Ducati ค่ายมอเตอร์ไซค์พรีเมี่ยมแบรนด์ยักษ์ใหญ่จากประเทศอิตาลี เชิญทาง BoxzaRacing เข้าร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ถึงดินแดนบ้านเกิด ในทริป The International Scrambler Press Test ซึ่งนอกจากสื่อมวลชนจากทั่วทุกมุมโลกจะได้ยลโฉมพร้อมสัมผัสสมรรถนะของมอเตอร์ไซค์สไตล์จิ๊กโก๋รุ่นล่าสุดอย่าง Ducati Scrambler Icon 2019 ก่อนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายนนี้ แล้ว ยังเป็นโอกาสดีที่ทาง BoxzaRacing จะได้เปิดดูเปิดตากับเทคโนโลยีอันทันสมัยในโรงงานผลิตมอเตอร์ไซค์ระดับพรีเมี่ยมอย่าง Ducati ครบทั้ง 8 เซ็กเม้นท์ พร้อมสุดยอดแห่งเกียรติประวัติในเวทีการแข่งขันของค่ายสีแดงสัญชาติอิตาเลียน ณ เมืองโบโลญญ่า ประเทศอิตาลี กันแบบหมดเปลือกเลยทีเดียว
แท็กซี่อิตาลี เรียกใช้ง่าย ไม่อิดออด และไม่พาหลง เพราะแท็กซี่ที่นี่ ต้องเป๊ะเรื่องเส้นทางมากๆ จึงจะได้ใบอนุญาต
ช่วงสายของวันที่ 20 กันยายน ที่ผ่านมา ทาง BoxzaRacing พร้อมเพื่อนสื่อมวลชนจากประเทศไทยเดินทางถึงท่าอากาศยานโบโลญญ่าซึ่งเป็นสนามบินโลคัลที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก (แต่สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน) หากเทียบกับบ้านเรา ก็คงประมาณ เชียงใหม่ หรือภูเก็ตอะไรทำนองนั้น หลังจากนั้นชาวคณะเลือกเดินทางด้วยแท็กซี่ไปยังโรงงานผลิตมอเตอร์ไซค์ Ducati ที่ห่างออกไปราว 3-4 กม. การขึ้นแท็กซี่ที่นี่ ไม่ได้มีอะไรยุ่งยากมากมาย พนักงานขับแท็กซี่ ไม่จำเป็นต้องมียูนิฟอร์มอะไรเป็นทางการ แต่ให้การต้อนรับพร้อมช่วยเหลืออย่างเต็มใจ ไม่มีอิดออด ไม่มีการปฏิเสธผู้โดยสาร หากไม่มีเหตุจำเป็นจริงๆ เช่น กระเป๋าเดินทางใบใหญ่หรือมากเกินไปที่จะใส่ในรถคันนั้นๆ ได้ โดยในส่วนของกระเป๋าเดินทาง จะมีการคิดค่าระวาง 2.5 ยูโร (ต่อการเดินทางในเที่ยวนั้นๆ) ส่วนค่าโดยสารจะเริ่มที่ 11 ยูโร สำหรับ 6 นาที แรกของการเดินทาง และค่อยๆ เพิ่มตามอัตราส่วน ทีมงานเดินทางถึงโรงงาน Ducati ด้วยค่าโดยสารรวมค่ากระเป๋าทั้งสิ้น 13.5 ยูโร
บรรยากาศด้านหน้าโรงงานประกอบมอเตอร์ไซค์ Ducati เมืองโบโลญญ่า ประเทศอิตาลี
หลังจากที่เดินทางถึงโรงงาน Ducati ชาวคณะ รวมถึงสื่อจากประเทศอื่นๆ ที่เดินทางมาในเที่ยวบินเดียวกัน ก็ได้การต้อนรับอย่างดีจากทีมงาน Ducati ซึ่งตัวผมเองก็คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี เพราะเพิ่งเจอกันตอนไปเทสต์ Ducati Panigale V4 ที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ในส่วนของการเยี่ยมชมในโรงงานนั้น จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ นั่นก็คือ การเข้าชมสายการผลิต, การเข้าชมพิพิธภัณฑ์ของทาง Ducati รวมถึงกิจกรรมที่เรียกว่า Lab Tour หรือการเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีของทาง Ducati และหลักฟิสิกส์ที่นำมาใช้ในการผลิตรถมอเตอร์ไซค์นั้นเอง ในส่วนของการเข้าชมสายการผลิตนั้นเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ไม่สามารถถ่ายภาพมาให้ชมกันได้ แต่สิ่งที่สามารถอธิบายเป็นตัวอักษรได้ก็คือ โรงงานประกอบรถที่นี่ เรียกได้ว่ามีความยิ่งใหญ่ อลังการ และทันสมัยมากๆ สามารถรองรับการผลิตมอเตอร์ไซค์ของ Ducati ทั้ง 8 ตระกูล ไม่ว่าจะเป็น Panigale V4, Panigale, Monster, Multistrada, Diavel,Hypermotard, Supersport รวมถึงตระกูลล่าสุดที่เราจะได้มาทดลองขี่ในครั้งนี้ นั่นก็คือ Scrambler ในช่วงที่เราเดินทางมานั้น ถือได้ว่าเป็นช่วง Low Season ของการทำงาน คนในโรงงานจึงไม่เยอะเท่าใดนัก แต่ละคนนั้น มีความพิถีพิถันในหน้าที่ของตนมากๆ เรียกได้ว่าให้ความใส่ใจในรายละเอียดทุกๆ จุด ซึ่งนอกจากแรงงานคนแล้ว ก็ยังมีเครื่องจักรอันทันสมัยที่สามารถทุ่นแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
Ducati Museum กับประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่แห่งค่ายสีแดง
อาหารในโรงงาน ก็จะหน้าตาน่ากินประมาณนี้ เรื่องรสชาตินี่...ไว้ใจได้ทีเดียว
หลังจากเข้าชมโรงงานผลิตมอเตอร์ไซค์ Ducati กันจนหนำใจแล้ว ชาวคณะก็ได้ขึ้นไปชมอีกหนึ่งความยิ่งใหญ่ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นหน้าประวัติศาสตร์ของวงการมอเตอร์ไซค์เลยก็ว่าได้ ที่นี่เรียกได้ว่ามีครบทั้งมอเตอร์ไซค์รุ่นแรกของทาง Ducati รวมถึงตัวแข่งในยุคต่างๆ ที่กวาดแชมป์ในวงการแข่งขันระดับโลกมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น World Superbike Championship รวมถึงการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่าง MotoGP หลังจากนั้น ความพิเศษอีกอย่างสำหรับการเยี่ยมชมโรงงานในครั้งนี้ก็คือ การได้รับประทานมื้อเที่ยงในโรงอาหารของทาง Ducati ที่ต้องบอกว่า บรรยากาศ รวมถึงอาหารต่างๆ ที่ทางค่ายจัดให้รองรับพนักงานนั้น ทำได้อย่างพิถีพิถัน น่าลิ้มลองไปเสียทุกอย่างเลยจริงๆ
Borgo San Luigi
ทีมงานจากทาง Ducati กล่าวต้อนรับคณะสื่อมวลชนทันทีที่เดินทางมาถึง
ชิมลางเบาๆ ก่อนจัดเต็มในเช้าวันรุ่งขึ้น
ทันทีที่ซัดมื้อเที่ยงกันจนอิ่มหมีพีมันเป็นที่เรียบร้อย ก็ถึงเวลาที่คณะสื่อมวลชนต้องเดินทางต่อไปยังสถานที่ที่จะทดลองขี่ Ducati Scrambler Icon 2019 ในเมืองเซียน่า ซึ่งอยู่ห่างจากโบโลญญ่าไปประมาณ 150 กม. ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ถึงที่หมาย ณ โรงแรม Borgo San Luigi ที่พักชานเมืองอันเงียบสงบ เปี่ยมด้วยบรรยากาศอันเป็นธรรมชาติ อากาศดี เหมาะกับการมาพักผ่อนชิลล์ๆ แอดเวนเจอร์นิดๆ ตามแบบฉบับความเป็น Ducati Scrambler หลังจากที่พักผ่อน อาบน้ำอาบท่ากันพอสังเขป การทดลองขับขี่ Ducati Scrambler Icon 2019 แบบชิมลางก็เริ่มขึ้น โดยคณะสื่อมวลชนจากทั่วโลกร่วมขี่ไปชมพรีเซนเทชั่น ที่มาที่ไป รวมถึงแนวคิดการออกแบบของสแครมเบลอร์รุ่นล่าสุดกันที่โรงละครเล็กๆ แต่เปี่ยมด้วยมนต์ขลังใน Colle di Val d'Elsa เมืองเซียน่า ระยะทางไป – กลับจากที่พักราว 20 กม.
Colle di Val d'Elsa เมืองเซียน่า
ทีมพัฒนาและออกแบบ Ducati Scrambler Icon 2019
จะเรียบ จะลุย ขอเกริ่นไว้สั้นๆ ว่า Ducati Scrambler Icon 2019 ไม่เคยหวั่น
เช้าตรู่ของวันที่ 21 กันยายน 2561 การทดลองขับขี่ Ducati Scrambler Icon 2019 เริ่มขึ้นอย่างคึกคัก สื่อมวลชนทุกคนรับฟังการบรีฟเส้นทางกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา โดยการขับขี่ในครั้งนี้ แบ่งเส้นทางออกเป็น 2 กรุ๊ป กรุ๊ปละประมาณ 70 กม. สลับกันในช่วงเช้าและช่วงบ่าย รวมระยะทางที่ได้ทดลองขี่ทั้งสิ้นกว่า 140 กม. ซึ่งเส้นทางการขับขี่ในเมืองเซียน่า ประเทศอิตาลี มีภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสลับเนิน มีโค้งหลากหลายรูปแบบให้เล่นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงทางตรงยาวๆ ให้ได้ลองพละกำลังของ Ducati Scrambler Icon 2019 กันแบบเต็มอิ่ม ซึ่งเรื่องรายละเอียดของตัวรถ รวมถึงฟีลลิ่งการขับขี่ของมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ สามารถติดตามกันได้ที่ Ducati Scrambler Icon 2019 สัมผัสแรกของแห่งสองล้อระดับตำนาน กับความเร้าใจในดินแดนบ้านเกิด สิ่งหนึ่งที่น่าสังเกตของเส้นทางในประเทศอิตาลีคือ จะขับขี่ชิดขวา แซงด้านซ้าย (รถที่นั่นเป็นพวงมาลัยซ้าย) แทบจะไม่มีไฟเขียว ไฟแดงเลยแม้แต่น้อย (จะมีเฉพาะในเมืองใหญ่) โดยจะใช้เป็นการเข้า-ออกด้วยวงเวียนแทน ผู้คนที่นั่นขับรถกันอย่างเคารพกฎจราจร เมื่อขับขี่บนถนนให้ความรู้สึกที่ปลอดภัย แม้จะเป็นครั้งแรกสำหรับการขับขี่ที่นั่น แต่ก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆ
ปาร์ตี้เบาๆ แต่สนุกเต็มขั้น ตามแบบฉบับความเป็น The Land of Joy
เสร็จสิ้นการขับขี่ ในค่ำคืนก่อนโบกมืออำลา ทาง Ducati จัดปาร์ตี้เบาๆ ให้คณะสื่อมวลชนได้สังสรรค์กันแบบเต็มอิ่ม ด้วยกิจกรรมรอบกองไฟ ขับกล่อมด้วยดนตรีสด พร้อมเกมต่างๆ ให้ได้เล่นเพื่อสร้างมิตรภาพกันอย่างจุใจ ซึ่งโดยความรู้สึกส่วนตัวนั้น รู้สึกเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก ที่นอกจากจะได้มาทดลองขี่มอเตอร์ไซค์ที่มีคาแร็กเตอร์อันโดดเด่น ถึงดินแดนบ้านเกิดแล้ว ยังได้กระทบไหล่สื่อมวลชนชั้นนำจากสำนักต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก อันเป็นความรู้สึกที่มิอาจหาคำไหนมาเปรียบได้ ซึ่งครั้งนี้...ต้องขอขอบคุณทาง Ducati Thailand ที่ให้โอกาสทาง BoxzaRacing ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองขับขี่ระดับเวิลด์คลาสในครั้งนี้ครับ
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook