เขียนโดย: Surasak

เมื่อ: 4 มิถุนายน 2567 - 10:07

รีวิว 2024 Triumph Rocket 3 Storm R กับความดิบ ความเถื่อน แบบผู้ดี ที่ต้องลองสัมผัส

      2024 Triumph Rocket 3 Storm จะมีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ R และ GT โดยความแตกต่างของทั้งสองรุ่น จะเป็นเรื่องของอุปกรณ์แต่งเพิ่มเติมเพียงเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นพนักพิงคนซ้อน, แฮนด์บาร์, ตำแหน่งที่วางเท้า และชิวหน้า

 

 

     ทั้งนี้ Boxzaracing ได้มีโอกาสนำ Rocket 3 Storm R มาขับขี่ทดสอบรีวิว ซึ่งมีหลายประเด็นให้พูดถึง ใครที่กำลังสนใจหรือกำลังหาข้อมูลรถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้อยู่ นี้จะเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจให้กับคุณได้อย่างแน่นอน

 

Rocket 3 Storm R

 

     Triumph ตั้งราคาเริ่มต้นไว้ที่ 1,049,000 บาท (รุ่น R) ถ้าเป็นรุ่น GT ราคาจะเพิ่มสูงขึ้นอีกเล็กน้อย ซึ่งรถมอเตอร์ไซค์ที่มีราคาเป็นล้านบาท เรื่องการออกแบบ อุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ ที่ใส่เข้ามาในรถ เรียกว่าอยู่ในระดับพรีเมี่ยม ผมกล้าใช้คำว่า ‘ไม่มีคำว่าไม่ดี’ กับรถมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ได้เลย โดยโจทย์สำคัญจริงๆ คือการเลือกใช้งานรถมอเตอร์ไซค์ที่ถูกต้องกับผู้ใช้งานเสียมากกว่า

 

     Rocket 3 Storm คือรถมอเตอร์ไซค์ที่มีเครื่องยนต์ใหญ่ที่สุดในโลกปัจจุบัน กับขนาดเครื่องยนต์อยู่ที่ 2,458 ซีซี. แบบ 3 สูบที่เป็นเอกลักษณ์ของ Triumph ซึ่งในปัจจุบันหลายๆ ค่ายเลือกที่จะลดขนาดเครื่องยนต์ลง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ตลอดจนเรื่องมลพิษไอเสียที่โดนทางภาครัฐควบคุมจัดการ

 

เครื่องยนต์ 3 สูบเรียง 2,458 ซีซี.

 

     แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับ Rocket 3 Storm เพราะนี้คือรถมอเตอร์ไซค์ที่มีความบ้า ความดิบ ความเถื่อน แรงสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ พละกำลังมหาศาล พร้อมเสียงท่อไอเสียที่เร้าใจ สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นเสน่ห์ และคนที่ขับรถมอเตอร์ไซค์ส่วนใหญ่ต้องถูกใจสิ่งเหล่านี้

 

 

สิ่งที่สัมผัสได้จากการขับขี่

 

     ทั้งนี้ตัวผมมีโอกาสได้ใช้เจ้า Rocket 3 Storm ในชีวิตประจำวันอยู่หลายวัน และได้ลองขับขี่ทั้งทางไกล หรือในเมืองรถติด อย่างแรกที่ต้องบอกก็คือ ‘รถไม่ได้ขับยาก’ แม้ว่ามิติของรถจะมีขนาดที่ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ใหญ่ ล้อยางใหญ่ และส่วนอื่นๆ ของรถที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งเชื่อว่าใครหลายคนคิดว่าขับยากแน่ๆ แต่ขอยืนยันว่ามันไม่ได้ขับไม่ยาก

 

 

     Triumph ไม่ได้ให้ความสำคัญเพียงแค่ตัวรถมอเตอร์ไซค์เท่านั้น เขายังให้ความสำคัญในเรื่องท่านั่งขับขี่ที่จะทำให้ออกมาดูดี ดูสมาร์ต ผมยืนยันว่าใครที่ขับรถรุ่นนี้ รวมไปถึงรุ่นอื่นๆ ของ Triumph หล่อทุกคนครับ

 

      นอกจากความดูดี ดูสมาร์ตแล้ว เบาะนั่งยังออกแบบถูกตามสรีระในการขับขี่อีกด้วย นั่งสบายทั้งคนขับและคนซ้อน

 

 

     เมื่อได้ลองสัมผัสขับขี่ ปฏิเสธไม่ได้ว่า Rocket 3 Storm เป็นขับสนุกขับมันมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเสียงท่อไอเสีย เสียงเวลาเข้าเกียร์ แรงสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ รวมไปถึงกำลังแรงบิดที่มีให้ใช้งานที่มีแบบมหาศาล การเร่งแซงเรียกว่าดึงหน้าหงาย

 

ขับขี่ทางไกล

     ทีนี้ในเรื่องการขับขี่ทางไกล ความเร็วในระดับ 120-140 กม./ชม. เป็นอะไรที่สบายๆ นิ่งๆ ด้วยรถมีขนาดที่ใหญ่ ยางใหญ่ และมีน้ำหนัก ทำให้การขับขี่มีความมั่งคงเป็นอย่างมาก ซึ่งใครที่ซื้อไปใช้ขับขี่ออกทริปทางไกลเป็นหลัก ก็อยากเชียร์ให้ไปจบที่รุ่น GT เนื่องจากมีชิวหน้าช่วยตัดลม แต่ถ้าใครเน้นขับเล่น เพลินๆ ไม่ได้ขี่ทางไกลขี่โหดอะไร รุ่น R ก็จัดได้เลย

 

 

ขับขี่ในเมือง

     เมื่อลองขับขี่แบบทางไกลออกต่างจังหวัดแล้ว ก็ต้องลองขับขี่ในเมืองกันดูบ้าง ตัวผมได้ขับขี่ถนนเส้นบรรทัดทองแบบรถติดๆ ซึ่งตรงจุดนี้อาจจะดูไม่เหมาะสมกับการใช้งานของเท่าไหร่ แต่ก็ต้องลองให้รู้ว่าเป็นไง

 

 

     ไม่มีอะไรที่พิเศษแตกต่างไปจากรถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ทั่วไป สิ่งที่ต้องระวังเพิ่มขึ้นคือการมุด การซอกแซก ที่ยากขึ้นตามขนาดของรถ เรียกว่าช่องไหนไปได้ก็ไป ช่องไหนไม่สามารถไปได้ก็ไม่ฝืน

 

      สิ่งที่คุณต้องเจอจริงๆ เวลาขับขี่ในสภาพจราจรที่ติดขัด (รถติด) เมื่อรถไม่สามารถวิ่งทำความเร็วได้ จะเป็นเรื่องความร้อนของเครื่องยนต์ตรงบริเวณขาผู้ขับขี่แทน ซึ่งผมสัมผัสได้ว่าฝั่งขวาจะร้อนกว่าฝั่งซ้ายเล็กน้อย ส่วนเรื่องร้อนที่บอกว่าร้อนแค่ไหน ก็ในระดับที่จะทนได้อยู่ สำหรับการใส่รองเท้าผ้าใบ และกางเกงขายาว

 

ฝั่งขวาจะร้อนกว่าฝั่งซ้าย เนื่องจากท่อไอเสีย

 

ทำความรู้จัก NEW ROCKET 3 STORM กันให้มากขึ้น

      นิยามของคำว่า STORM คือการเพิ่มความดุดัน ด้วยการใช้โทนสีดำเพิ่มเติมเข้าไปในรถ เรียกว่าขับไปไหน จอดไหน ก็มีแต่คนมอง

 

 

      เมื่อตัวรถที่มีขนาดใหญ่ ชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ ก็มีขนาดที่ใหญ่ตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ที่ดูมีขนาดใหญ่โตกว่ารถมอเตอร์ไซค์ทั่วไป เรียกว่าน้องๆ รถยนต์ก็ว่าได้ ตัวของหม้อน้ำขนาดใหญ่ ถังน้ำมันขนาดใหญ่ และขนาดล้อที่ใหญ่ทั้งหน้าและหลัง สิ่งเหล่านี้ทำให้รถมีความน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก แอบดูว่าจะขับยากไหม โดยเฉพาะไซซ์คนเอเชียอย่างเราๆ

 

 

      สำหรับเครื่องยนต์ เรียกว่าไฮไลท์เด่นของรถ รุ่นนี้มีการปรับปรุงใหม่เล็กน้อย แรงม้าแรงบิดเพิ่มขึ้นจากเดิมเล็กน้อย โดยจะมีม้าให้ใช้ถึง 182 แรงม้า ส่วนแรงบิดอยู่ที่ 225 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่อง 4,000 รอบ/นาที ตัวครัชท์เป็นไฮดรอลิก ส่งกำลังด้วยเกียร์ 6 สปีดแบบเพลาขับ

 

     คงไม่มีใครถามว่าแรงไหมอย่างแน่นอน เพราะมันแรงแบบเหลือๆ ไม่รู้จะใช้ยังไงให้หมด โดยผมได้ลองใช้ความเร็วที่คนส่วนใหญ่ใช้เดินทางไกล ประมาณ 130 กม./ชม. รอบเครื่องอยู่เพียง 3,000 รอบเท่านั้น ส่วนเรื่องอัตรากินน้ำมันเชื้อเพลิงก็มีเฉลี่ยให้ดูที่หน้าจอเรือนไมล์ ถามว่ากินไหม ก็กินในระดับหนึ่ง แต่ถ้าคุณซื้อรถมอเตอร์ไซค์คันเป็นล้านได้ เรื่องค่าน้ำมันคงไม่ใช่ประเด็นให้ใส่ใจ

 

 

      ตัวท่อไอเสียก็ดูโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ออก 3 รวม 1 แล้วก็ปลาย 3 โดยแยกไว้ฝั่งขวา 2 ท่อ และฝั่งซ้าย 1 ท่อ ซึ่งเสียงมาก ไม่ว่าเดินเบา ที่รอบสูง ท่อเดิมติดรถเอาอยู่แน่นอน ส่วนเรื่องความร้อนของเครื่องยนต์และท่อไอเสีย ถ้ารถติดๆ ก็สามารถสัมผัสได้เลย ในระดับที่ทนไหว แต่ถ้าตอนขับขี่เรียกว่าไม่มีปัญหาตรงจุดนี้

 

 

     ทีนี้ก็จะมีโหมดการขับขี่ให้เลือกใช้งาน 4 รูปแบบ ได้แก่ Rain, Road, Sport และ Rider ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ในระหว่างการขับขี่

 

ปุ่มปรับโหมด M

 

     ระบบกันสะเทือนหน้าเป็น Upside down ขนาดแกน 47 มม. สามารถปรับค่าคืนตัว ยุบตัวของโช้คได้ ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นแบบโปรอาร์ม ตัวโช้คเป็นของ Showa เช่นกัน สามารถปรับเซ็ทค่าได้เช่นกัน

 

โช้คหน้า Upside down

โช้คหลัง

 

     เบรกหน้าเป็นดิสก์คู่ มาพร้อมคาลิเปอร์เบรก Brembo M4.32 Stylema 4 พ็อตแบบ Radia ส่วนเบรกหลังก็เป็น Brembo M4.32 Stylema 4 พ็อตเช่นกัน โดยมีระบบเบรก ABS แบบ Cornering เป็นมาตรฐานความปลอดภัยทั้งล้อหน้าและหลัง นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่อย่างเทคชั่นคอนโทรล ระบบช่วยออกตัวทางลาด และครูชคอนโทรล เป็นมาตรฐาน

 

 

     ส่วนเรื่องขนาดวงล้อ เชื่อว่าใครหลายคนอยากรู้ โดยล้อหน้าขนาด 150/80 R17  ส่วนล้อหลังจะมาในขนาด 240/50 R16

 

 

      เรือนไมล์แบบ TFT ที่มีลูกเล่นมากมาย แสดงผลข้อมูลครบถ้วน สามารถปรับหน้าตาได้ ปรับแสงได้ ส่วนข้อมูลมีครบถ้วน ทริป1-2 , ค่าเฉลี่ยอัตราน้ำมัน โหมดการขับขี่ ความร้อน ความเร็ว รอบเครื่อง และเวลาเป็นต้น ซึ่งสามารถควบคุมสั่งการที่สวิทช์แฮนด์ซ้าย

 

 

     กุญแจเป็น Keylees โดยรถจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 317 กิโลกรัม ถามว่าหนักไหม? ตอบเลยว่าหนักเวลารถจอด แต่เมื่อเวลาขับขี่แล้วบาลานซ์รถได้เมื่อไหร่ ความหนักของรถจะหายไป คุณจะมั่นใจว่าสามารถควบคุมขับขี่ Rocket 3 Storm ได้แบบสบายๆ

 

 

     เช่นเดิมครับ สิบปากว่าไม่เท่ากับได้ลองขับขี่เอง ใครที่สนใจ 2024 Triumph Rocket 3 Storm ก็สามารถสอบถามได้ที่ศูนย์ไทรอัมใกล้บ้าน เพื่อขอทดลองขับขี่ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

 

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook