ว่าด้วยเรื่องของการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์คู่ใจ หนึ่งในเทคนิคที่เรียกได้ว่าสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เลยก็คือ การเข้าโค้ง ซึ่งการเข้าโค้ง...หลายๆ คนอาจจะนึกออกเพียงไม่กี่เทคนิค บ้างก็เป็นการเข้าโค้งธรรมดาทั่วไป บ้างก็อาจเป็นการเข้าโค้งแบบเอาเข่าเช็ดพื้นเหมือนที่เราเห็นนักแข่งขับขี่กัน แต่หารู้ไม่ว่าจริงๆ แล้ว เทคนิคการเข้าโค้ง มีถึง 4 รูปแบบด้วยกัน และวันนี้ BoxzaRacing ในคอลัมน์ ความรู้เรื่องรถ จะมาพูดถึง เทคนิคการเข้าโค้ง 4 รูปแบบ ที่ถูกต้อง พร้อมวิธีการและสถานการณ์ที่ควรใช้ เดี๋ยวเราไปติดตามด้วยกันเลยครับ
โดยเทคนิคการเข้าโค้ง 4 รูปแบบ ที่ว่านั้น จากภาพประกอบ แต่ละท่าทางการเข้าโค้ง จะขึ้นอยู่กับความเร็วเป็นหลัก ซึ่งแต่ละท่าจะมีความแตกต่างในเรื่องขององศาของตัวผู้ขับขี่เข้ามามีบทบาทอย่างชัดเจน ต่อไปเราจะมารู้จักท่าทางการเข้าโค้งทั้ง 4 รูปแบบ กันครับ
1.การเข้าโค้งแบบ Lean-Out
การเข้าโค้งประเภทแรก คือ การเข้าโค้งแบบ Lean-Out จะสังเกตได้ว่าท่าทางการเข้าโค้งประเภทนี้ ค่อนข้างจะแตกต่างที่สุดในบรรดาท่าทางทั้ง 4 ประเภท โดยลำตัวของผู้ขับขี่จะโยกตัวออกไปตรงข้ามกับองศาการเอียงของตัวรถแบบในภาพ ซึ่งเราสามารถเห็นวิธีการเข้าโค้งแบบ Lean-Out ได้ในการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์วิบากหรือการขับขี่ในทางฝุ่นซึ่งประโยชน์ของการเข้าโค้งแบบ Lean-Out ในเส้นทางฝุ่น คือ ตัวผู้ขี่จะสามารถควบคุมอาการของรถได้ดีเมื่อรถลื่นไถลเสียอาการ ไปจนถึงการขับขี่ทางเรียบที่บางครั้งคุณอาจจะเคยทำแบบไม่รู้ตัวนั่นก็คือ เมื่อต้องเจอสถานการณ์หลบหลีกสิ่งกีดขวางและอยู่ในพื้นที่จำกัดหรือต้องเข้าโค้งแคบๆ แต่ต้องใช้ความเร็วนั่นเองครับ ซึ่งการเข้าโค้งแบบ Lean-Out ตัวผู้ขี่จะสามารถควบคุมองศาการเอียงรถได้อย่างง่ายดายกว่าการเข้าโค้งทั่วไป แต่ถ้าขี่คันใหญ่ขึ้นมาหน่อย ก็ควรที่จะต้องเข้าคอร์สฝึกฝนจะดีที่สุดครับ
โดยการจัดท่าทางการเข้าโค้งแบบ Lean-Out คือ การโยกลำตัวให้ตรงข้ามกับการเอียงรถ อย่างเช่น ถ้าเอียงรถไปทางซ้ายตัวคนต้องโยกออกมาทางขวา และส่วนของเท้าที่จะกางออกแบบในรูปก็ต้องแล้วแต่ความถนัดของผู้ขับขี่หรือแล้วแต่สถานการณ์ด้วยครับ ซึ่งส่วนใหญ่มักใช้กันในการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์วิบากและโมตาร์ด แต่ถ้าในการขับขี่ในชีวิตประจำวันและดันไปเจอสถานการณ์ที่ต้องใช้เทคนิคการเข้าโค้งแบบ Lean-Out ขึ้นมาจริงๆ การกางขาออก ก็ต้องขึ้นอยู่กับความถนัดของผู้ขี่เลยครับ
2.การเข้าโค้งแบบ Lean-With
มาถึงเทคนิคการเข้าโค้งรูปแบบต่อมาคือ การเข้าโค้งแบบ Lean-With เรียกได้ว่าเป็นท่าทางการเข้าโค้งที่ทุกคนที่ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไม่มีใครไม่รู้จักและไม่มีใครที่ไม่เคยเห็น ซึ่งการเข้าโค้งแบบ Lean-With ก็คือ การเข้าโค้งแบบปกติทั่วไปนั่นเองครับ โดยลำตัวกับองศาการเอียงของตัวรถจะไปในแนวเดียวกัน ซึ่งสถานการณ์ในการเข้าโค้งรูปแบบนี้คือ เมื่อเราใช้ความเร็วแบบปานกลางถึงกับเร็วได้เล็กน้อยในแบบฉบับขับขี่ชิลล์ๆ รับลมเย็นๆ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นท่าทางการเข้าโค้งที่ค่อนข้างจะชิลล์ที่สุดในบรรดา 4 รูปแบบ เลยก็ว่าได้ครับ เพราะการเข้าโค้งแบบ Lean-With เหมาะสมกับรถทุกประเภทตั้งแต่รถแม่บ้านจ่ายตลาด จนถึงรถ BigBike พิกัดสูงๆ เลยครับ
3.การเข้าโค้งแบบ Lean-in
ในส่วนของท่าทางการเข้าโค้งรูปแบบที่ 3 กับการเข้าโค้งแบบ Lean-in ซึ่งในสถานการณ์ของการใช้ทวงท่าการเข้าโค้งรูปแบบนี้ จะเข้าสู่การเข้าโค้งที่ค่อนข้างใช้ความเร็วสูง ในจุดนี้ต้องขอบอกเลยว่าผู้ขี่ควรได้รับการฝึกฝนเสียก่อนจะดีที่สุด เพราะการเข้าโค้งแบบ Lean-in การใช้สายตามองเส้นทางของผู้ขับขี่และการควบคุมรถจะเริ่มรู้สึกว่ายากกว่าท่าทางทั้ง 2 รูปแบบ ที่ผ่านมา
โดยท่าทางการเข้าโค้งแบบ Lean-in ตัวของผู้ขับขี่จะเอนไปทิศทางเดียวกันกับตัวรถ แต่จะเอนลงต่ำกว่าองศาของตัวรถเล็กน้อย ซึ่งจะใช้การเอนของลำตัวผู้ขี่เพื่อดึงและถ่วงน้ำหนักรถให้เข้าไปในไลน์โค้งขณะที่อยู่ในความเร็วได้ และท่าทางการเข้าโค้งแบบ Lean-in ข้อดีคือ ผู้ขี่สามารถพารถเข้าโค้งได้ในความเร็วที่สูงกว่าท่าทางการเข้าโค้ง 2 รูปแบบ ที่ผ่านมา แต่ข้อเสียคือ ในด้านการควบคุมสำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์อาจจะตกใจกับอาการของตัวรถในบางจังหวะที่อาจมีการสะบัดของแฮนด์หรือมีอาการล้อหลังสไลด์ หากรถรุ่นที่ขี่อยู่ไม่มีระบบช่วยเหลือ เพราะฉะนั้นใครที่อยากจะเข้าโค้งแบบ Lean-in ให้คล่องมือ ควรเริ่มต้นด้วยการเข้าคอร์สฝึกฝนให้คล่องมือเสียก่อนจะดีที่สุดครับ
4.การเข้าโค้งแบบ Hang-on
ท่าทางการเข้าโค้งรูปแบบสุดท้าย คือ Hang-on เรียกได้ว่าเป็นรูปแบบท่าทางการเข้าโค้งในฝันของไบค์เกอร์หลายๆ คนเลยทีเดียว ซึ่งการเข้าโค้งแบบ Hang-on นั้น เหมาะสำหรับการเข้าโค้งที่ต้องเข้าด้วยความเร็วสูงมาก โดยเราจะสังเกตได้เลยว่าตัวผู้ขี่ที่จะต้องเรียกว่าโหนจากตัวรถ พร้อมกับกางเข่าออกเพื่อวัดการเอียงของตัวรถรวมไปถึงการรักษาบาลานซ์ด้วยการถ่ายน้ำหนักตัวผู้ขี่ลงไปเมื่อเข้าโค้งนั้นๆ แต่การเข้าโค้งในรูปแบบ Hang-on เหมาะสำหรับการเข้าโค้งในสนามแข่งทางเรียบเท่านั้น ไม่ขอแนะนำให้เข้าโค้งด้วยความเร็วสูง โดยการใช้ท่า Hang-on บนท้องถนนทั่วไป เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ครับ
โดยการเข้าโค้งแบบ Hang-on ส่วนใหญ่ต้องแล้วผู้ที่เข้าโค้งในสเต็ปมีวิชาติดตัวและประสบการณ์ที่ช่ำชองมาแล้วในระดับหนึ่ง เพราะการควบคุมรถเมื่อใช้ท่า Hang-on ต้องขอบอกเลยว่าความแข็งแรงของร่างกายและสมาธิต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งในจุดนี้ผู้ที่อยากเข้าโค้งแบบ Hang-on ต้องได้รับการฝึกฝนจนคล่องมือในหลายๆ ทักษะไม่ว่าจะเป็น การเบรค การเลี้ยว การใช้คันเร่ง ไปจนถึงการใช้สายตาที่ต้องแม่นยำกว่าเดิม เพราะไม่งั้นอาจทำให้เกิดเหตุไม่คาดฝันได้ครับ
และนี่คือ 4 รูปแบบเทคนิคการเข้าโค้งที่ถูกต้องสำหรับไบค์เกอร์ ซึ่งในแต่ละท่าทางนั้น ต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของสถานการณ์และความเร็ว เพื่อการควบคุมที่ถูกต้องและปลอดภัย แต่ถึงอย่างไรนั้น สำหรับผู้ที่คิดว่ายังไม่แม่นยำในเรื่องของการเข้าโค้งไม่ว่าจะขี่รถเล็กหรือบิ๊กไบค์ ขอแนะนำให้หาคอร์สเรียนฝึกการขับขี่ ซึ่งอาจจะมีการเสียสตางค์เล็กน้อย แต่ขอบอกเลยครับว่า...วิชาที่จะติดตัวมาคุ้มค่าแน่นอนครับ ในครั้งหน้า BoxzaRacing จะนำความรู้ดีๆ เรื่องไหนมาฝากกันอีก สามารถติดตามได้เลยครับที่ www.BoxzaRacing.com