ทำความรู้จัก BMW R1300GS 2024 กันให้มากขึ้น เพราะนี่คือตัวจบ ตัวเจ็บของชาวทัวริ่งแอดแวนเจอร์ที่แท้จริง ชื่อเสียงไม่ต้องพูดให้เสียเวลา มันได้รับการยกย่องว่าเป็นที่สุดของสายนี้มาอย่างยาวนาน ซึ่งทาง Boxzaracing ได้นำรถรุ่นนี้มารีวิวและทดสอบในสไตล์ของเรา
มีเรื่องมากมายที่อยากเล่าให้คุณฟัง เริ่มจากดีไซน์การออกแบบใหม่ โดย R1300GS มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ที่มีความเล็กและเพรียวลงจากเดิมอย่างชัดเจน โดยเฉพาะไฟหน้าที่มีดีไซน์ใหม่เป็นรูปทรง X ซึ่งผลงานการออกแบบนี้เป็นของ Alexander Buckan (อเล็กซานเดอร์ บัคแคน) ผู้อำนวยการออกแบบรถมอเตอร์ไซค์คนใหม่ของ BMW Motorrad เชื่อได้เลยว่ารถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ๆ ของบริษัทก็จะมีแนวทางที่เปลี่ยนแปลงไปตามเขาด้วย
ทั้งนี้รถมีความเพรียวบางลงจากรุ่นก่อนอย่างชัดเจน หลักๆ มาจากเครื่องยนต์ใหม่และเฟรมรถใหม่ น้ำหนักเบาลงกว่ารุ่นเก่าประมาณ 12 กก. ทำให้รถมีน้ำหนักอยู่ที่ 237 กิโลกรัม (ไม่รวมของเหลว) แม้จะบอกว่ารถมีความเพรียวบางลงและน้ำหนักเบาลง แต่คนที่ไม่เคยขับหรือสัมผัสมาก่อนก็สามารถขับได้แน่นอน อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ไปเรียนขับขี่ปลอดภัยก่อนสักเล็กน้อยเช่นกัน
ทำไมใครๆ ก็สามารถขับได้
เทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่: R1300GS มาพร้อมกับเทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่มากมาย เช่น ระบบความปลอดภัยอย่าง Traction control, Cornering ABS, Dynamic Brake Control, ระบบออกตัวบนทางลาดชัน, Dynamic cruise control และระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจก
ทั้งนี้ระบบ Dynamic cruise control ใช้เรดาร์ตรวจจับรถข้างหน้าแล้วปรับความเร็วตามรถคันข้างหน้าได้ทันที ช่วยเพิ่มความปลอดภัย
เรดาร์ตรวจจับอยู่เหนือไฟหน้าของรถ
เครื่องยนต์และสมรรถนะ: เครื่องยนต์ Boxer แบบ 2 สูบ ขนาด 1,300 ซีซี สามารถทำกำลังสูงสุด 145 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 142 นิวตันเมตร มีโหมดการขับขี่ให้เลือกใช้งาน 4 รูปแบบ (Rain, Road, Enduro และ Rider) ฟิวลิ่งเครื่องยนต์ให้ความดิบ ความมัน มีแรงบิดมหาศาล และเสียงเครื่องยนต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเครื่องยนต์ Boxer ที่สำคัญคือเรื่องความร้อนจากเครื่องยนต์กับขาผู้ขับขี่ เรียกว่าทาง BMW ทำได้จุดนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม
ระบบกันสะเทือนและระบบเบรก: ระบบกันสะเทือนหน้าเป็น Evo Telelever และระบบกันสะเทือนหลังเป็น Evo Paralever ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ BMW โช้คอัพเป็นระบบไฟฟ้าที่สามารถปรับได้ละเอียด ระบบเบรกเป็นของ Brembo ยกชุด แต่แปะโลโก้ BMW
สิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติม: R1300GS มีการอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น กระจกตัดลมไฟฟ้าที่สามารถปรับได้ระหว่างการขับขี่ ระบบช่วงล่างที่สามารถปรับความสูงได้เมื่อเวลาจอดหยุดนิ่ง ช่วยเพิ่มความมั่นใจเวลาหยุดรถ และมีตัวช่วยยกขาตั้งคู่ที่ทำให้การตั้งขาตั้งคู่ง่ายขึ้นกว่าเดิม
จากทั้ง 4 ประเด็นที่ได้อธิบาย ทำให้มั่นใจได้ว่าใครๆ ก็สามารถขับรถรุ่นนี้ได้ และแนะนำให้ไปลองขับขี่ BMW R1300GS 2024 ได้ที่โชว์รูม BMW ใกล้บ้านคุณ ส่วนราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 1,125,000 บาท
สุดท้ายต้องขอขอบคุณทาง BMW Motorrad ประเทศไทย ที่ให้ Boxzaracing ยืมรถมาทดสอบรีวิวในครั้งนี้