เขียนโดย: Thanathip

เมื่อ: 21 เมษายน 2566 - 16:07

รีวิว Triumph Bonneville T100 สัมผัสเสน่ห์เหนือกาลเวลา!

     รถคลาสสิคจัดว่าเป็นอีกหนึ่งสไตล์ที่ได้รับความนิยมอย่างไม่มีเสื่อมคลายไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ตัวรถคงไว้ด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่น สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นพาร์ทชิ้นส่วน หรือรูปแบบการดีไซน์ ด้วยยุคสมัยและการพัฒนาในปัจจุบันก็มีหลากหลายแบรนด์ที่สืบทอด DNA รถยอดนิยมจากยุคเก่ามาพัฒนาใหม่ให้มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น แต่ยังคงความเป็นรถคลาสิคให้อยู่เหนือกาลเวลาด้วยการถ่าย DNA จากรุ่นสู่รุ่น และในครั้งนี้ BoxzaRacing ก็ได้นำมอเตอร์ไซค์คลาสสิคอย่าง Bonneville T100 ที่เป็นหนึ่งในรุ่นสืบทอดความคลาสสิคของ Triumph มาแนะนำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกัน ซึ่งจะมีสมรรถนะและความพิเศษตรงไหนตามไปชมกันได้เลย

 

     สำหรับรถสัญชาติอังกฤษอย่าง Triumph Bonneville T100  นั้นเปิดตัวครั้งแรกในปี 2002 โดยนำเอาชื่อ Bonneville ที่เป็นต้นแบบ กลับมาสู่ Triumph อีกครั้งในรูปแบบคัสตอมสมัยใหม่ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Bonneville รุ่นต้นแบบปี 1959 โดยเป็นมอเตอร์ไซค์สไตล์ โมเดิร์นคลาสสิก ที่มีคุณลักษณะเฉพาะตัวที่แฝงด้วยเสน่ห์ใน DNA ของ Bonneville รุ่นแรก โดยเพิ่มเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเปลี่ยนโครงรถเป็นแบบใหม่ เพื่อการควบคุมรถได้อย่างมั่นใจและความทันสมัยที่สุดในรถคลาสสิค

 

Triumph Bonneville T120 ปี 1959 Pic Cr. : Mecum.com

 

      เมื่อเราได้เห็น Triumph Bonneville T100 ในครั้งแรกต้องบอกเลยว่าตัวรถมีสเน่ห์และความสวยงามที่ดึงดูดสายตามากๆ เพราะสี Meriden Blue / Tangerine เป็นสีในตำนานของ Bonneville ปี 1959 โดยจะเป็นสีฟ้าแบบคลาสสิค ตัดด้วยสีส้มที่พาดบนถังน้ำมัน ทำให้ตัวรถมีความโดดเด่นมากๆ ถัดมาในระบบไฟรอบคันจะเป็นแบบหลอดไส้ เว้นแต่ไฟท้ายและไฟเบรคจะเป็น LED เพื่อความปลอดภัยขณะขับขี่ซึ่งจะมีความสว่างและเห็นชัดเจนกว่านั่นเอง ส่วนเรือนไมล์ทรงกลมจะแฝงความทันสมัยมาด้วย โดยมาพร้อมกับหน้าปัดแสดงความเร็วและรอบเครื่องแบบเข็มอนาล็อก และแสดงผล ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง ระยะทางรวม และเกียร์ เป็นแบบดิจิดอล ผ่านบนเรือนไมล์ทรงกลมแบบรถคลาสสิค

 

เรือนไมล์ลูกผสมอนาล็อคและดิจิตอล

 

    การควบคุมการขับขี่ Triumph Bonneville T100 คืออีกหนึ่งจุดที่ทำให้เราประทับใจด้วยสไตล์รถทรงคลาสสิคที่มาพร้อมกับแฮนด์เดิ้ลบาร์กว้าง 780 มม. และองศาการบังคับเลี้ยว กับน้ำหนักตัว 229 กก. การคอนโทรลรถสามารถทำได้อย่างง่ายดาย แม้ต้องเจอกับสภาพการจราจรอย่างในเมืองกรุงก็ยังขับขี่ได้แบบชิลๆ ด้วยตำแหน่งท่านั่ง กับความสูงของเบาะ 790 มม. สามารถวางเท้าได้อย่างเต็มพื้นทั้ง 2 ข้าง (ผู้ขับขี่สูง 169 ซม.)

 

ขุมพลัง 900 HT

    ในส่วนของพละกำลังของเครื่องยนต์สูบคู่ Hi - Torque ขนาด 900 ซีซี. 5 เกียร์ ระบายความร้อนด้วยของเหลว SOHC 8 วาล์ว ให้แรงบิดสูงสุด 80 Nm ที่ 3,750 รอบต่อนาที ให้พละกำลัง 65 แรงม้าที่ 7,400 รอบต่อนาที ให้ฟีลลิ่งการขับขี่และอัตราเร่งที่ดีมากๆ จากที่สัมผัสได้ในครั้งแรก Triumph Bonneville T100 จะมาพร้อมกับคันเร่งไฟฟ้าให้การตอบสนองที่ไวความเร็วของรถมาตามมือ แต่ยังคงความเป็นสไตล์รถมอเตอร์ไซค์คลาสสิคที่ไหลลื่นและนุ่มนวลมากๆ แต่ถ้าหากต้องการความปรู๊ดปร๊าด ก็ต้องบอกเลยว่ามีให้ใช้อย่างแน่นอน นั่นก็เพราะตัวเครื่อง Hi - Torque ที่ได้พัฒนามาให้มีความโดดเด่นในด้านของแรงบิดสูง ในจุดนี้สามารถสัมผัสความแรงของเครื่องยนต์ได้ตั้งแต่ เกียร์ 1 กันเลยทีเดียว เพราะเมื่อได้ลองกระแทกคันเร่งแรงๆ แล้วก็อาจมีอาการท้ายสไลด์นิดๆ แต่ด้วยระบบ Tracktion Control (สามารถ เปิด/ปิด ได้) ก็เข้ามาช่วยทำให้ตัวรถไม่เสียการทรงตัวหรือการควบคุมได้อย่างอยู่หมัด ช่วงระยะห่างของแต่ละเกียร์ค่อนข้างเยอะ แต่สลิปเปอร์คลัทช์ที่ให้มาการเข้าเกียร์ทำได้นุ่มนวลและต่อเนื่องมาก และจากที่ได้ทดลองมาบอกได้เลยว่าอัตราเร่งสามารถทำได้ดีตั้งแต่รอบต้นประมาณที่ 3,500 รอบ และลากยาวไปถึงรอบปลายที่ 7,000 ได้อย่างสบายๆ ส่วนความเร็วท็อปสปีดที่สามารถทำได้อยู่ประมาณที่ 180 กม./ชม. (ยังสามารถไปได้มากกว่านี้เพราะรอบเครื่องยังอยู่ที่ประมาณ 6,000 รอบ) ซึ่งถือว่าเร็วมากๆ สำหรับรถสไตล์นี้ แต่สำหรับผมขอบอกเลยว่า Triumph Bonneville T100 ขี่ชิลๆ หล่อกว่าเยอะ!!!

 

     ถัดมาในด้านของสมรรถนะช่วงล่างโช้คอัพหน้าแบบคาร์ทริดจ์ ขนาด 41 มม. และโช้คอัพหลังคู่ปรับพรีโหลดได้ ในการขับขี่เราใช้การตั้งค่าพื้นฐานจากโรงงาน ซึ่งที่สัมผัสได้คือความนุ่มนวลในการซับแรงกระแทกเมื่อต้องเจอพื้นถนนที่ไม่ได้เรียบเสมอกัน ตัวโช้คอัพสามารถซับแรงสั่นสะเทือนได้อย่างไร้กังวล ส่วนบาลานซ์ของ T100 ช่วงล่างที่ถูกเซ็ทติ้งมาได้อย่างน่าประทับใจไม่มีอาการย้วยให้เห็นเมื่อต้องขับขี่ในโค้งด้วยความเร็ว ส่วนระบบเบรกคาลิปเปอร์เบรกหน้า Brembo แบบ 2 ลูกสูบ พร้อมดิสก์เบรกเดี่ยวนาด 310 มม. และคาลิปเปอร์เบรกหลัง Nissin สูบเดี่ยว พร้อมดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 255 มม. สามารถหยุดรถและชะลอพละกำลังของเครื่องยนต์ Hi - Torque ได้อย่างอยู่มือ และเมื่อต้องกำเบรกหนักๆ หรือเบรกกระทันหันระบบ ABS ก็ทำงานได้อย่างละเอียดไม่มีปัญหา

 

คาลิปเปอร์เบรกหน้า Brembo แบบ 2 ลูกสูบ

 

ท่อไอเสียสเตนเลสสตีลขัดเงาแบบปลายปากขวด

 

    ส่วนของฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ของ Triumph Bonneville T100 ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน เพียงแค่ขยับปลายนิ้วโป้ง สั่งงานผ่านปุ่มฟังก์ชั่นที่ด้านซ้ายมือ โดยสามารถเลือกการแสดงโหมดระยะทางรวม ทริป A-B นาฬิกา และการเปิด-ปิด Tracktion Control  (ต้องทำตอนจอดรถเท่านั้น) นอกจากนี้อีกหนึ่งจุดที่เราชอบมากๆ เลยก็คือ ท่อไอเสียสเตนเลสสตีลขัดเงาแบบปลายปากขวด ให้ฟีลลิ่งสุ้มเสียงที่ดีมากๆ ทำให้เพลิดเพลินและสนุกไปกับการขับขี่อยู่ไม่น้อย ซึ่งในรอบเดินเบาจะให้ความทุ้มและนุ่มนวล ตามแบบฉบับของผู้ดีอังกฤษ แต่เมื่อขับขี่ในรอบเครื่องสูงขึ้น จะสัมผัสกับสุ้มเสียงของคาแรคเตอร์อันดุดันที่แอบแฝงมาอยู่ในเครื่อง Hi - Torque ได้อย่างเต็มๆ 

 

ปุ่มฟังก์ชั่นใช้งานง่าย ขยับแค่ปลายนิ้ว

 

      และจากที่ได้ทดลองขับขี่ Bonneville T100 ต้องยอมรับเลยว่า Triumph เก็บรายละเอียดพาร์ทชิ้นส่วนต่างๆ ได้ประณีตและสวยงามมากๆ อีกทั้งสมรรถนะกับเทคโนโลยีอันทันสมัยที่ได้พัฒนาและถูกใส่เข้ามาอยู่ใน T100 จากที่เราได้สัมผัสมา บอกได้อย่างเต็มๆ ว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่มีฟังก์ชั่นใช้งานไม่ซับซ้อน และเป็นรถที่ขี่สนุก สามารถขับขี่และควบคุมง่ายมากๆ เหมาะทั้งไบค์เกอร์มือใหม่และมือเก๋า ที่กำลังมองหารถมอเตอร์ไซค์คลาสสิคคลาส 900 ซีซี. ที่สามารถขับขี่ได้ทั้งในเมืองและออกทริปเดินทางไกล… สำหรับในคลาสนี้ Triumph Bonneville T100 เป็นหนึ่งรุ่นที่แนะนำเพราะ คุ้มค่า...คุ้มราคา 469,000 บาท อย่างแน่นอน และหากใครสนใจก็สามารถสอบถามข้อมูลหรือติดต่อเพื่อทดลองขับขี่ได้ที่เว็บไซต์:  triumphmotorcycles.co.th  หรือเฟสบุ๊คเพจ:TriumphMotorcyclesThailand

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook