เขียนโดย: Thanathip

เมื่อ: 27 กรกฏาคม 2565 - 19:29

Royal Enfield Classic 350 ครบเครื่องสไตล์วินเทจ กับทริปพักใจใกล้ กรุงเทพฯ

 

     Royal Enfield Classic 350 รถจักรยานยนต์คลาสสิกเหนือกาลเวลาที่มีเสียงตอบรับอย่างท่วมท้น ถูกพัฒนามาเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ และเปรียบเสมือนผลงานความสำเร็จของเครื่องยนต์สูบเดี่ยว 350cc. ซึ่งต่อยอดมาจากรุ่นพี่อย่าง Meteor 350 และเอกลักษณ์การดีไซน์ที่สืบทอดมาจากรุ่น G2 ในยุคสมัยสงครามโลก และในครั้งนี้ Boxzaracing ได้นำ Royal Enfield Classic 350 มาขับขี่ท่องเที่ยวใกล้ๆ แบบ One Day Trip “กรุงเทพฯ - นครนายก” ทริปขับขี่ท่องเที่ยวบนเส้นทางสายธรรมชาติโดยมีจุดหมายอยู่ที่อ่างเก็บน้ำทรายทองและอ่างเก็บน้ำคลองโบด บนระยะทางไปกลับรวมกว่า 240 กม. จะเป็นยังไงตามไปชมกันได้เลย

 

DNA คลาสสิกเหนือกาลเวลาส่งต่อผ่านรหัส Classic 350

 

 

    การเดินทางในครั้งนี้ BoxzaRacing ได้นำ Royal Enfield Classic 350 มาขับขี่กันถึง 2 รุ่นด้วยกันคือ ตัวท็อปสี Chrome Bronze และรองท็อปสี Dark Stealth Black  ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้จะมีดีไซน์ที่เหมือนกันแต่จะต่างกันที่วงล้อโดยรุ่นสี Chrome Bronze จะมาพร้อมกับความโดดเด่นที่วงล้อแบบซี่ลวด ส่วนรุ่นสี Dark Stealth Black จะเป็นล้อแม็กสีดำแบบ 10 ก้าน ที่ดูดุดันและแข็งแกร่ง 

 

 

     ในด้านของรูปลักษณ์ของทั้ง 2 รุ่นสีนั้นมีดีไซน์โดดเด่นสะดุดตาไม่ว่าจะเป็นถังน้ำมันทรงหยดน้ำ ไฟหน้าทรงหมวก ตามสไตล์ของ Royal Enfield ที่สืบทอดกันมา นอกจากนี้ยังได้ผสานเทคโนโลยีเพิ่มความสะดวกสบายเข้ามาด้วยไม่ว่าจะเป็น หน้าปัดที่มีเข็มอนาล็อคและจอ LCD ที่บอกครบทุกฟังก์ชั่นเช่น ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง, ระยะทางรวม, นาฬิกา, ไฟสถานะ ECO (สถานะประหยัดน้ำมัน) และยังมีช่องเสียบสายชาร์จ USB ซ่อนไว้ใต้แฮนเดิลบาร์อีกด้วย

 

 

Classic 350 จัดท็อปสปีด มุ่งสู่จุดหมายแรก

 

 

     เริ่มต้นออกสตาร์ทจากกรุงเทพฯ เวลา 9 โมงเช้า โดยใช้เส้นทาง ปท.3035 มุ่งหน้าไป จ.นครนายก เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัดเพราะเป็นช่วงเวลาไพรม์ไทม์ และเส้นทางที่เลือกใช้นั้นทำให้เราเดินทางได้คล่องตัวพอสมควร แต่ก็ยังจอแจด้วย รถบรรทุก ทำให้เราต้องกดคันเร่งเพื่อแซงอยู่หลายครั้ง ซึ่งเอาจริงๆ แล้ว Royal Enfield Classic 350 สามารถทำหน้าที่ในการเดินทางได้เป็นอย่างดี เพราะมีหนึ่งจุดสำคัญที่ได้ถูกพัฒนาก็คือ เครื่องยนต์บล็อคใหม่ขนาด 350 ซีซี. 1 สูบ  4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยอากาศ และชุดเกียร์ 5 สปีด ทำให้ Classic 350 มีสมรรถนะพละกำลังที่ไหลลื่นและนุ่มนวล การกดคันเร่งทำความเร็วขึ้นแซงเป็นเรื่องเล็กๆ สำหรับรถคลาสสิกพิกัดขนาด 350 ซีซี. คันนี้ เพราะอัตราเร่งช่วงต้นและกลางทำได้ดีไม่ต้องรอรอบนานกับน้ำตัวรถ 195 กก. สามารถไหลทำความเร็ว 100 กม./ชม. ได้อย่างสบายๆ

 

 

     ส่วนท็อปสปีดสูงสุดที่ลองมาได้อยู่ที่ประมาณ 120 กม./ชม จัดว่าเป็นความเร็วที่สูงและกำลังดีสำหรับรถคลาสสิกขนาดกลาง ด้วยตำแหน่งท่านั่งและจุดวางเท้าอยู่ในตำแหน่งที่ทำให้ช่วงขานั้นกระชับเข้ากับถังน้ำมันได้อย่างลงตัว ช่วยให้การขับขี่เดินทางไปยัง อ่างเก็บน้ำทรายทอง ที่เป็นจุดหมายแรกได้อย่างสบายๆ ไม่มีเมื่อยล้า

 

อ่างเก็บน้ำทรายทอง - อ่างเก็บน้ำคลองโบด

 

 

      เราใช้เวลาเพียงไม่นานในการเดินทางจากจุดเริ่มต้นมาถึงยังจุดหมายแรกที่ อ่างเก็บน้ำทรายทอง ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำที่สามารถชมวิวได้ตลอดแนวสันเขื่อน และถูกรายล้อมด้วยวิวของทิวเขาที่สวยงาม กับบรรยากาศอันเงียบสงบให้เราได้พัก ชมวิว สูดอากาศบริสุทธิ์ กันอย่างเพลินๆ นอกจากนี้ยังมีเส้นทางลัดเลาะ ไปยังลานแคมป์ปิ้ง ริมน้ำได้อีกด้วย

 

 

      หลังจากที่ได้จอดพักสูดโอโซนธรรมชาติกันเต็มอิ่มแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องออกเดินทางพร้อมกับสายฝนที่เริ่มโปรยลงมาโดยมี “อ่างเก็บน้ำคลองโบด” เป็นจุดหมายปลายทางของทริป บนเส้นทางระหว่าง อ่างเก็บน้ำทรายทอง - อ่างเก็บคลองโบด เป็นเส้นทางคดเคี้ยว ขึ้นเขาลงเนินสลับกันไป บวกกับสภาพอากาศที่มีฝนตกลงมาให้เราได้ชุ่มฉ่ำ และเป็นอีกหนึ่งช่วงของการขับขี่ที่สัมผัสได้เมื่ออยู่บนอานของ Royal Enfield Classic 350 กับพื้นผิวถนนลาดยางดำที่ฉ่ำไปด้วยน้ำฝน ยางจากแบรนด์ CEAT ที่รัดอยู่ในวงล้อหน้าขนาด 19 นิ้ว และ หลัง 18 นิ้ว สมรรถนะเพียงพอต่อการใช้งานที่จะนำพารถคู่กายทะยานผ่านเส้นทางที่เปียกและลื่นไปได้อย่างสบายๆ ในส่วนของช่วงล่าง Classic 350 ทำงานได้น่าประทับใจโช้คอัพหน้า/หลัง ซับแรงกระแทกได้อย่างนุ่มนวลไม่มีอาการสั่นสะเทือนส่งมาถึงผู้ขับขี่ ด้วยบาลานซ์ของรถค่อนข้างต่ำส่งผลให้ตัวรถนิ่งหนึบเกาะติดถนนกับท่านั่งขับขี่ที่ขาหนีบเข้ากับถังน้ำมันทำให้พลิกเลี้ยวและผ่านเข้าโค้งไปได้อย่างชิลๆ ส่วนระบบเบรกเป็นดิสก์หน้า/หลัง จับด้วยคาลิเปอร์ BYBRE พร้อมระบบ ABS แบบ 2 ชาแนล ช่วยชะลอและหยุดรถได้อย่างมั่นใจ (ลองเบรกแรงๆ แล้วคาลิปเปอร์จับเบรกได้หนึบ และ ABS ก็ทำงานได้ละเอียดและนุ่มนวลไม่ดีดสู้จนเหวอ)

 

 

    ขับขี่มาได้เพียงไม่นานก็ถึงจุดหมายปลายทางของทริปนี้ อ่างเก็บคลองโบด เป็นอีกหนึ่งอ่างเก็บน้ำของ จ.นครนายก โดยมีถนนเหมือนกับอ่างเก็บน้ำทรายทองให้เราได้จอดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม และสูดกลิ่นไอธรรมชาติ ให้เราได้พักผ่อนหย่อนใจ ก่อนจะออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ ปิดทริปด้วยความประทับใจในความงามของธรรมชาติที่สร้างสรรค์มาให้เราได้อิ่มเอมไปพร้อมกับรสคลาสสิกของ Royal Enfield Classic 350

 

Royal Enfield Classic 350 ขี่สนุก ครบรสคลาสสิก 

 

 

     หลังจากที่ได้ใช้เวลาขับขี่บนระยะทางไปกลับรวมกว่า 240 กม. ต้องบอกเลยว่า Royal Enfield Classic 350 ทำเราประทับใจอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นรถคลาสสิกที่ควบคุมง่าย ขี่สนุก และเต็มอรรถรสของรถคลาสสิกด้วยสุ้มเครื่องยนต์ที่ผสานผ่านออกมาเป็นเอกลักษณ์ชัดเจนตามแบบฉบับของ Royal Enfield ตัวรถมีดีไซน์ที่ประณีตโดดเด่นและเป็นเสน่ห์โดยเฉพาะไฟหน้าทรงกลมกับเรือนไมล์แบบอนาลอคผสมดิจิตอล การขับขี่ในเมืองก็มีความคล่องตัวหรือจะขับขี่ออกทริปทางไกลก็ทำได้อย่างสบายๆ

     ในด้านสมรรถนะอัตราเร่งและความเร็ว Classic 350 ทำได้ดีในช่วงความเร็ว 80-100 กม./ชม และความเร็วสูงสุดสามารถไหลไปได้ถึง 120 กม./ชม. แต่ถ้าอยากให้เร็วกว่านี้แนะนำว่าให้เสริมชุดแต่งชิลด์บังลมดู แรงสั่นไหวของเครื่องยนต์สามารถรับรู้ได้บนแฮนด์แต่ก็ไม่สั่นจนปวดล้าฝ่ามือ เพราะมีเพลาบาลานซ์ (Balance Shaft) ที่ถูกพัฒนาออกมาไว้ในเครื่องยนต์บล็อคนี้ ส่วนของช่วงล่าง โช้คอัพหน้า-หลัง ซับแรงได้อย่างนุ่มนวลเมื่อเจอหลุมหรือทางขรุขระ ระบบเบรกหน้า-หลัง กับระบบ ABS แบบ 2 ชาแนลตอบสนองได้ดีหยุดรถได้อย่างมั่นใจ

 

 

      จากที่ได้ขับขี่ Royal Enfield Classic 350 จะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า Royal Enfield ได้ใส่ใจผู้ขับขี่และพัฒนารายละเอียดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสมรรถนะเครื่องยนต์ และพาร์ทงานประกอบชิ้นส่วนต่างๆ ที่ทำออกมาได้อย่างละเอียดและประณีต โดยรุ่นที่นำมาขับขี่ในทริปนี้คือรุ่น Dark series สี Dark Stealth Black ราคาอยู่ที่ 154,000 บาท และรุ่น Classic Chrome สี Chrome Bronze ราคาอยู่ที่ 155,000 บาท ส่วนในรุ่นอื่นๆ จะมีราคาเริ่มต้นที่ 139,900 บาท เห็นจากราคาเริ่มต้นวางจำหน่ายแล้วยอมรับเลยว่า Classic 350 เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจและคุ้มค่าไม่น้อยสำหรับผู้ทีชื่นชอบรถคลาสสิก และถ้าหากต้องการจะชมคันจริงหรือทดลองขับขี่ก็สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและค้นหาศูนย์ให้บริการใกล้บ้านได้ที่ www.royalenfield.com

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook