ในช่วงนี้ก็ใกล้เข้ามาแล้วกับฤดูฝนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ซึ่งมีผลกระทบไม่น้อยสำหรับผู้ที่ใช้รถมอเตอร์ไซค์ที่ต้องพบเจอกับการเปียกฝน และต้องเจอกับสภาวะน้ำท่วม ซึ่งเราจำเป็นต้องทำให้รถมอเตอร์ไซค์มีความพร้อมใช้งานตลอดเวลา และต้องดูแลรักษาให้ถูกต้องเพื่อลดการสึกหรอ แล้วจะต้องทำอย่างไรดูแลอะไรบ้างไปดูกันได้เลย
ความสูงของระดับน้ำ
เป็นหนึ่งสิ่งสำคัญที่ต้องดูให้ดีๆ เมื่อต้องเจอกับน้ำท่วมขัง ถ้ามีเส้นทางเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง แต่ถ้าหากจำเป็นต้องขับขี่ลุยน้ำท่วมควรดูระดับปริมาณน้ำเพราะโดยปกติแล้วมอเตอร์ไซค์จะสามารถลุยได้ในระดับไม่เกิน 1 ฟุตจากพื้น หรือระดับน้ำเกินท่อไอเสีย
ตรวจเช็คยาง
เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและผู้ร่วมเส้นทาง ยางคืออีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ช่วยในการยึดเกาะพื้นผิว ผู้ขับขี่ควรตรวจเช็คดอกยาง และความแข็งของเนื้อยาง เพื่อดูประสิทธิภาพในการช่วยรีดน้ำ และช่วยยึดเกาะ ถ้าดอกยางเริ่มเรียบ เนื้อยางแข็งควรหรือแตกลายควรรีบเปลี่ยน เพราะถ้าคุณเบรกกระทันหันบวกกับยางที่หมดประสิทธิภาพด้วยแล้วมีโอกาสเจ็บตัวแน่นอน
ระบบเบรก
เมื่อต้องขับขี่ลุยน้ำท่วมหรือฝ่าฝน ควรต้องหมั่นทำความสะอาด ผ้าเบรก และจานเบรก เพื่อลดการสึกหรอหรือขจัดคราบสกปรก รวมไปถึงการตรวจเช็คน้ำมันเบรกว่าอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานสียังใส ไม่ขุ่นคล้ำ ซึ่งจะยืดอายุการใช้งาน และช่วยให้การหยุดและชะลอยังคงประสิทธิภาพความปลอดภัย
ระบบไฟ
ระบบไฟคืออีกส่วนสำคัญ อย่าลืมเช็กระบบไฟรอบคันว่าไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้า ไฟเบรก ไฟท้าย และไฟเลี้ยว ว่าทำงานปกติหรือไม่ไฟ เพราะนี่คือตัวช่วยการมองเห็นเส้นทาง และยังเป็นช่วยให้เพื่อนร่วมทางให้เห็นรถของเราได้ชัดเจน เพราะอย่างที่รู้กันว่าฝนตกทำให้ทัศนวิสัยการมองเห็นลดลงกว่าเดิม
ความเร็วที่ใช้
หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงเส้นทาง หรือมีความจำเป็นตค้องขับขี่ขณะฝนตกหรือฝ่าน้ำท่วมแล้ว ผู้ขับขี่ควรต้องใช้เกียร์ต่ำ และขับขี่ความเร็วคงที่ระหว่างลุยน้ำ ไม่ควรขับในความเร็วสูงควร เพราะในบางครั้งเราไม่สามารถมองเห็นพื้นถนนได้ชัด ซึ่งอาจเจอพื้นถนนไม่ได้เรียบเสมอ หลุมหรือบ่อ ทำให้เกิดอุบัติเหตุต่อผู้ขับขี่ และรถมอเตอร์ไซค์ได้นั่นเอง
ดับกลางคันตอนตอนลุยน้ำท่วม
ข้อสำคัญอย่างยิ่งที่ควรจำให้ขึ้นใจถ้าหากคุณไม่อยากเสียเงินจนกระเป๋าฉีก หากขับลุยน้ำท่วมแล้วเครื่องยนต์ดับกลางคัน ห้ามสตาร์ทรถโดยเด็ดขาด!! รีบเข็นรถไปบนพื้นที่แห้ง หรือพ้นทางน้ำท่วม แล้วตรวจเช็คท่อไอเสียว่ามีน้ำเข้าท่อหรือไม่ ถ้ามีควรรีบหาทางระบายน้ำออกโดยเร็ว จากนั้นค่อยสตาร์ทเครื่องยนต์และเร่งทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที (หากเป็นรุ่นที่มีสตาร์ทเท้าแนะนำว่าควรใช้สตาร์ทเท้า) เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องยนต์ให้มีความร้อน และกลับมาทำงานปกติจึงขับต่อได้
อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็น 6 วิธีดูแลรถมอเตอร์ไซค์ให้มีสภาพพร้อมใช้งานในหน้าฝน และเราหวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ผู้ขับขี่มือเก่าและมือใหม่ สุดท้ายนี้ก็ขอให้ไบค์เกอร์ขับขี่กันอย่างปลอดภัย ไม่ประมาท และอย่าลืมพกไอเทมกันฝน เผื่อไว้ด้วย แต่ถ้าหากหลีกเลี่ยงการขับขี่ขณะฝนตกได้ก็เลี่ยง เพราะอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
