ในปัจจุบันการพัฒนาเทคโนโลยีของรถมอเตอร์ไซค์ เรียกได้ว่าก้าวกระโดดไปไกลอย่างมาก จนในบางครั้งเราแทบตามไม่ทันเลยก็ว่าได้ และภายใต้ของคำว่าพัฒนานั้น ก็ใช่ว่าจะมีเพียงเรื่องความแรงและจัดจ้านของขุมพลังเพียงอย่างเดียว แต่ในเรื่องของความปลอดภัยของตัวรถ ก็ได้ถูกพัฒนาขึ้นอย่างเต็มระบบเช่นกัน และครั้งนี้ BoxzaRacing ในคอลัมน์ความรู้เรื่องรถ เราจะพามารู้จักกับเจ้า IMU ที่แท้จริงแล้ว มันคือ ระบบอะไรกัน ? แต่ที่แน่ๆ มันคือ การพลิกโฉมประสิทธิภาพของตัวรถมอเตอร์ไซค์ในระดับ High End ให้ล้ำยุคขึ้นไปอีก เดี๋ยวเราไปทำความรู้จักกับระบบนี้กันครับ
ภาพของการตรวจจับการเคลื่อนไหวตัวรถของ IMU 6 แกน
IMU ย่อมาจาก Inertial Measurement Unit สุดยอดเทคโนโลยีความปลอดภัยของรถมอเตอร์ไซค์ราคาแพงในยุคปัจจุบัน ที่ทำหน้าที่ตรวจจับการเคลื่อนไหวและทิศทางการเคลื่อนที่ของตัวรถในขณะที่รถกำลังวิ่งอยู่ แต่ในปัจจุบัน IMU จะมีการวัดแกนทิศทางการเคลื่อนไหวได้ถึง 6 แกน คือ ซ้าย-ขวา หรือการเลี้ยว, หน้า-หลัง หรือการเร่งและเบรค สุดท้ายคือ บน-ล่าง หรืออาการหน้ายกและท้ายยก...โดย IMU จะทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ที่อยู่ตามจุดต่างๆ รอบๆ ตัวรถ เพื่อตรวจสอบและนำมาประมวลผล โดยจะจับอาการเพื่อประมวลผลและสั่งให้ระบบต่างๆ เช่น เบรก, คันเร่ง แก้ปัญหาโดยอัตโนมัติเพียงเสี้ยววินาที เมื่อรถเสียอาการ ซึ่ง IMU จะสามารถสั่งการ ตัดกำลังเครื่องยนต์, สั่งเพิ่มแรงเบรค หรือสั่งปล่อยเบรคได้ภายในระยะเวลาอันสั้น เพื่อให้ตัวรถกลับมาอยู่ในอาการที่สามารถควบคุมได้ ซึ่งระบบการประมวลผล IMU ที่ติดตั้งกับตัวรถมอเตอร์ไซค์ ได้ถูกกำหนดค่าให้มีการคำนวณแนวทางเคลื่อนไหวเพียงแนวเดียว นั่นก็คือ แนวตั้งฉากกับแกนโลกเท่านั้นครับ
หน้าตาของ IMU ที่ติตตั้งอยู่ในรถมอเตอร์ไซค์
ส่วนใหญ่แล้ว IMU จะทำหน้าที่สั่งการระบบที่หลายๆ คนอาจจะคุ้นเคย เช่น ระบบ Cornering ABS ให้สามารถเบรกเพื่อลดความเร็ว หรือแต่งอาการในโค้งได้ โดยที่รถไม่ตั้งขึ้น หรือเสียอาการ, ระบบ Traction Control ที่เรียกได้ว่าคุ้นหูกันเป็นอย่างดีกับระบบนี้ ซึ่งจะทำหน้าที่กำหนดระดับของพละกำลังเครื่องยนต์ให้เหมาะสม เมื่อตรวจจับได้ว่าล้อหน้ากับล้อหลังหมุนไม่สัมพันธ์กัน ซึ่งเป็นเหตุทำให้รถเสียอาการได้ และระบบ Wheelie Control หรือเรียกง่ายๆ คือ ระบบควบคุมกำลังเมื่อล้อยก ด้วยการตรวจจับเซ็นเซอร์วัดระดับการขึ้น-ลงของตัวรถ ระบบจะสั่งการเครื่องยนต์ตัดกำลัง เพื่อไม่ให้ล้อหน้ายกขึ้นมาจนเกินองศาที่กำหนดไว้ ซึ่งระบบทั้งหมดที่ยกตัวอย่างมา สามารถตั้งค่าการตอบสนองของระบบได้ตามความเหมาะสมของผู้ขับขี่ครับ
ภาพอุปกรณ์ของระบบ IMU ที่ติดตั้งในกระสวยอวกาศ
เดิมทีแล้ว ระบบ IMU หรือ Inertial Measurement Unit ถูกใช้งานในกระสวยอวกาศ โดยทำหน้าที่เช่นเดียวกันกับที่เราได้อธิบายกันไปข้างต้น นั่นก็คือ ตรวจจับการเคลื่อนไหวของวัตถุหรือกระสวยอวกาศ ว่ามีการเคลื่อนไหวผิดปกติหรือไม่ และจะมีการแจ้งเตือนให้กับผู้ควบคุมกระสวยอวกาศอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเมื่อใดที่กระสวยอวกาศเกิดเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ผิดปกติ ระบบ IMU จะทำการควบคุมกระสวยให้กลับมาเคลื่อนไหวในทิศทางเดิม ก็ถือว่าเป็นนวัตกรรมที่ระดับสูง ที่ได้รับการถ่ายทอดให้กับการพัฒนาของรถมอเตอร์ไซค์ ถึงขั้นนำระบบจากยานอวกาศเข้ามาสู่รถมอเตอร์ไซค์ เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสถึงความปลอดภัยขั้นสูงสุด
และนี่คือ เรื่องราวของระบบ IMU หรือ Inertial Measurement Unit สุดยอดระบบความปลอดภัยที่ถ่ายทอดจากเทคโนโลยีอวกาศยาน ที่จะทำให้ผู้ที่ได้สัมผัสผ่านรถมอเตอร์ไซค์ระดับ High End ได้รู้สึกถึงการทำงานสุดอัจฉริยะและแม่นยำอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งระบบ IMU นี้ มีผลทั้งในด้านของการขับขี่ในสนามแข่ง ไปจนถึงการใช้งานทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นขับขี่ในชีวิตประจำวันหรือท่องเที่ยว ที่เปรียบเสมือนเรามีผู้ช่วยคอยเป็นหูเป็นตาช่วยอีกแรง เมื่อเราขับขี่รถนั่นเองครับ ในครั้งหน้า BoxzaRacing จะนำความรู้เรื่องรถเรื่องใดมาฝากกันอีก สามารถติดตามได้ที่ www.BoxzaRacing.com สำหรับวันนี้ต้องขอลากันไปก่อน...สวัสดีครับ
