เขียนโดย: Piapiano

เมื่อ: 12 พฤษภาคม 2563 - 16:18

ยาง Slick ยางดอกหาย แต่ทำไม จึงเกาะถนนได้ดีกว่ายางทั่วๆ ไปตามท้องตลาด

 

          ถ้าให้พูดถึงหนึ่งในหัวใจหลักของการขับขี่รถในสนามแข่ง ตั้งแต่การขี่ Trackday ไปจนถึงการแข่งขันอย่างจริงจัง นั่นก็คือ "ยาง" ซึ่งเป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นตัวชี้เป็นชี้ตายเลยก็ว่าได้ ถ้าเลือกใช้ยางไม่ถูกประเภท...โดยวันนี้ BoxzaRacing ในคอลัมน์ "ความรู้เรื่องรถ" จะพามาทำความรู้จักกับยางที่ใช้แข่งขันในสนามโดยเฉพาะกับ ยาง Slick ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ พร้อมกับคุณสมบัติของยางที่น่าสนใจรวมไปถึงข้อดีและข้อเสียของยางประเภทนี้ เดี๋ยวเราไปทำความรู้จักกับยางสลิคด้วยกันครับ

 

 

          จุดสังเกตแรกของความแตกต่างจาก ยาง Radial ทั่วไป สำหรับใครที่ยังไม่ทราบ นั่นก็คือ หน้ายางที่ไร้ดอกยาง ไร้ดอกยางชนิดที่ว่า โล้นเกลี้ยงเลยทีเดียวครับ และรูปทรงของยางคือ หน้ายางจะมีความกลมกระชับเข้ารูป พร้อมกับแก้มยางที่เตี้ยกว่าปกติ เพื่อลดอัตราการดิ้นในขณะที่เข้าโค้งให้น้อยที่สุด พร้อมกับทำให้หน้ายางสัมผัสพื้นแทร็คในสนามให้มากที่สุด และนี่คือ วิธีการแยกแยะง่ายๆ ระหว่าง ยาง Radial ทั่วไปกับ ยาง Slick ครับ

 

 

          โดย ยาง Slick นั้น ในขั้นตอนวิธีการสร้างก็ยังแตกต่างจาก ยาง Radial ทั่วไปเช่นกัน คือ ยาง Radail ทั่วไป จะมีการขึ้นโครงของยาง โดยใช้เส้นลวดเป็นส่วนประกอบ แต่ในตัวของยาง Slick นั้น ไม่มีการขึ้นโครงยาง แต่เป็นการขึ้นรูปด้วยเนื้อยางทั้งเส้นขึ้นมาเลย สังเกตได้ง่ายๆ เมื่อผู้ขี่ขึ้นไปนั่งบนรถที่รัด ยาง Slick ไว้ สภาพของยางนั้น จะมีความอ่อนตัว เหมือนลมยางไม่เต็มอย่างเห็นได้ชัด ก็ด้วยเหตุที่ได้กล่าวไปข้างต้นนั่นเองครับว่าเจ้า ยาง Slick นั้น ไม่มีโครงยางที่จะประคับประคองรูปทรงของยางให้อยู่ในสภาวะเดิมตลอดเวลาครับ

 

 

          ต่อไปเราจะมาพูดถึงเรื่องของข้อดีของเจ้า ยาง Slick กันว่าทำไม...ยางที่ไม่มีดอกแบบนี้ ถึงได้นำมาใช้ในการขับขี่แข่งขันกัน ต้องขอเกริ่นก่อนว่า การเซาะร่องดอกยางที่เราเห็นได้จากยางที่ใช้งานทั่วไปบนท้องถนนนั้น อันที่จริงแล้ว คุณสมบัติของดอกยาง แทบจะไม่มีผลในเรื่องของการยึดเกาะถนนนะครับ แต่จะมีผลในเรื่องของการรีดน้ำบนพื้นถนนเปียก ไปจนถึงทำให้การขับขี่ที่นุ่มนวลและเงียบในขณะขับขี่ ซึ่งแล้วแต่คุณภาพและวัตถุประสงค์ของการออกแบบของยางเส้นนั้นด้วย แต่ในเรื่องของการยึดเกาะพื้นผิวถนน "เนื้อยาง" เท่านั้นครับ ที่มีบทบาทในเรื่องนี้ และนี่คือ ข้อดีของ ยาง Slick นั่นเองครับ นั่นก็คือ ยาง Slick จะมีเนื้อยางที่ออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพการยึดเกาะที่สูงกว่า ยาง Radial ทั่วไป (หรือที่เรียกว่าค่าเทรดแวร์ที่ต่ำ) โดยจะสิ่งที่จะทำให้รู้สึกถึงความยึดเกาะสูง คือ ความนิ่มของเนื้อยางที่มีให้เลือกหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Soft , Medium และ Hard ตามสถานการณ์และความเหมาะสมของผู้ขี่ครับ

 

การติดตั้งเครื่องวอร์มอุณหภูมิยาง

 

รูเจาะบนหน้ายาง Slick เพื่อบ่งบอกถึงสภาพของยางที่ยังสามารถใช้งานได้

 

          ยาง Slick จะแสดงประสิทธิภาพการยึดเกาะได้อย่างเต็มที่ ก็ต่อเมื่ออุณหภูมิของยางต้องร้อนถึงจุดที่เหมาะสม เพื่อจะทำให้เนื้อยางเซ็ตตัวได้ดี โดยจะมีอุปกณ์ที่เรียกว่า Tire Warmer หรือ เครื่องวอร์มอุณหภูมิยาง แบบในภาพที่จะรัดเข้ากับยาง ก่อนที่จะลงสนามเพื่อสร้างอุณหภูมิยางอย่างที่กล่าวไปครับ และอีกจุดที่หลายๆ คนอาจจะยังไม่ทราบด้วยซ้ำ กับวิธีการดูอย่างไรว่า ยาง Slick เนื้อยางเริ่มจะหมด โดยสามารถสังเกต รูกลมๆ เล็กๆ บนหน้ายางที่จะมีอยู่ที่ตำแหน่งตรงขอบและตรงกลาง แบบในรูป ที่เป็นจุดสังเกตง่ายๆ ว่า ยาง Slick เส้นนั้น ใช้งานไปถึงสภาพไหนแล้วนั่นเองครับ

 

ยางสำหรับการแข่งขันในสถานการณ์ที่พื้นแทร็คเปียกแฉะ

 

          และสุดท้าย...ท้ายสุดกับข้อเสียของ ยาง Slick สิ่งแรกเลยก็คือ อย่างที่เราได้บอกกันไปว่า ยาง Slick นั้น คือ ยางที่ไม่มีดอก และดอกยางจะมีหน้าที่รีดน้ำเท่านั้น พอเห็นแบบนี้แล้ว คงจะเริ่มอ๋อกันทันทีเลยใช่ไหมครับ และนี่ก็คือ ข้อเสียข้อแรกของ ยาง Slick ครับ คือ ไม่สามารถสร้างแรงยึดเกาะ สำหรับการวิ่งบนพื้นเปียกในความเร็วสูงได้เลย เพราะความที่ไม่มีดอกยางช่วยในการรีดน้ำ ทำให้ยางเกิดอาการเหินน้ำ ไม่สามารถสร้างการยึดเกาะกับพื้นถนนได้ ฉะนั้นในการแข่งขันเมื่อเกิดสถานการณ์ฝนตกพื้นเปียกหรือที่เรียกกันว่า Wet Race จะมียางสำหรับพื้นเปียกเพื่อรองรับสถานการณ์ฝนตกพื้นแทร็คเปียกแฉะเช่นกันครับ และอีกหนึ่งข้อเสีย จากที่เราได้พูดถึงขั้นตอนการผลิตยางไปว่า ยาง Slick ไม่มีโครงยางเหมือนกับ ยาง Radial ทั่วไป ฉะนั้นข้อเสียอีกอย่างคือ ยาง Slick อาจด้อยเรื่องความทนทานในเรื่องของแรงกระแทกจากการใช้งานทั่วไปเท่ากับ ยาง Radial และถ้าเมื่อเกิดแรงกระแทกหนักๆ เข้ากับ ยาง Slick แล้วล่ะก็ จะทำให้ยางบวมเสียรูปได้ง่ายๆ เลยครับ ส่วนอีกประการที่หลายๆ คนคงรู้อยู่แล้ว คือ ยางสลิคเป็นยางเนื้อนิ่ม ดังนั้นอายุการใช้งานจะค่อนข้างสั้น ไม่เหมาะกับการนำมาขับขี่ทั่วไป เพราะจะทำให้ยางหมดเร็ว หรือเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควรนั่นเองครับ

 

 

          พอเห็นแบบนี้แล้ว ยาง Slick เหมือนจะเป็นยางที่ไม่เหมาะสำหรับนำมาใช้งานบนท้องถนนเลยใช่ไหมครับ เพราะคุณสมบัติของ ยาง Slick นั้น ถูกออกแบบมาเพื่อพื้นถนนในสนามแข่งที่แห้งและเรียบเนียนเท่านั้นเลยก็ว่าได้ แต่ถ้าไบค์เกอร์ที่อยากได้ยางสเปคใกล้เคียงกับ ยาง Slick แต่ถูกสร้างมาเพื่อใช้งานได้บนท้องถนนทั่วไป สามารถหาซื้อยางประเภทที่เรียกกันว่า ยาง Soft Compound ได้เลยครับ โดยยางประเภทนี้ เรียกได้ว่าฮิตที่สุดสำหรับไบค์เกอร์สายสปอร์ตในยุคปัจจุบันเลยก็ว่าได้  โดยก่อนที่จะควักกระเป๋าตังค์จ่าย แนะนำให้ขอคำปรึกษาในการเลือกซื้อจากผู้ขายเสียก่อน เพื่อเป็นการทำความเข้าใจกับยางที่คุณกำลังต้องการนะครับ ในครั้งหน้า BoxzaRacing จะนำเกร็ดความรู้เรื่องไหนมาฝากแฟนๆ กันอีก สามารถติดตามกันได้เลยครับที่ www.BoxzaRacing.com สำหรับวันนี้ต้องขอลากันไปก่อน...สวัสดีครับ

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook