Royal Enfield เปิดประสบการณ์เดินทางให้กับลูกค้า Royal Enfield ในทริป CHASING METEORS แบบ One Night ซึ่ง BoxzaRacing เป็นหนึ่งในสื่อมวลชนที่ได้รับเชิญให้ร่วมเดินทางไปร่วมกิจกรรม Camping สัมผัสบรรยากาศธรรมชาติของเขาใหญ่ ที่เปี่ยมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงาม และเสพบรรยากาศการเดินทางสุดประทับใจ ภายใต้การดูแลความปลอดภัยภัยจากทีมงาม Royal Enfield ที่คอยดูแลตลอดทริป
สำหรับแพลนการเดินของทริปนี้มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ K2 Basecamp Khaoyai โดยมีจุดเริ่มต้นอยู่ที่อาคาร CW Tower ย่านรัชดา ซึ่งสองล้อที่เป็นพาหนะคู่ใจของผมในทริปนี้ก็คือ Royal Enfield Meteor 350 เป็นรถอีกหนึ่งรุ่นที่ผมอยากจะลองสัมผัสสักครั้ง และเป็นโอกาสที่ดีในทริปนี้ผมจะได้สัมผัสเจ้า Meteor 350 แบบเต็มๆ ในฟีลลิ่งของการออกทริปเดินทาง ซึ่งจะทำให้เราประทับใจได้ขนาดไหนตามไปชมกันได้เลย
ขับขี่สบายๆ สไตล์ครุยเซอร์
ในทริปนี้เราได้นัดรวมตัวกันตั้งแต่ 7 โมงเช้า บรรยากาศการรวมตัวค่อนข้างคึกคัก เหล่าผู้ร่วมทริปทยอยเดินทางกันมาที่จุดนัดหมายตามกำหนดการและเริ่มเคลื่อนขบวนออกเดินทางในช่วงเวลา 8 โมงเช้า โดยมีทีมมาร์แชลของ Royal Enfield เป็นผู้ดูแลความปลอดภัยเหล่าไบค์เกอร์ตลอดทริปนี้ หลังจากเคลื่อนขบวนออกมาได้เพียงไม่นาน ผมเริ่มทำความคุ้นชินกับการตัวรถซึ่งก่อนหน้านี้ได้เคยสัมผัสกับเจ้า Classic 350 มาแล้วครั้งหนึ่งแต่ในครั้งนี้เป็น Meteor 350 ทำให้เราต้องมาจัดท่านั่งกันใหม่ซึ่งตำแหน่งนั่งขับขี่และระยะของแฮนด์เดิ้ลบาร์ที่พอดีกับช่วงแขน ส่วนช่วงข้อศอกนั้นไม่งอเยอะจนเกินไปและไม่เอื้อมจนเกินไป ทำให้สามารถบังคับควบคุมรถได้อย่างไม่มีติดขัด ตำแหน่งจุดวางเท้าที่เยื้องไปด้านหน้าทั้งสองข้างให้ท่าขับขี่ที่สบายสไตล์รถครุยเซอร์
สำหรับ Royal Enfield Meteor 350 ที่ BoxzaRacing ได้ขับขี่เป็นตัวท็อปรุ่น “Supernova Blue” ที่มาพร้อมกับวินด์ชิลทรงสูง ถัดลงมาเป็นไฟหน้ากลมหลอดฮาโลเจนล้อมด้วยวงแหวนไฟ LED เดย์ไทม์รันนิ่งไลต์ ไฟท้ายเป็น LED ขณะที่ไฟเลี้ยวเป็นหลอดไส้ และยังมี USB ชาร์จ มาให้ด้วยใต้แฮนด์ฝั่งซ้าย เรือนไมล์ทรงกลมแบบดิจิตอลอนาล็อก ด้านข้างมีจอ LCD ที่เอาไว้ดูแมพแบบ “โค้งต่อโค้ง” เมื่อเชื่อมโทรศัพท์มือถือเข้ากับแอพ Royal Enfield Tripper
ส่วนเส้นการเดินทางในครั้งนี้เราได้เคลื่อนขบวนจาก ถ.รัชดาภิเษก มุ่งสู่ทางหลวงชนบท ปท. 3035 ด้วยความเร็วที่ไม่มากนักโดยประมานที่ 80 - 100 กม./ชม. ซึ่งเป็นความเร็วที่เหมาะสมกับรถครุยเซอร์เครื่องยนต์ขนาด 349cc. สูบเดี่ยว ระบายความร้อนด้วยอากาศ ให้พละกำลัง 20.2 แรงม้า ที่ 6,100 รอบ/นาที มีแรงบิดสูงสุดที่ 27 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ที่สำคัญเครื่องยนต์ที่ใช้นั้นเป็นเครื่องเดียวกันกับ Classic 350 ซึ่งมีเพลาบาลานซ์ (Balance Shaft) ช่วยให้แรงสั่นสะเทือนจากเครื่องที่ส่งออกมาน้อยลง ไม่ทำให้ปวดล้าฝ่ามือขณะขับขี่ ส่วนคันเร่งตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและนุ่มนวลตั้งแต่รอบต้นจนถึงรอบปลาย ให้ฟีลลิ่งการขับขี่อย่างเพลิดเพลิน ไม่ว่าจะเป็นสุ้มเสียงอันเป็นเอกลักษณ์และความเร็วที่ไม่หวือหวาจนเหนื่อยไปกับการขับขี่
@เขาใหญ่
การเดินทางในครั้งนี้เราใช้เวลาไม่นานจากกรุงเทพฯ จนถึง จ.นครนายก และมุ่งหน้าเข้าสู่ ถ.สุวรรณศรใหม่ โดยมีจุดหมายแรกที่ BIG MOUNT Bistro & Restaurant เป็นร้านอาหารไทยฟิวชั่นชื่อดังแถวเนินหอม ปราจีนบุรี บรรยกาศภายเป็นแนวโมเดิร์นสไตล์ลอฟท์ซึ่งเป็นจุดพักแรกให้เราได้หยุดพักกินข้าวและนั่งผ่อนคลาย ก่อนจะเตรียมตัวเคลื่อนขบวนมุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่สองอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
หลังจากที่ออกจากจุดพักแรกเพียงไม่นานขบวนของ Meteor 350 เคลื่อนเข้าสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ต้องบอกเลยว่าที่นี่ยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในแพลนอันดับต้นๆ ของเหล่าไบค์เกอร์ ด้วยเส้นทางสายธรรมชาติที่สวยงามและจุดท่องเที่ยวที่หลากหลายให้เราได้แวะถ่ายภาพเช็คอิน จึงปฎิเสธไม่ได้ว่าในวันหยุดหากอยากขี่รถเที่ยวใกล้ๆ เขาใหญ่ คือ สถานที่อันดับต้นๆ ที่ไบค์เกอร์นึกถึง ส่วนเส้นทางภายในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่นั้นก็ขับขี่ได้ไม่ยากสำหรับมือใหม่ สามารถขับขี่เสพบรรยากาศได้อย่างเต็มอรรถรสแน่นอน และที่สำคัญอย่าลืมว่าในทริปนี้มีทีมมาร์แชลระดับมืออาชีพของ Royal Enfield เป็นผู้ดูแลความปลอดภัยโดยจะขับขี่ปิดหัว-ท้ายขบวนเพราะงั้นขับขี่ได้อย่างอุ่นใจหายห่วง ถึงแม้เส้นทางที่สลับคดเคี้ยว Royal Enfield Meteor 350 สามารถขับขี่ได้อย่างสบายๆ ระบบกันสะเทือนหน้าแบบเทเลสโคปิค ขนาด 41 มม. ระยะยุบ 130 มม.โช้คอัพหลังแบบคู่ปรับพรีโหลดได้ 6 ระดับ การพลิกเลี้ยวซ้าย-ขวาตามโค้ง ช่วงล่างด้านหน้าและหลังได้รับการปรับเซ็ตมาอย่างเหมาะสมทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมไม่มีเสียอาการขณะเข้าโค้ง ส่วนระบบเบรกดิสก์เบรกหน้าขนาด 300 มม. และดิสก์เบรกด้านหลังขนาด 270 มม. พร้อมระบบเบรค ABS หน้า-หลัง แบบ Dual Channel ช่วยชะลอความเร็วและสามารถหยุดรถได้อย่างมั่นใจ
หลังจากที่แวะถ่ายภาพชมวิวและเสพบรรยากาศภายในเขาใหญ่เป็นที่เรียบร้อยก็ได้เคลื่อนขบวนไปยังจุดหมายปลายทางของทริปที่ K2 Basecamp Khaoyai ซึ่งเส้นทางลงฝั่ง อ.ปากช่อง นั้นจะมีช่วงสลับคดเคี้ยวและลาดชันมากกว่าทางขึ้นจาก จ.ปราจีนบุรี และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งโอกาสที่ให้เราได้ลองสมรรถนะเครื่องยนต์ Meteor 350 บอกเลยว่าพละกำลังที่ให้มานั้นมีให้ใช้แบบเหลือๆ เมื่อต้องเจอเนินหรือทางชันสามารถขับขี่ผ่านไปได้อย่างสบาย ส่วนการทำงาน Engine Brake ช่วยชะลอความเร็วขณะลงทางลาดได้เป็นอย่างดี
@ K2 Basecamp Khaoya
การเดินทางในครั้งนี้เราก็เดินทางมาถึง K2 Basecamp Khaoya อย่างปลอดภัย ซึ่งเราจะพักค้างคืนกันอยู่ที่นี่ เมื่อมาถึงแล้วบรรดาไบค์เกอร์ของทริปนี้ไม่รีรอต่างจับจองพื้นที่ไว้สำหรับพักผ่อน เนื่องด้วยสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปเมฆสีดำทะมึนกำลังเคลื่อนผ่านหุบเขามายังลานที่พัก ทำให้ต้องรีบกางเต็นท์กันอย่างรวดเร็ว ก่อนจะไปหลบฝนที่เทลงมาแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ และเป็นอีกช่วงเวลาที่ทำให้เหล่าผู้ร่วมทริปได้มีเวลาร่วมกันมากขึ้น เข้าสู่ช่วงไฮไลท์ยามเย็นตามสไตล์แคมป์ปิ้งสิ่งที่จะขาดไม่ได้นั่นก็คือ ปาร์ตี้บาร์บีคิว เหล่าผู้ร่วมทริปนั่งล้อมวงสังสรรค์กันอย่างสนุกสนานบรรยากาศบทสนทนาของชาวไบค์เกอร์ที่ห่างหายไปนานเนื่องด้วยสถานการณ์ โควิด-19 กลับครึ้กครื้นอีกครั้งในทริปนี้ พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็นเกี่ยวเรื่องราวของชาวสองล้อกันอย่างเพลิดเพลินจนเวลาล่วงเลยมาเกือบเที่ยงคืนถึงจะแยกย้ายไปพักผ่อน
หลังจากที่พักผ่อน ชาร์จแบตกันอย่างเต็มอิ่ม ในวันรุ่งขึ้นเหล่าไบค์เกอร์พร้อมเดินทางกลับปิดทริป CHASING METEORS ระยะเดินทางรวม 360 กม. และสิ่งที่ได้จากทริปนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของมิตรภาพที่ช่วยเติมเต็มความสุขทั้งผู้ให้และผู้รับตลอดการเดินทางในทริปนี้
Meteor 350 เดินทางชิลๆ สไตล์ครุยเซอร์ (แถมประหยัดน้ำมัน)
จากที่ขับขี่ Royal Enfield Meteor 350 มาระยะทาง 360 กม. เป็นรถมอเตอร์ไซค์ครุยเซอร์ขนาดกลางที่ทำให้ผู้ขับประทับใจอยู่ไม่น้อยเลย ซึ่งตัวรถนั้นสามารถใช้งานได้ทั้งในเมืองและออกทริปเดินทาง ท่านั่งขับขี่ที่ขาเหยียดไปข้างช่วยให้คลายความเมื่อยล้าได้เป็นอย่างดี ในรุ่นสี “Supernova Blue” มาพร้อมกับวินด์ชิดทรงสูงช่วยตัดแรงลมที่เข้ามาปะทะตัวผู้ขับขี่ช่วยให้ออกทริปเดินทางได้อย่างสบายยิ่งขึ้น ในด้านของสมรรถนะเครื่องยนต์พละกำลังที่ให้มาเพียงพอต่อการใช้งาน อัตราเร่งตอบสนองได้รวดเร็วและนุ่มนวลตั้งแต่รอบต้นจนถึงรอบปลาย ความเร็วที่ใช้ในการเดินทางอยู่ที่ 80 -100 กม./ชม. เดินทางไปกลับระยะ 360 กม. น้ำมันเต็มถัง (ถังนำมันขนาด 15 ลิตร) ยังเหลือๆ เฉลี่ยอัตรากินน้ำมันประมาณที่ 35 กม./ลิตร ส่วนดีไซน์ภายนอกงานประกอบพาร์ทชิ้นส่วนต่างๆ รวมทั้งงานสีทำได้อย่างปราณีตและมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นตามแบบฉบับของ Royal Enfield ที่เป็นผู้นำด้านรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลาง
สำหรับผู้ที่สนใจ Royal Enfield Meteor 350 นั้นมี 3 รุ่นให้เลือกคือ รุ่น Fireball ราคา 156,000 บาท รุ่น Stella ราคา 161,200 บาท และตัวท็อปรุ่น Supernova ราคา 165,800 บาท สามารถค้นหาศูนย์ให้บริการใกล้บ้านได้ที่ www.royalenfield.com สุดท้ายต้องขอขอบคุณ Royal Enfield ที่เชิญ BoxzaRacing ไปร่วมสนุกกับทริป CHASING METEORS