เขียนโดย: Pajingo

เมื่อ: 20 เมษายน 2563 - 11:47

มอเตอร์ไซค์ยุคนี้ กับเทคโนโลยีจาก Yamaha ที่ไม่สิ้นสุด สู่หมัดเด็ดกระชากใจ คนเล่นตัวจริงเขารู้กัน

 

         ด้วยยุคสมัยในปัจจุบัน การที่มอเตอร์ไซค์สัก 1 คัน จะมีเพียงเครื่องยนต์ เบาะนั่ง กับล้อ 2 ล้อ ดูจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ใช้งานเสียแล้ว เนื่องด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ในยุค 2020 ถูกพัฒนาไปไกลอย่างไม่หยุดยั้ง ส่งผลให้เทคโนโลยีต่างๆ ถูกใส่เข้าไปเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ไปอีกขั้น และยังส่งผลในเรื่องของสมรรถนะโดยรวมของตัวรถที่สูงขึ้นไปอีกด้วย

 

 

            Yamaha นับเป็นแบรนด์ชั้นนำในวงการมอเตอร์ไซค์ที่ไม่เคยหยุดพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อส่งต่อให้กับลูกค้า ดังสโลแกน "สินค้าคุณภาพ" ที่เราคุ้นหูกันมาอย่างยาวนาน โดยมอเตอร์ไซค์จาก Yamaha เรียกได้ว่าอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งส่งให้สองล้อจากค่ายนี้มีสมรรถนะที่เหนือกว่าคู่แข่ง โดยเฉพาะในเรื่องของความแรงที่ต้องบอกว่า พร้อมแซงทุกคันอย่างไม่มีใครกล้าปฏิเสธเลยจริงๆ ในโอกาสนี้ BoxzaRacing จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกันเทคโนโลยีต่างๆ ที่ Yamaha ใส่เข้าไปในมอเตอร์ไซค์หลายๆ รุ่น เพื่อหาคำตอบว่า ทำไมสินค้าคุณภาพจากค่ายส้อมเสียง จึงมีทีเด็ดที่เหนือกว่าแบรนด์คู่แข่งอย่างชัดเจน

 

Blue Core

              ถือเป็นเทคโนโลยีชูโรงของแบรนด์ Yamaha เลยก็ว่าได้ สำหรับ Blue Core ถือเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ สามารถปลดล็อคทุกขีดจำกัดอันก่อให้เกิดการสูญเสียกำลังโดยเปล่าประโยชน์ ไม่ว่าจะมาจาก การเผาไหม้, การระบายความร้อน และแรงเสียดทานต่างๆ ด้วยออกแบบช่องไอดีแบบคอคอด ทำให้ส่วนผสมระหว่างอากาศ ส่งต่อไปยังห้องเผาไหม้อย่างกลมกลืน เพื่อการจุดระเบิดอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เร่งออกตัวและเร่งแซงได้ดี ไม่ต้องเค้นคันเร่งเยอะ ซึ่งด้วยการเผาไหม้ที่มีหมดจดนี้เอง ยังช่วยลดการปล่อยมลพิษได้เป็นอย่างดีอีกด้วย โดยมอเตอร์ไซค์ Yamaha รุ่นที่มาพร้อมเครื่องยนต์บูลคอร์ ประกอบไปด้วย Yamaha Grand Filano Hybrid, QBIX, LEXi, Fino125, GT125 , AEROX155 และล่าสุดกับ All New NMAX155, XSR155

 

Yamaha Grand Filano Hybrid มอเตอร์ไซค์ที่มาพร้อมมอเตอร์ช่วยในการขับเคลื่อน

 

           นอกจากนี้แล้ว Yamaha ยังมาพร้อมเทคโนโลยีอันเหนือชั้น ซึ่งเป็นการผสานระหว่าง 2 นวัตกรรม แห่งวงการมอเตอรืไซค์เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว นั่นก็คือ การนำเทคโนโลยี Blue Core มาใช้ร่วมกับระบบ Hybrid ใน Yamaha Grand Filano Hybrid ที่จะมีมอเตอร์มาช่วยเพิ่มพละกำลังในการขับเคลื่อน โดยเฉพาะในขระออกตัวและเร่งแซงให้สูงขึ้น ส่งให้รถมอเตอร์ไซค์สุดล้ำรุ่นนี้ มีอัตราเร่งที่โดดเด่น บิดเบาๆ ก็พร้อมเร่งแซงได้อย่างมั่นใจ และให้อัตราการบริโภคเชื้อเพลิงที่ประหยัดมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

 

VVA

Yamaha All New NMAX155

 

             วาล์วเปิด...โลกเปลี่ยน หลายคนคงคุ้นหูกับคำพูดนี้เป็นอย่างดี ซึ่งเทคโนโลยีวาล์วแปรผัน VVA มีชื่อเรียกแบบเต็มยศว่า Variable Valve Actuation โดยลักษณะการทำงานของวาล์วแปรผัน VVA จะมีการปรับเปลี่ยนองศาของแค็มชาฟท์ด้วยลูกเบี้ยว 2 ชุด ปรับรูปแบบการทำงานให้เหมาะสมกับสไตล์การขับขี่ ชุดแรกมาในแบบองศาต่ำ ทำงานในรอบเครื่องยนต์ต่ำ เพื่อเรียกแรงบิด อัตราเร่งออกตัวให้รวดเร็วทันใจ ไม่มีอาการรอรอบ ซึ่งหากต้องการพละกำลังที่สูงขึ้นไป ในย่าน 6,000 รอบ/นาที แค็มชาฟท์ชุดที่ซึ่งมีองศาที่สูงกว่า 2 จะทำงานแทน เพื่อเรียกพละกำลังของเครื่องยนต์ให้สูงขึ้น โดยมีกระเดื่องกดวาล์ว เป็นตัวส่งผ่านการทำงานเคลื่อนที่ขึ้นและลงของวาล์ว ตามจังหวะเพลาลูกเบี้ยวรอบต่ำและรอบสูง ช่วยเรียกกำลังและแรงบิดให้ออกมาใช้งานได้อย่างเหมาะสมตามลักษณะการขับขี่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยี ที่ BoxzaRacing ได้ลองจากรถหลายๆ รุ่นของ Yamaha ไม่ว่าจะเป็น AEROX155, All New NMAX155, R15, MT-15 รวมถึง XSR155 แล้ว ต้องบอกว่า ประทับใจจริงๆ เนื่องจากอัตราการตอบสนองของเครื่องยนต์ในช่วงรอบต่ำ ทำได้อย่างรวดเร็ว ออกตัวได้ดี ให้อัตราเร่งที่โดดเด่น แถมในช่วงรอบเครื่องยนต์สูงๆ ขึ้นไป ยังรู้สึกได้ถึงพละกำลังที่เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งช่วยเติมความสนุก เร้าใจในยามขับขี่ได้อีกไม่น้อยเลยทีเดียว

 

Yamaha XSR155 ขีดสุดแห่งความเร้าใจกับเทคโนโลยี VVA

 

Stop & Start System

Stop & Start System

 

             กระแสรักษ์โลก เรียกได้ว่าเป็น Talk of the town ที่ทุกคนต่างพูดถึงในยุคปัจจุบัน ซึ่งทาง Yamaha ตระหนักถึงเรื่องนี้ดี จึงได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีที่มีชื่อว่า Stop & Start System ให้กับมอเตอร์ไซค์ภายใต้เครื่องหมายการค้าส้อมเสียง เพื่อช่วยลดการปล่อยมลพิษ และช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยหลักการทำงานของระบบ Stop & Start System ก็คือ ในขณะที่มอเตอรืไซค์จอดนานกว่า 5 วินาที เครื่องยนต์จะดับโดยอัตโนมัติ เพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงและลดการปล่อยไอเสีย ซึ่งหากเราต้องการที่จะเดินทางต่อ ก้เพียงแค่บิดคันเร่งเบาๆ เครื่องยนตืจะติดขึ้นโดยอัตโนมัติเพื่อให้เดินทางต่อได้แบบทันอกทันใจ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ประหยัดและปล่อยมลพิษน้อยแล้ว ยังช่วยยืดอายุของแบตเตอรี่ เนื่องจากมีการประมวลผลจากกล่อง ECU มาช่วยคำนวณการใช้งานของรถย้อนหลังทุกๆ 10 นาที เพื่อช่วยในการตัดสินใจในการดับเครื่องยนต์ในจังหวะที่เหมาะสม และเพื่อเป็นการสะสมพลังงานของแบตเตอรี่อีกด้วย โดยรุ่นที่มาพร้อมระบบ Stop & Start System ได้แก่ Yamaha Grand Filano Hybrid, QBIX, LEXi, Fino125, GT125, AEROX155 และล่าสุดกับ All New NMAX155

 

Traction Control System

Yamaha XMAX 300 กับระบบ Traction Control System เพื่อความปลอดภัยอีกขีดขั้น

 

              Traction Control System หรือ TCS ถือเป็นอีกหนึ่งลูกเล่นสำหรับมอเตอร์ไซค์ยุคใหม่ โดยเป็นฟังค์ชั่นที่ช่วยเติมความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากระบบจะทำหน้าที่ลดทอนกำลังของเครื่องยนต์ในขณะที่ล้อหน้าและล้อหลัง มีความเร็วในการหมุนที่ไม่สัมพันธ์กัน อันเป็นสาเหตุหลักที่อาจก่อให้เกิดการลื่นไถล ซึ่งหากมีระบบ Traction Control System คอยช่วยลดทอนกำลัง และปรับสมดุลย์ในการขับขี่ ขณะที่ใช้คันเร่งเยอะเกินความจำเป็น หรือขับขี่ในสภาพพื้นผิวที่ไม่อำนวย ก็จะช่วยลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุหรือสิ่งไม่คาดฝันให้น้อยลงด้วย 

 

 

            ทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีแห่งโลกมอเตอร์ไซค์ ที่ทาง Yamaha ใส่เข้ามาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้ให้ครอบคลุม พร้อมแสดงวิสัยทัศน์ความเป็นผู้นำในวงการสองล้อได้เป็นอย่างดี สมกับสโลแกน "สินค้าคุณภาพ" ที่ทางค่ายยึดถือมาโดยตลอด สามารถติดตามข้อมูลและเทคโลโลยีต่างๆ ของ Yamaha ได้ทาง www.yamaha-motor.co.th และ Facebook Yamaha

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook