Yamaha SR400 vs Ducati Scambler 62 เมื่อคลาสสิคตัวพ่อ ปะทะรุ่นน้องสุดโมเดิร์น แบบไหนที่ใช่ในสไตล์คุณ

Ducati Scambler 62 vs Yamaha SR400

          หลังจากที่ทาง BoxzaRacing ได้นำเสนอข้อมูลการเปรียบเทียบรถมอเตอร์ไซค์ในสไตล์ Sport Bike และ Naked Bike ต่อเนื่องกันมาอย่างจุใจไปแล้ว มาวันนี้ทาง BoxzaRacing ขอนำเสนอการเปรียบเทียบรถมอเตอร์ไซค์ในสไตล์แบบคลาสสิค และโมเดิร์นไบค์ในพิกัด 400 ซีซี. กันบ้าง ซึ่งจะเป็นรุ่นใดนั้น เราไปรับชมกันเลย

          สำหรับการ Battle กันในครั้งนี้ ทางทีมงาน BoxzaRacing ได้หยิบนำเอารถมอเตอร์ไซค์คลาสสิคตัวพ่อแดนปลาดิบอย่าง Yamaha SR400 มาทำการเปรียบเทียบกับรถมอเตอร์ไซค์โมเดิร์นเมืองพิซซ่าอย่าง Ducati Scambler 62 ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้ ต่างก็มีจุดยืนและเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ ความจุของกระบอกสูบ งานนี้คงต้องให้คุณตัดสินเองแล้วล่ะครับว่า รุ่นไหนจะสามารถตอบโจทย์ในแบบที่คุณต้องการได้ดีกว่ากัน

Yamaha SR400

          มาเริ่มกันที่ตัวพ่อสายคลาสสิคแดนปลาดิบกันก่อนเลยดีกว่า กับ Yamaha SR400 ซึ่งเป็นรถมอเตอร์ไซค์สายคลาสสิคขนานแท้ ด้วยการดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ผสานกับวัสดุในการผลิตที่ได้รับมาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่น จึงทำให้ Yamaha SR400 เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ชาวไบค์เกอร์แนว Vintage ทั้งหลาย ต่างก็อยากมีไว้ในครอบครอง โดยดีไซน์ด้านหน้ามาพร้อมกับไฟหน้าทรงกลมชุบโครเมี่ยม พร้อมก้านไฟเลี้ยวทรงกลมขนาดใหญ่ยื่นออกด้านข้าง หน้าปัดเรือนใหม่แบกแยกส่วนอนาล็อกที่มาพร้อมกับดีไซน์แบบ Retro Bike จากแดนอาทิตย์อุทัย แฮนด์แบบจับยึดที่โช๊คอัพให้อารมณ์การควบคุมที่สุดแสนจะคลาสสิค

Yamaha SR400 กับดีไซน์สุดคลาสสิค

          ถังน้ำมันทรงโค้งมนอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะในรถคลาสสิค ที่สามารถบรรจุน้ำมันเชื้อเพลิงได้ถึง 12 ลิตร ต่อเนื่องเป็นเบาะนั่งแบบยาวโค้งรับกับสรีระของตัวรถอย่างลงตัว บังโคลนท้ายแบบชุบโครเมี่ยม พร้อมประทับไฟท้ายสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ และไฟเลี้ยวทรงกลมยื่นออกมา ชัดเจนทุกการเคลื่อนไหว

ช่วงล่างด้านหน้าแบบเทเลสโคปิคสไตล์คลาสสิค

          มาดูในส่วนของระบบช่วงล่างของเจ้า Yamaha SR400 กันบ้าง โดยบระบบกันสะเทือนด้านหน้ามาพร้อมกับโช๊คอัพแบบเทเลสโคปิค พร้อมมียางกันกระแทกหุ้มที่บริเวณแกนโช๊คอัพ ให้อารมณ์คลาสสิคแบบมีเอกลักษณ์ ส่วนโช๊คอัพหลังเป็นแบบโช๊คอัพคู่จับยึดกับสวิงอาร์ม ส่วนระบบเบรคด้านหน้าเป็นแบบดิสก์เบรคจับคู่กับคาลิเปอร์ ส่วนระบบหยุดล้อหลังใช้เป็นแบบดรัมเบรค ทางด้านวงล้อเป็นแบบซี่ลวดที่ส่งกลิ่นอายความคลาสสิคออกมาอย่างชัดเจน ที่ถูกรัดด้วยยางหน้าขนาด 90/100-18M/C 54S และยางหลังขนาด 110/90-18M/C 61S

Yamaha SR400 กับขุมพลังขนาด 399 ซีซี.

          จิ๊กโก๋จากดินแดนซามูไร Yamaha SR400 คันนี้ ใช้เครื่องยนต์แบบ 1 สูบ 4 จังหวะ ปริมาตรกระบอกสูบอยู่ที่ 399 ซีซี. กระบอกสูบ x ช่วงชักมีอัตราอยู่ที่ 87 x 67.2 มม. ด้านแรงม้ามีมาให้ที่ 23.2 ตัว และแรงบิด 27.4 นิวตันเมตร ใช้การระบายความร้อนด้วยอากาศ ระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด ส่งกำลังผ่านเกียร์ 5 สปีด ซึ่งในเรื่องของพละกำลังนั้น ถึงแม้เจ้า Yamaha SR400 จะไม่ค่อยเน้นเท่าไหร่ แต่มั่นใจได้เลยว่าในเรื่องของความหล่อเหลา ไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน

Yamaha SR400 กับราคาค่าตัวที่ 265,000 บาท และ 285,000 บาท

          สำหรับราคาค่าตัวของเจ้า Yamaha SR400 รถมอเตอร์ไซค์ทรงคลาสสิคตัวพ่อจากแดนปลาดิบคันนี้ ถูกตั้งไว้ที่ 265,000 บาท (สีขาว) ซึ่งหากใครที่ต้องการจับจองตัวคลาสสิคขนานแท้ ก็คงต้องยกหน้าที่ให้เป็นสีดำ (รุ่นพิเศษ) โดยมีค่าตัวอยู่ที่ 285,000 บาท

Ducati Scrambler 62

          มาต่อกันที่รถมอเตอร์ไซค์แนวโมเดิร์นสายลุยจากเมืองพิซซ่ากันบ้าง กับ Ducati Scrambler 62 ซึ่งถือเป็นน้องเล็กสุดในคลาสของค่าย Ducati ด้วยดีไซน์ที่มีความแตกต่างของการผสมผสานระหว่างความเป็นโมเดิร์นและความคลาสสิคเข้าไว้ด้วยกัน อีกทั้งยังแฝงความเป็นรถวิบากไว้ในตัว โดยดีไซน์ด้านหน้ามาพร้อมกับไฟหน้าทรงกลมแบบ LED ที่ดูโดดเด่นเสริมด้วยก้านไฟเลี้ยวขนาดเล็กที่ยื่นออกมา หน้าปัดเรือนไมล์เป็นแบบทรงกลมพร้อมจอ LCD แฮนด์บาร์ทรงสูงให้สรีระการขับขี่ที่ทะมัดแทมง ถังน้ำมันออกแบบมาในสไตล์คลาสสิคแบบโค้งมน ต่อเนื่องเป็นเบาะนั่งแบบยาว และยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของ Ducati ไว้ด้วยเฟรมรถที่เป็นโครงถัก บังโคลนท้ายแบบยาวที่ประทับไฟท้ายแบบ LED ขนาดเล็กไว้ในตัว

Ducati Scrambler 62 กับดีไซน์สไตล์โมเดิร์นไบค์

          สำหรับระบบช่วงล่างของ Ducati Scrambler 62 มาพร้อมกับระบบกันสะเทือนหน้าแบบเทเลสโคปิคของ Showa ส่วนด้านหลังเป็นแบบโช๊คอัพเดี่ยวของ Kayaba จับยึดกับสวิงอาร์ม ส่วนระบบเบรคด้านหน้ามาพร้อมกับจานดิสก์เบรคขนาด 320 มม. ทำงานร่วมกับคาลิปเปอร์ 2 POT พร้อมระบบ ABS ส่วนด้านหลังก็ยังให้ระบบหยุดล้อมาแบบจัดเต็มทั้งชุดดิสก์เบรค และคาลิเปอร์พร้อมระบบ ABS แบบครบชุด

Ducati Scrambler 62 กับเครื่องยนต์ 2 สูบ แบบ L-Twin

          ส่วนขุมพลังของเจ้า Ducati Scrambler 62 คันนี้ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2 สูบ แบบ L-Twin ระบบวาล์ว Desmodromic 2 วาล์ว/สูบ ขนาดความจุ 399 ซีซี. กระบอกสูบ x ช่วงชักมีอัตราอยู่ที่ 72 x 49 มม. ที่ให้พละกำลังสูงสุดที่ 41 แรงม้า ที่ 8,750 รอบ/นาที และมีแรงบิดที่ 34.6 นิวตัน-เมตร ที่ 8,000 รอบ/นาที จุดระเบิดด้วยหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ส่งกำลังผ่านเกียร์ 6 สปีด ระบายความร้อนด้วยอากาศ

Ducati Scrambler 62 กับราคาค่าตัว 279,000 บาท

          สำหรับราคาค่าตัวของเจ้า Ducati Scrambler 62 ถูกตั้งไว้ที่ 279,000 บาท ซึ่งถือว่าคุ้มค่าเอามากๆ หากใครที่ชื่นชอบความเป็นโมเดิร์นไบค์ และต้องการเทคโนโลยีอันล้ำสมัย

เปรียบเทียบกันแบบชอตต่อชอต

ตารางข้อมูลพื้นฐาน Yamaha SR400 กับ Ducati Scrambler 62

Comment

          เป็นยังไงกันบ้างครับ กับการเปรียบเทียบรถมอเตอร์ไซค์ของ 2 รุ่น ที่ทาง BoxzaRacing หยิบมานำเสนอกันในคราวนี้ ซึ่งทั้ง 2 รุ่นดังกล่าว ต่างก็มีจุดเด่น และเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ และสไตล์การขับขี่ของแต่ละท่าน ไม่ว่าจะเป็น Yamaha SR400 ที่กำเนิดมาเพื่อตอบโจทย์ชาวไบค์เกอร์สาย Vintage ที่มีความคลาสสิคเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว หรือจะเป็น Ducati Scrambler 62 ที่มาในรูปแบบโมเดิร์นไบค์สายลุย ที่ขนเทคโนโลยีมาอย่างเต็มพิกัด ตามสไตล์รถผู้ดีเมืองพิซซ่า ซึ่งสำหรับการ Battle กันของ 2 รุ่นนี้ ดูเหมือนว่าทาง Ducati Scrambler 62 จะมีความได้เปรียบอยู่พอสมควร ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยกว่า ผสานกับสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่มีความได้เปรียบ แต่ถึงอย่างไร Yamaha SR400 ก็ยังคงครองตำแหน่งเจ้าพ่อรถคลาสสิคในคลาส 400 ซีซี. ไว้อย่างเหนียวแน่นเหมือนเช่นเคย ซึ่งยากที่จะหาคู่ต่อกรในสไตล์นี้ได้ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา คุณเท่านั้นที่ตัดสินได้ว่ารุ่นไหน...ใช่สำหรับคุณ

          นี่คือการเปรียบเทียบจากข้อมูลบางส่วน เพื่อประกอบการตัดสินใจของไบค์เกอร์ทุกท่าน และในครั้งหน้า BoxzaRacing จะนำรถมอเตอร์ไซค์ Bigbike รุ่นไหนมาทำการ Battle ให้ชาวสองล้อขาซิ่งทั้งหลายได้ชมกันอีก ต้องคอยติดตามกันในรอบต่อไปที่ BoxzaRacing ที่นี่...ที่เดียวเท่านั้น สำหรับวันนี้ผมต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้า...สวัสดีครับ