Scrambler ในยุคเก่าก่อนไว้อย่างเต็มเปี่ยม ก่อนจะปรับภาพลักษณ์ให้ดูโมเดิร์น ตอบรับไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบันได้อย่างลงตัวยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับดาวดวงใหม่อย่าง Ducati Scrambler Icon 2019 ที่มีการปรับรายละเอียด ลงลึกในดีเทลที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้มอเตอร์ไซค์สไตล์วัยมันส์ผู้นี้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับในเรื่องของเทคโนโลยีการขับขี่ ที่เรียกได้ว่าจัดหนัก ใส่เต็มด้วยเครื่องเคียงชั้นสูง ที่ช่วยเติมเต็มความมั่นใจยามขับขี่ และเสริมความปลอดภัยได้มากยิ่งขึ้น
Ducati Scrambler Icon 2019 มีให้เลือก 2 สี คือ สี Atomic Tangerine และสี Classic ’62 Yellow
ไฟหน้าทรงกลมโตเติมรายละเอียดด้วยตัวอักษร X ล้อมรอบด้วย LED Daylight
เบาะ SCR Seat นั่งสบาย พร้อมเอกลักษณ์ความเป็น Scrambler แบบจัดเต็ม
ไฟท้าย ไฟเลี้ยว LED เติมทัศนวิสัยให้โดดเด่นยิ่งขึ้น
Ducati Scrambler Icon 2019 แม้มองเผินๆ จะดูไม่ต่างจากเจนเนอเรชั่นก่อนมากนัก เนื่องจากทางค่ายต้องการคงเอกลักษณ์ความเป็น Scrambler เอาไว้ แต่อันที่จริงแล้ว ในรุ่นปี 2019 นั้น มีการปรับรายละเอียดยิบย่อยมากมาย ไล่มาตั้งแต่ในส่วนของไฟหน้าที่ปรับดีไซน์ภายในให้ดูน่าดึงดูดใจยิ่งขึ้น เช่นการเพิ่มกากบาทด้านในให้สอดคล้องกับ LED Daylight ที่จัดว่างไว้อย่างสวยงาม ไฟเลี้ยว (ปิดอัตโนมัติ) ไฟท้าย เปลี่ยนมาใช้ในรูปแบบ LED เพื่อประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น ในส่วนของถังน้ำมันทรงหยดน้ำอันเป็นอีกหนึ่งหัวใจหลักของความเป็นรถแนว Scrambler มีการเสริมรายละเอียดของเพลทด้านข้างเพื่อให้ภาพลักษณ์ดูมีมิติยิ่งขึ้น เบาะแบบ SCR Seat ผ่านการตัดเย็บอย่างประณีต พร้อมปักโลโก้ Ducati เพื่อสื่อถึงตัวตนที่ชัดเจน เช่นเดียวกับในส่วนของล้ออัลลอยที่มีการกลึงก้านเพื่อเพิ่มความหรูหรา ตบท้ายด้วยปลายท่อไอเสียดีไซน์โหดที่ช่วยส่งให้ตัวรถดูมีความดุดัน เข้ากับสไตล์จิ๊กโก๋ของความเป็น Scrambler ได้แบบถึงกึ๋น
โครงซี่ Trellis Frame อีกหนึ่งเอกลักษณ์ความเป็น Ducati
ไฟหน้า...เลือกได้ว่าจะเปิดตลอด หรือเปิด-ปิดอัตโนมัติตามสภาพแสง
เรือนไมล์สไตล์สุดเก๋า เอกลักษณ์ของ Ducati Scrambler
ในส่วนของโครงสร้างนั้น Ducati Scrambler Icon 2019 ยังคงเอกลักษณ์ของ Ducati ได้อย่างเต็มตัว นั่นก็คือ การใช้โครงซี่ที่เรียกกันว่า Trellis Frame พร้อมใช้แฮนด์บาร์กว้างและยกสูงตามสไตล์ของตัวรถ ซึ่งนอกจากจะดูเท่แล้ว ยังช่วยให้การควบคุมทำได้ง่าย มีความสบายในการขับขี่อีกด้วย ประกับแฮนด์ด้านขวาประกอบไปด้วยปุ่มสตาร์ทที่เปลี่ยนมาใช้แบบสไลด์, ปุ่มควบคุมไฟหน้าที่เลือกเปิดค้าง หรือตั้งให้เป็นแบบเปิดอัตโนมัติในสภาพแสงน้อย และไฟผ่าหมาก ส่วนด้านซ้ายเป็นที่อยู่ของสวิตช์ไฟสูง, ไฟเลี้ยว, แตร และปุ่มคอนโทรล ด้านเรือนไมล์มาในรูปแบบทรงกลม เติมลูกเล่นด้วยมาตรวัดรอบแบบ Reverse และสามารถบ่งบอกค่าการทำงานต่างๆ ที่จำเป็นได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว, ระยะทางรวม และทริป A B, ตำแหน่งเกียร์, สถานะของไฟหน้า และเตือนตำแหน่งขาตั้ง เป็นต้น
ขุมพลัง L Twin พิกัด 803 ซีซี. บล็อคยอดนิยม ขี่สนุก บิดติดมือ
คลัทช์น้ำมัน พร้อมก้านปรับระยะ
ขุมพลังของ Ducati Scrambler Icon 2019 ยังคงเป็นบล็อกยอดนิยมของแบรนด์ กับเครื่องยนต์ L-Twin ระบายความร้อนด้วยอากาศ + ออยล์คูลเลอร์ แบบ 2 สูบ พิกัด 803 ซีซี. พร้อมระบบวาล์ว Desmodromically 4 วาล์ว อันเลื่องชื่อ ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของค่าย Ducati มีขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชัก อยู่ที่ 88 x 66 มม. กำลังอัด 11.0:1 จ่ายน้ำมันเชื่อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด ส่งกำลังผ่านเกียร์ 6 สปีด และคายไอเสียผ่านท่อไอเสียแบบ 2 - 1 ให้สมรรถนะสูงสุด 73 แรงม้า ที่ 8,250 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุดที่ 68.9 นิวตัน-เมตร ที่ 5,750 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด โดยสิ่งที่ได้รับการอัพเกรดใน Ducati Scrambler Icon 2019 การเลือกใช้คลัทช์ในรูปแบบไฮดรอลิคส์ หรือที่ไบค์เกอร์รู้จัก คุ้นเคยกันดีในชื่อ “คลัทช์น้ำมัน” ซึ่งจุดเด่นอีกอย่างของรถรุ่นนี้ก็คือ เครื่องยนต์ถูกวางในตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อให้ตัวรถมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ และด้วยองค์ประกอบที่ยอดเยี่ยม ส่งผลให้ Ducati Scrambler Icon 2019 มีน้ำหนักที่เบาเพียง 170 กก. เท่านั้น
นุ่มๆ แบบนี้ แต่หนึบสั่งได้จริงๆ
ระบบเบรกจาก Brembo พร้อมลูกเล่นใหม่ Cornering ABS
สำหรับระบบช่วงล่างของ Ducati Scrambler Icon 2019 มาพร้อมกับระบบกันสะเทือนหน้าแบบ Upside Down และด้านหลังเป็นแบบ Monoshock วางนอนฝั่งซ้าย ที่สามารถปรับค่า Preload ได้ ระบบเบรคด้านหน้ามาพร้อมกับจานดิสก์ขนาด 320 มม. แบบ Semi-Floating ทำงานร่วมกับคาลิเปอร์ Brembo Monobloc M4.32 แบบ Radial Mount และด้านหลังเป็นดิสก์เบรคเดี่ยวขนาด 245 มม. จาก Brembo เช่นกัน โดยมาพร้อมไฮไลท์สำคัญสำหรับการอัพเกรดใน Ducati Scrambler Icon 2019 นั่นก็คือ การเพิ่มระบบ Cornering ABS จาก Bosch ที่ช่วยให้การควบคุมความเร็วในโค้งทำได้อย่างมั่นใจ เสริมความปลอดภัยได้มากยิ่งขึ้น
สัมผัสแรกกับตัวรถ Ducati Scrambler Icon 2019 แม้ว่าจะมีภาพลักษณ์ที่ดูจิ๊กโก๋ สะดุดตามาแต่ไกล แต่เมื่อลองขึ้นคร่อมแล้ว โดยส่วนตัวแล้ว รู้สึกว่ารถที่มาในแนว Scrambler โดยส่วนใหญ่จะออกแบบมาให้ค่อนข้างเป็นมิตรต่อผู้ขับขี่ ด้วยสรีระที่ไม่ได้ใหญ่โต เทอะทะจนเกินไปนัก น้ำหนักที่ค่อนข้างเบา เบาะไม่สูง แฮนด์กว้าง ทำให้แม้แต่นักขี่หน้าใหม่ก็สามารถคอนโทรลรถได้โดยง่าย และสร้างความมั่นใจให้ผู้ขับขี่ได้ค่อนข้างสูง อีกทั้งการกลับมาครั้งนี้ของ Ducati Scrambler Icon 2019 ความสบายและความปลอดภัยในการขับขี่เป็นสำคัญ คลัทช์ไฮดรอลิคส์ที่ใส่เข้ามาในรุ่นนี้ ต้องบอกว่าให้สัมผัสที่นุ่มนวลชวนฝัน ทำงานได้สมูทมากๆ เช่นเดียวกับเบาะที่ออกแบบมาให้มีความนุ่มนวล นั่งสบาย เดินทางไกลๆ น่าจะช่วยลดการเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ได้มากทีเดียว
ความสนุกอย่างหนึ่งของการขี่รถแนว Scrambler คือ การได้ขี่ในเส้นทางแบบนี้นี่แหละ
ก่อนจะเดินทางในทุกๆ รูท ด้วยความที่โรงแรมที่พักนั้นอยู่ในย่านที่มีความใกล้ชิดกับธรรมชาติ เส้นทางนั้นเลยดูค่อนข้างจะแอดเวนเจอร์ไปสักหน่อย ด้วยลักษณะถนนกรวดลอย แต่ก็เป็นโอกาสดีที่ทาง BoxzaRacing รวมถึงสื่อมวลชนจากทั่วโลกจะได้สัมผัส Ducati Scrambler Icon 2019 ในรูปแบบกึ่งๆ ออฟโร๊ด ซึ่งแน่นอนว่า ยางบั้งที่ฝรั่งขนานนามว่า Knobby Tire จาก Pirelli ที่ถูกจับมาประจำการในรถแนว Scrambler ช่วยให้การขับขี่ในสภาพเส้นทางที่ค่อนข้างลื่นทำได้อย่างสนุก และสร้างความมั่นใจได้พอสมควร ทั้งนี้ทั้งนั้นหากมีทักษะในการขับขี่ทางฝุ่นที่ดีพอ ต้องบอกเลยว่า...สไลด์กันสนุกสนานเลยทีเดียว
พลิกโค้งง่าย มี Cornering ABS อุ่นใจขึ้นอีกเยอะ
เส้นทางการทดลองขับขี่ Ducati Scrambler Icon 2019 ที่เมืองเซียน่า ประเทศอิตาลี ในครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 2 ช่วง โดยช่วงแรกนั้นเดินทางขึ้นโซนเหนือ จากที่พัก Borgo San Luigi ขี่ผ่าน Castellina ไปสิ้นสุดที่ Panzano ระยะทางราว 70 กม. สำหรับเส้นทางในช่วงนี้ ภูมิประเทศเป็นภูเขาที่ค่อนข้างสูงชัน มีความคดเคี้ยว ค่อนข้างต้องใช้ทักษะ ฝีมือในการควบคุมที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ในใจก็พลันคิดว่า หากมีสรีระที่เอื้อต่อการโหนโค้งมากกว่านี้หน่อยก็คงจะดี แต่กลับผิดคาดเลยครับ ด้วยความคล่องตัวของ Ducati Scrambler Icon 2019 ทำให้ทุกอย่างดูจะเป็นเรื่องง่ายไปเสียหมด การจะพับรถให้ไหลเข้าไปในโค้งแคบๆ หรือพลิกซ้าย ย้ายขวา สามารถทำได้ง่ายกว่าที่คิด ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น แม้ว่ารถจะดีควบคุมได้ง่ายแค่ไหน แต่ถ้าสมาธิคนขี่ไม่นิ่ง หรือเจออะไรที่มันเกินศักยภาพของตัวเองมากไป เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็อาจเกิดได้ ดังนั้นความไม่ประมาทจึงเป็นหนทางที่ดีที่สุด ซึ่งอย่างที่บอกว่าถนนเส้นทางที่ไปขี่นั้นต้องใช้ทักษะค่อนข้างมาก เนื่องจากถนนแคบ โค้งลับตา และโค้งหลอกตาค่อนข้างเยอะ ด้วยความที่คนที่ไม่ใช่เจ้าถิ่นอย่างเราๆ ท่านๆ ทำให้มีในบางจังหวะที่จะขาดๆ เกินๆ ในโค้งไปบ้าง สารภาพตรงๆ มีบางโค้งทีผมเผลอเข้าด้วยความเร็วที่สูงเกินไป แต่การเข้าเร็วเกินนั้น กลับไม่ทำให้ผมรู้สึกเหวอแต่อย่างได เพราะ Ducati Scrambler Icon 2019 มีระบบ Cornering ABS ที่เป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับแต่งอาการภายในโค้ง โดยส่วนตัวแล้ว รู้สึกว่าเป็นออพชั่นที่ดีมากๆ เข้าทำนอง มีแล้วไม่ได้ใช้ ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มี โดยหากถ้าเผลอใช้ความเร็วในการเข้าโค้งสูงเกินไป สามารถเติมเบรกเพื่อลดความเร็ว แต่งอาการในโค้งได้อย่างเหมาะสม โดยที่ไม่ต้องกลัวหน้าจะพับ หรือเกิดอันตรายจากการลื่นไถล ซึ่งถือว่าเป็นออพชั่นที่ช่วยสร้างความมั่นใจและความปลอดให้กับผู้ขับขี่ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยรวมแม้จะเป็นเส้นทางที่ท้าทายขนาดไหน แต่บอกได้เลยว่า Ducati Scrambler Icon 2019 เอาอยู่ทุกโค้ง
แรงดี ขี่สนุก ลุคโคตรคูล ดูมุมไหนก็โดน !
เส้นทางการขับขี่ที่ 2 จาก Borgo San Luigi มุ่งหน้าสู่ Sovicille และ Casole D'Elsa ระยะทางการขับขี่ราว 70 กม. เช่นเดียวกัน เส้นนี้ค่อนข้างต่างจากเส้นทางแรก คือ มีช่วงทางตรงยาวขึ้น และโค้งส่วนใหญ่ค่อนข้างกว้าง (แค่กว้างกว่าช่วงแรกเท่านั้นแหละ) ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ช่วยพิสูจน์ถึงความเจ๋งของ Ducati Scrambler Icon 2019 ได้อีกมุมมอง สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจกับรถคันนี้มากๆ คือ ไม่รู้ว่าทาง Ducati นั้นเซ็ตช่วงล่างของ Scrambler Icon 2019 มาแบบไหน ถึงได้ออกมากลมกล่อมได้ขนาดนี้ ฟีลลิ่งการขับขี่นั้นบอกได้เลยว่านุ่มนวลมากๆ เจอช่วงรอยต่อถนน หลุมจากการยุบตัว ถือว่ารูดกันได้แบบเนียนๆ ทีเดียว โดยสิ่งหนึ่งที่มาคู่กันคือ ประสิทธิภาพในการทรงตัวทั้งในโค้งอย่างที่ได้พูดถึงในตอนต้น ไม่มีอาการสับของโช้กให้เห็น หรือแม้แต่การทรงตัวในความเร็วเดินทางนั้นทำได้อย่างน่าประทับใจมากๆ หากใช้ความเร็วที่เหมาะสม (ไม่ใช่ความเร็วระดับเหาะ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการหน้าลอยด้วยน้ำหนักที่เบาเพียง 170 กก.) ในส่วนของพละกำลังนั้น ทำออกมาได้น่าประทับใจ 70 กว่าแรงม้า เรียกได้ว่าเป็นระดับ "กำลังใช้" ไม่มากหรือน้อยจนเกินงาม ไปไหนกับใครก็ได้ไม่มีปัญหา อัตราเร่งตอบสนองได้ว่องไว ทำให้ขี่สนุกตามแบบฉบับของขุมพลัง L Twin ยิ่งเมื่อเทียบกับความคล่องตัวแล้ว บอกได้คำเดียวว่า...กลมกล่อม
Ducati Scrambler Icon 2019 แม้ว่าจะเป็นรถที่ขับดี ขี่สนุกขนาดไหน แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้คนสนใจรถแนวนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องของ "สไตล์" ที่ Scrambler นั้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์คนที่ชื่นชอบมอเตอร์ได้อย่างหลากหลาย มีไว้ครอบครองสักคัน เชื่อได้เลยว่า ลุคของคุณนั้นจะโดดเด่นขึ้นมาในทันที ซึ่งปัจจัยนี้น่าจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ "คลิ๊ก" จนส่งให้ Ducati Scrambler ติด 1 ใน 10 ของบิ๊กไบค์ที่ขายดีสุดในโลกกว่า 55,000 คัน นั่นเอง แล้วคุณล่ะ...พร้อมจะเป็นส่วนหนึ่งของลุคสุดคูลเช่นนี้แล้วหรือยัง ?
ขอขอบคุณ : Ducati Thailand อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง