KTM 1290 Super Duke R VS Ducati Monster 1200R สงคราม Super Naked Bike คงน้อยไปกับคำว่า...ระดับเทพ

Ducati Monster 1200R VS KTM 1290 Super Duke R Special Edition

          ในช่วงเวลานี้ คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่ากระแสรถมอเตอร์ไซค์ Big Bike กำลังเป็นที่สนใจอย่างมากของชาวไบค์เกอร์ในบ้านเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถมอเตอร์ไซค์ Big Bike ในสไตล์ Naked Bike ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยดีไซน์อันปราดเปรียว ผสานกับการขับขี่ที่คล่องตัว จนทำให้ค่ายรถยักษ์ใหญ่ต่างพากันพัฒนา และเปิดตัวรถ Naked Bike ออกมาตอบโจทย์ความต้องการกันอย่างไม่ขาดสาย

          สำหรับการ Battle กันในครั้งนี้ ทาง BoxzaRacing ขอหยิบนำเอารถมอเตอร์ไซค์ Big Bike ในสไตล์ Naked Bike ที่ถือเป็นที่สุดของคลาสทั้ง 2 รุ่น จนต้องขยับขั้นเป็น Super Naked Bike นำโดยค่ายรถมอเตอร์ไซค์ยักษ์ใหญ่จากประเทศออสเตรีย KTM ที่ส่ง KTM 1290 Super Duke R Special Edition เข้ามาประลองในสงครามครั้งนี้ ส่วนค่ายรถยักษ์ใหญ่จากประเทศอิตาลี Ducati ก็ไม่ยอมน้อยหน้า ส่ง Ducati Monster 1200R ที่สุดของตระกูล Monster มาประชันกันแบบทุกซอกทุกมุมในวันนี้ ซึ่งใครจะเป็นที่สุดของ Super Naked Bike เราไปชมกันเลย

KTM 1290 Super Duke R Special Edition ถูกผลิตเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น

          เรามาเริ่มกันที่ KTM 1290 Super Duke R Special Edition กันก่อนเลยดีกว่า สำหรับเจ้า KTM 1290 Super Duke R Special Edition โมเดลนี้ เพิ่งได้รับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2559 ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษที่ออกมาต่อยอดความสำเร็จของ KTM 1290 Super Duke R ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักบิดแบรนด์สีส้มทั่วโลก โดยเจ้า KTM 1290 Super Duke R Special Edition มาพร้อมกับการออกแบบในสไตล์ Super Naked Bike เห็นได้ชัดจากการเปลือยชุดแฟริ่ง เพื่อโชว์เฟรมรถแบบโครงถัก Molybdenum สีส้มสลับขาว ด้านหน้ามาพร้อมกับไฟหน้าแบบซิงเกิ้ลโคมที่ออกแบบอย่างมีเอกลักษณ์ เหนือขึ้นไปด้านบนเป็นที่ประทับของไฟเลี้ยวสามเหลี่ยมแบบ LED ส่วนหน้าปัดเรือนไมล์ของเจ้า KTM 1290 Super Duke R Special Edition ถูกดีไซน์ให้มีขนาดใหญ่ โดยมีการบอกรายระเอียดของรอบเครื่องยนต์เป็นแบบเข็มวัด และบอกความเร็วเป็นแบบดิจิตอล จับคู่กับแฮนเดิ้ลบาร์ทรงอ้วน ที่มอบสรีระการขับขี่ในสไตล์ Naked Bike เต็มอารมณ์

ไฟหน้าแบบซิงเกิ้ลโคมออกแบบอย่างมีเอกลักษณ์ พร้อมไฟเลี้ยวสามเหลี่ยมแบบ LED

หน้าปัดเรือนไมล์ของ KTM 1290 Super Duke R Special Edition ถูกดีไซน์ให้มีขนาดใหญ่ บ่งบอกค่าต่างๆ ได้อย่างชัดเจน

          ความพิเศษของ KTM 1290 Super Duke R Special Edition ยังมากับพร้อมตัวยึดแผงคอใหม่ ที่จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับแฮนด์ รวมถึงติดตั้งกันสะบัดที่ซ่อนไว้ใต้แผงคออย่างเรียบร้อย สำหรับการควบคุมและทรงตัวเวลาเบรก พร้อมทั้งคันเบรกและคลัตชท์ที่สามารถปรับได้หลายทิศทาง เบาะนั่งที่ได้รับการออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อการขับขี่ในสนามแข่งโดยเฉพาะ ส่วนทางด้านถังน้ำมันถูกออกแบบมาให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ที่สามารถจุน้ำมันเชื้อเพลิงได้ถึง 18 ลิตร ปิดท้ายด้วยไฟท้ายดีไซน์โฉบเฉี่ยวในรูปแบบ LED รมดำ

ระบบช่วงล่างของ KTM 1290 Super Duke R Special Edition

          สำหรับระบบช่วงล่างของ KTM 1290 Super Duke R Special Edition มาพร้อมกับกับโช๊คอัพหน้าเทเลสโคปิคแบบกลับหัวของ WP ขนาด 48 มม. ที่ให้ระยะยุบตัวที่ 125 มม. ส่วนระบบกันสะเทือนด้านหลังเป็นแบบโช๊คอัพเดี่ยว WP แบบโมโนโช๊ค ที่ให้การยุบตัวถึง 156 มม. จับยึดกับสวิงอาร์มแบบโปรอาร์ม ส่วนระบบเบรคหน้ามาพร้อมกับจานดิสก์เบรคคู่หน้า KTM Power Parts พร้อมคาลิปเปอร์ Brembo ส่วนด้านหลังมาพร้อมกับจานดิสก์เบรคเดี่ยว KTM Power Parts จับคู่กับคาลิปเปอร์ของ Breambo

The Evil Twin ขนาด 1,301 ซีซี. ที่ให้พละกำลังสูงสุดถึง 173 แรงม้า

          สำหรับขุมกำลังของเจ้า KTM 1290 Super Duke R Special Edition คันนี้ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2 สูบ The Evil Twin ขนาด 1,301 ซีซี. โดยมีเส้นผ่าศูนย์กลาง/ระยะชักกระบอกสูบที่ 108 x 71 มม. จุดระเบิดด้วยหัวฉีด Keihin EFI, พร้อมลิ้นเร่งขนาด 52 มม. ส่งกำลังผ่านเกียร์ 6 สปีด ระบบคลัตช์แบบเปียก PASCTM Slipper Clutch พร้อมระบบกดครัชแบบไฮโดรลิค ที่ให้พละกำลังสูงสุดที่ 173 แรงม้า ที่ระบายความร้อนด้วยน้ำ และคายไอเสียผ่านท่อแต่ง Akrapovic ที่ออกแบบมาเพื่อ KTM 1290 Super Duke R Special Edition โดยเฉพาะ

KTM 1290 Super Duke R Special Edition กับค่าตัวที่ 1,325,000 บาท

          สำหรับ KTM 1290 Super Duke R Special Edition ถูกตั้งราคาจำหน่ายไว้ที่ 1,325,000 บาท และมีจำนวนจำกัด เนื่องจากทาง KTM ตั้งใจที่จะผลิต KTM 1290 Super Duke R Special Edition เพียง 1 ปีเท่านั้น คงเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่จะมาสร้างความพิเศษให้กับสาวกปีศาจสีส้มได้เป็นอย่างดี

Ducati Monster 1200R ที่ได้ชื่อว่า...เป็นรุ่นที่ดีที่สุดของตระกูล Monster

          มาต่อกันที่อีกหนึ่งคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อ อย่างรถ Super Naked Bike รุ่นใหญ่จากประเทศอิตาลี ของค่าย Ducati ที่ส่ง Monster 1200R เข้ามาทำสงครามในกลุ่มไบค์เกอร์ที่ชื่นชอบรถ Super Naked Bike ในครั้งนี้ โดยดีไซน์ภายนอกของ Ducati Monster 1200R ยังคงคอนเซปต์ของรุ่น Monster ที่ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของทาง Ducati ไว้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งสิ่งที่เห็นได้เด่นชัดที่สุดคงจะเป็นเฟรมโครงถัก Tubular steel Trellis frame แบบ Tri-W ถังน้ำมันขนาดใหญ่ที่เพิ่มดีไซน์ให้ดูโฉบเฉี่ยว ไฟหน้าแบบยังคงเอกลักษณ์ของซีรี่ย์ Monster ไว้ด้วยไฟหน้าโคมเดี่ยว พร้อมก้านไฟเลี้ยวที่ยื่นออกมา ก่อนติดตั้งชิลด์หน้าขนาดเล็กไว้ให้อีกด้วย แฮนด์เดิ้ลบาร์ถูกติดตั้งเพิ่มความเป็น Naked Bike อย่างชัดเจน

กันสะบัด OHLINS ถูกติดตั้งให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

          Ducati Monster 1200R ได้ติดตั้งระบบ Ducati Traction Control (DTC) หรือระบบป้องกันล้อหมุนฟรีมาให้ด้วย โดยสามารถปรับได้ทั้งหมด 8 ระดับ และจะมีโหมดให้เลือกอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 รูปแบบ ก็คือ แบบ Urban ที่เน้นการขับขี่ในเมือง, แบบ Adventure ที่เอาไว้ใช้วิ่งออกทริปไกลๆ และสุดท้ายแบบ Sport ที่เอาไว้เพิ่มการขับขี่ที่เร้าใจมากยิ่งขึ้น โดยแต่ละแบบ จะกำหนดแรงม้าและแรงบิด รวมไปถึงระดับในการทำงานของเบรก ABS ที่แตกต่างกัน อีกทั้งยังมาพร้อมกันสะบัดของ OHLINS ในส่วนของหน้าปัดเรือนไมล์ของ Ducati Monster 1200R คันนี้ มาพร้อมกับหน้าจอดิจิตอลแบบสี ที่บอกรายละเอียดอย่างครบถ้วน สำหรับไบค์เกอร์ที่ชื่นชอบในเรื่องของเทคโนโลยี คงจะถูกใจดีไซน์ของเรือนไมล์เจ้า Ducati Monster 1200R อย่างแน่นอน

หน้าจอเรือนไมล์แบบ LCD บอกรายละเอียดแบบดิจิตอล

ระบบกันสะเทือนจาก OHLINS ทั้งหน้าและหลัง

          สำหรับระบบช่วงล่างของ Ducati Monster 1200R มาพร้อมกับระบบกันสะเทือนหน้าแบบเทเลสโคปิคกลับหัวของ OHLINS ขนาด 48 มม. ที่สามารถปรับระยะพรีโหลดได้ ส่วนด้านหลังก็ยังคงเป็นหน้าที่ของโช๊คอัพ OHLINS ในการซับแรงกระแทกเช่นเดียวกัน โดยมาในรูปแบบ Progressive Link ที่ทำงานร่วมกับ Single-Sided Swingarm (โปร์อาร์ม) ส่วนระเบรคด้านหน้า มาพร้อมกับดิสก์เบรกคู่แบบ Semi-floating เรเดียล เมาท์ ขนาด 330 มม. จับคู่กับคาลิปเปอร์ 4 POT ของ Brembo ส่วนด้านหลังมาพร้อมกับดิสก์เดี่ยวขนาด 245 มม. จับคู่กับคาลิปเปอร์ของ Brembo ที่มาพร้อมกับระบบเบรกแบบ ABS ทั้งหน้าและหลัง

ขุมพลังเครื่องยนต์ 2 สูบ L-Twin ขนาด 1198.4 ซีซี. ให้พละกำลัง 160 แรงม้า

          สำหรับขุมพลังของเจ้า Ducati Monster 1200R มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2 สูบ L-Twin ขนาด 1198.4 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังผ่านเกียร์ 6 สปีด ที่ให้แรงม้าสูงสุด 160 ตัว ที่ 9,250 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุดที่ 131.4 นิวตัน-เมตร ที่ 7,750 รอบ/นาที ซึ่งสามารถทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในระยะเวลาเพียง 3 วินาที และทำความเร็วสู้งสุดได้เกิน 250 กม./ชม. ได้อย่างสบายๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องรอบ หรือเค้นอะไรให้มากนัก

Ducati Monster 1200R

เปรียบเทียบกันแบบชอตต่อชอต

เจาะลึกทุกซอกทุกมุม

ตารางข้อมูลพื้นฐาน KTM 1290 Super Duke R Special Edition กับ Ducati Monster 1200R

Comment

          สำหรับรถ Super Naked Bike ทั้ง 2 รุ่น ที่ทาง BoxzaRacing ได้นำมา Battle กันในครั้งนี้ ต่างก็มีข้อดี และจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น KTM 1290 Super Duke R Special Edition หรือ Ducati Monster 1200R ซึ่งหากใครที่ชื่นชอบความเป็นพรีเมี่ยมแบบ Special Limited Edition แล้วล่ะก็ KTM 1290 Super Duke R Special Edition คงตอบโจทย์ให้ท่านได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ผสานกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย อีกทั้งเรื่องของสมรรถนะเครื่องยนต์ที่เหนือกว่า และที่สำคัญในรุ่นนี้ ยังถูกผลิตในจำนวนจำกัด เรียกได้ว่าหากใครมีไว้ในครอบครองคงเท่ไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนใครที่ชื่นชอบรูปทรงที่เรียบง่าย ในสไตล์แบบ Monster จากค่าย Ducati แล้วล่ะก็ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า Ducati Monster 1200R จะเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้อย่างเต็มอารมณ์ ด้วยดีไซน์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของทางค่าย ผสานกับเทคโนโลยีที่ให้มาแบบไม่มีกั๊ก และเป็นรถ Naked Bike ที่ดีที่สุดของตระกูล Monster อีกด้วย สำหรับการ Battle กันในคราวนี้ ดูเหมือนว่า KTM 1290 Super Duke R Special Edition จะมีความพิเศษมากกว่าอยู่นิดหน่อย ตรงที่ถูกผลิตมาจำนวนจำกัด ซึ่งเพิ่มความภาคภูมิใจให้แก่ผู้ที่ได้ครอบครอง อีกทั้งยังมอบพละกำลังที่เหนือกว่า และเป็นรุ่นที่พึ่งมีการเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ คงไม่แปลกหากราคาจะสูงกว่าเล็กน้อย ซึ่งคงไม่ใช่ประเด็นสำหรับผู้ที่กำลังมองรถมอเตอร์ไซค์ในคลาสนี่้

          นี่คือ การเปรียบเทียบจากข้อมูลบางส่วน เพื่อประกอบการตัดสินใจของไบค์เกอร์ทุกท่าน และในครั้งหน้า BoxzaRacing จะนำรถมอเตอร์ไซค์ Bigbike รุ่นไหนมาทำการ Battle ให้ชาวสองล้อขาซิ่งทั้งหลายได้ชมกันอีก ต้องคอยติดตามกันในรอบต่อไปที่ BoxzaRacing ที่นี่...ที่เดียวเท่านั้น สำหรับวันนี้ผมต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้า...สวัสดีครับ