เครื่องยนต์กลไก เรียกได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่มนุษย์ได้คิดค้นขึ้น ภายใต้ความซับซ้อนของชิ้นส่วนต่างๆ ที่สามารถเปลี่ยนรูปแบบพลังงานออกมาให้เราๆ ท่านๆ ใช้งานได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งด้วยองค์ประกอบที่มีความซับซ้อนเหล่านั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกหากชิ้นส่วนต่างๆ ล้วนต้องมีการเสียดอย่างต่อเนื่องและหนักหน่วงตลอดการทำงาน โดยเฉพาะกับเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะสูงที่ต้องรีดเค้นพละกำลังออกมาให้ใช้จนถึงขีดสุด
ในโลกของมอเตอร์ไซค์ก็เช่นกัน ค่ายมอเตอร์ไซค์แต่ละค่าย ล้วนพัฒนาเครื่องยนต์กลไกของตัวเองให้มีสมรรถนะสูงสุด เพื่อชิงความได้เปรียบและสร้างจุดขายให้กับแบรนด์ตัวเอง ซึ่งยิ่งเครื่องยนต์มีพละกำลังที่สูงขึ้นมากเท่าไหร่ สิ่งที่ต้องตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นก็คือ พละกำลังในการปกป้อง หรือการหล่อลื่นชิ้นส่วนต่างๆ ให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยลดช่องว่างอันเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการสึกหรอให้มากที่สุด ซึ่งหัวใจสำคัญที่ทำหน้าที่ในการปกป้องเครื่องยนต์ทุกระดับชั้น คงหนีไม่พ้น "น้ำมันเครื่อง" นั่นเอง
น้ำมันเครื่อง ไม่ใช่เรื่อง...อะไรก็ได้ !
หนึ่งในความเข้าใจ ที่ถือว่าเป็นความเชื่อผิดๆ ของไบค์เกอร์หลายๆ คนก็คือ เลือกน้ำมันเครื่องอะไร ก็สามารถปกป้อง หรือใช้แล้วเครื่องไม่พังเหมือนกัน ! ซึ่งคงเป็นเรื่องที่ไม่ผิด หากเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่ได้คุณภาพในระดับมาตรฐาน แน่นอน...ว่าไม่พัง แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่า น้ำมันเครื่องเหล่านั้น ช่วยเติมสมรรถนะให้เครืี่องสามารถทำงานได้อย่างอย่างเต็มประสิทธิภาพหรือเปล่า นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทาง BoxzaRacing ทำคอนเท้นท์นี้ขึ้นมา เพื่อให้ชาวไบค์เกอร์ ใส่ใจในการเลือกน้ำมันเครื่องให้เหมาะสมกับการใช้งานของตัวเองมากที่สุด
ประการแรกที่ควรจะต้องคำนึงถึง คือ ประเภทของน้ำมันเครื่อง โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเครื่องแบบสังเคราะห์ 100% และน้ำมันเครื่องแบบกึ่งสังเคราะห์ โดยแต่ละแบบอาจมีการใส่สารเพิ่มประสิทธิภาพเข้าไปในรูปแบบที่แตกต่างกัน ซึ่งต้องเลือกให้เหมาะสมตามรูปแบบการใช้งาน เช่น ชั้นฟิล์มที่ช่วยในการปกป้องชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ รวมไปถึงสารเพิ่มประสิทธิภาพให้น้ำมันเครื่องสามารถคงคุณสมบัติสูงสุดไว้อย่างยาวนาน เพื่อการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้น
ค่าความหนืด มีผลอย่างยิ่งกับประสิทธิภาพในการปกป้องเครื่องยนต์
เลือกความหนืดให้เหมาะสมกับรูปแบบการใช้งาน โดยปกติแล้ว น้ำมันเครื่องมอเตอร์ไซค์ รวมถึงน้ำมันเครื่องทั่วๆ ไป จะมีฉลากระบุค่าความหนืดไว้ที่ข้างขวด เช่น 5W-40, 10W-50 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใช้บอกความหนืดของน้ำมันเครื่อง ในการเลือกค่าความหนืด ควรศึกษาสเปคที่ระบุไว้ในคู่มือ ว่ามอเตอร์ไซค์รุ่นนั้นๆ เลือกใช้ความหนืดเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม โดยมีแนวทางการทำความเข้าใจง่ายๆ คือ ตัวเลขยิ่งน้อย น้ำมันเครื่องจะยิ่งใส เครื่องทำงานลื่น แต่ประสิทธิภาพในการปกป้องในอุณหภูมิที่สูง อาจด้อยกว่าน้ำมันเครื่องที่มีค่าความหนืดที่สูงกว่าในคุณบัติที่เหมือนกัน
หลายคนอาจจะยังไม่ทราบ หรือไม่ได้ใส่ใจว่า น้ำมันเครื่องในแต่ละแบบ ให้ประสิทธิภาพหรือคุณสมบัติที่โดดเด่นต่างกัน น้ำมันเครื่องบางรูปแบบ อาจไม่เหมาะกับรถอีกรูปแบบ ด้วยองค์ประกอบทางเคมีที่มีความแตกต่าง เช่น รถมอเตอร์ไซค์เกียร์ออโตเมติก ก็ควรเลือกน้ำมันเครื่องที่ทำมาเพิื่อรถออโตเมติกโดยเฉพาะ ส่วนรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไป ก็ไม่ควรใช้น้ำมันเครื่องร่วมกับรถออโตเมติก เนื่องจากเครื่องยนต์ของรถเหล่านั้น จะมีชุดเกียร์และชุดคลัทช์แช่อยู่ในน้ำมันเครื่อง ซึ่งน้ำมันเครื่อง ต้องมีคุณสมบัติในการสร้างความฝืดให้ชุดคลัทช์สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เป็นต้น โดยน้ำมันเครื่องเหล่านี้ มักจะมีการระบุมาตรฐานของคุณสมบัติไว้ข้างขวด เช่น MA เป็นน้ำมันเครื่องที่เหมาะสำหรับรถคลัทช์แห้ง ที่ไม่เน้นการใส่สารในการสร้างความฝืดให้กับชุดคลัทช์, MB เป็นน้ำมันเครื่องที่ออกแบบมาสำหรับเครื่องยนต์คลัทช์เปียก หรือ MA2 อันเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับเครื่องยนต์คลัทช์เปียกที่มีระบบกรองไอเสียอยู่ภายใน
ของถูกและดี อาจไม่มีอยู่ในโลก แต่ของดี ราคาเหมาะสม ย่อมมีเหตุผลในตัวเอง หลายคนยังยึดติดกับความเชื่อที่ว่า "มีอะไรให้ใช้...ก็ใช้ๆ ไปเถอะ ใส่แล้วไม่พังก็พอ" นั่นเป็นความความเข้าใจที่ผิดอย่างแรงกล้า เพราะการเลือกเลือกสิ่งดีๆ ให้กับรถคันเก่ง ก็เหมือนการที่คุณเลือกของกินดีๆ มีคุณค่าทางอาหารให้กับตัวเอง ซึ่งมันส่งผลต่อความแข็งแรง สมบูรณ์ของร่างกาย ลองนึกเล่นๆ แล้วกันครับ ว่าถ้าคุณอยากกินแค่ให้อิ่มไปวันๆ กินข้าวเปล่าอย่างเดียว คุณก็อิ่มได้ แต่ทำไม...คุณต้องกินข้าว + กับข้าว หรืออยากหาของอร่อยๆ กิน อารมณ์มันก็คล้ายๆ การเลือกน้ำมันเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงให้กับสองล้อคันเก่งของคุณนั่นเอง ราคาอาจสูงกว่าคำว่า "อะไรก็ได้" แต่แน่นอนว่าถ้าได้เลือกใช้สิ่งดีๆ เลือกอย่างพิถีพัถัน อาการ "พังผ่อนส่ง" คงไม่เกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
สุดท้าย...คงไม่มีสิ่งอื่นใดที่โดนใจไปกว่า ความพึงพอใจส่วนบุคคล หลายคนมักเลือกใช้น้ำมันเครื่องแบรนด์ที่มีชื่อเสียงที่สั่งสมมาในวงการมอเตอร์สปอร์ต ซึ่งแน่นอนว่า น้ำมันเครื่องมอเตอร์ไซค์ที่ได้การยอมรับในแวดวงการแข่งขันในระดับสูงสุด พัฒนาจากการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ย่อมมีอะไรที่เหนือกว่าธรรมดาซ่อนอยู่ อันเป็นเหตุผลที่ทีมแข่งระดับโลกเลือกที่จะนำมาใช้เดิมพันกับผลการแข่งขันที่ชี้วัดกันด้วยเวลาเพียงเสียววินาที รวมไปถึงความรู้สึกส่วนตัวที่ได้ทดลองใช้ ความลื่นไหลในการทำงานของเครื่องยนต์ เร่งได้ติดมือ คลัทช์ไม่ลื่น เข้าเกียร์ได้อย่างนุ่มนวล ย่อมเป็นเหตุผลหลักในการจะเลือกน้ำมันเครื่องแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งมาอยู่ในอ้อมอกอ้อมใจ ในฐานะผู้ใช้ตัวจริงอย่างแน่นอน