เขียนโดย: Piapiano

เมื่อ: 18 กุมภาพันธ์ 2563 - 09:43

Triumph เปิดตัว Bonneville T120 และ Bonneville T100 เวอร์ชั่นพิเศษ Bud Ekins จำนวนจำกัด

 

          Triumph เตรียมเปิดตัวรถจักรยานยนต์ 2 รุ่น Limited Edition Bonneville T120 และ Bonneville T100 Bud Ekins เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองชื่อและตำนานอันโดดเด่น โดยในช่วงปี 1960 ผู้มีชื่อเสียงในด้านรถจักรยานยนต์อย่าง Bud Ekins ผู้ซึ่งนอกจากจะเป็นทั้งสตันท์แมนระดับเทพของ Hollywood นักแข่งโมโตครอส และนักขี่ข้ามทะเลทราย ยังเป็นนักขี่ในฉากการขี่รถจักรยานยนต์เหินฟ้าที่น่าหวาดเสียว ซึ่งได้กลายเป็นฉากต้นแบบที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในประวัติศาสตร์ในภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่าง The Great Escape โดยเข้าแสดงแทนตัวละครเอก ซึ่งเป็นเพื่อนและคู่หูในการแข่งขัน ISDT ของเขาอย่าง Steve McQueen ซึ่งรถจักรยานยนต์สุดพิเศษและสวยงาม ทั้ง 2 รุ่นนี้ จะถ่ายทอดลักษณะเฉดสีของตัวรถที่มีความเป็นแคลิฟอร์เนียที่ทำขึ้นมาเฉพาะโดยได้รับแรงบันดาลใจจาก Bud Ekins รวมไปถึงนำเสนอรายละเอียดพิเศษและสัมผัสใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน

 

2 รุ่นสุดพิเศษ

- แต่ละรุ่นมาพร้อมกับ 2 โทนสี ที่มีการลงลายเส้นด้วยมือ และตราสัญลักษณ์ไทรอัมพ์แบบดั้งเดิมซึ่งถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกสำหรับการผลิตแบบเต็มรูปแบบสมัยใหม่ของไทรอัมพ์  

- ตราโลโก้ Flying globe ของ Bud Ekins ในสไตล์แคลิฟอร์เนียสุดโดดเด่นบนตัวถัง

- รายละเอียดการตกแต่งบังโคลนด้านหน้าโดยเฉพาะ มาพร้อมกับตราโลโก้ Flying globe ของ Bud Ekins ในสไตล์แคลิฟอร์เนีย

- โลโก้ โลโก้ Bonneville Bud Ekins สุดโดดเด่นบนแผงด้านข้าง

 

 

รายละเอียดเฉพาะและการตกแต่งที่ดีกว่าเดิม

- ฝาถังน้ำมันสไตล์ Monza

- ไฟเลี้ยว LED คุณลักษณะเฉพาะที่สูงกว่าเดิม

- ปลอกแฮนด์ลายเพชรและกระจกมองข้างติดปลายแฮนด์ 

- โลโก้บนเครื่องยนต์สีดำเฉพาะรุ่น

เอกสารรับรองสำหรับนักสะสม

- รถจักรยานยนต์แต่ละคันจะมีใบรับรองซึ่งรวม ไปถึงการระบุเรื่องราวเหลือเชื่อของ Bud Ekins ไว้ด้วย

- ใบรับรองดังกล่าวจะได้รับการลงนามโดย Nick Bloor ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Triumph และลูกสาวทั้งคู่ของ Bud Ekins คือ Susan Ekins และ Donna Ekins

 

ต้นแบบ Bonneville T120 และ Bonneville T100 ที่อยู่เหนือกาลเวลา

- รถจักรยานยนต์ทั้ง 2 รุ่น จะนำเสนอเทคโนโลยีที่เน้นผู้ขับขี่ขั้นสูง เพื่อการควบคุมรถ ความปลอดภัย และความมั่นใจของผู้ขับขี่

- ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกับเครื่องยนต์บอนเนวิลล์สูบคู่ แรงบิดสูง นำเสนอการส่งมอบแรงบิดสุดเร้าใจและขีดความสามารถที่ทันสมัย โดยในรุ่น T120 จะส่งต่อพละกำลังถึง 80 PS ในขณะที่รุ่น T100 จะส่งต่อพละกำลังที่ 55 PS

- โครงรถและชุดติดตั้งระบบกันการสั่นสะเทือนที่โดดเด่น เหมาะสำหรับการขับขี่ที่ราบรื่นและผ่อนคลายในทุกวัน หรือจะขับขี่ทั้งวัน ไม่ว่าจะขับขี่คนเดียว หรือมีเพื่อนร่วมทางก็ตาม

- รูปแบบดั้งเดิมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Bonneville รุ่นปี 1959 ที่เป็นตำนาน ที่มาพร้อมกับสไตล์ รายละเอียด และลักษณะที่โดดเด่น

          ด้วยแรงบันดาลใจจาก Bonneville T120 และ Bonneville T100 ต้นแบบเหนือกาลเวลา จึงได้มีการจัดทำรุ่นพิเศษอย่าง Bonneville T120 และ Bonneville T100 Bud Ekins ใหม่ขึ้น เพื่อแสดงความชื่นชมในความสำเร็จของ Bud Ekins ตำนานแห่งวงการรถจักรยานยนต์อย่างแท้จริง ที่เป็นทั้งสตันท์แมนระดับเทพ นักแข่งโมโตครอสและนักขี่ข้ามทะเลทรายชั้นแนวหน้าด้วย นอกจากนี้ Bud ยังเป็นผู้แทนจำหน่ายไทรอัมพ์ที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาในช่วงเวลานั้น โดยโชว์รูมตั้งอยู่ที่ Sherman Oaks ใน California ซึ่งเป็นที่ ๆ ที่ให้เขาได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทและเป็นคู่หูในการขี่รถจักรยานยนต์กับดาว Hollywood อย่าง Steve McQueen, Paul Newman และ Clint Eastwood

 

 

          เนื่องจากรถทั้ง 2 รุ่นนี้ เป็นรถจักรยานยนต์รุ่นพิเศษของไทรอัมพ์อย่างเป็นทางการ Bonneville T120 และ Bonneville T100 Bud Ekins แต่ละคัน จึงมาพร้อมใบรับรองที่มีรายละเอียดเรื่องราวสุดพิเศษอันน่าเหลือเชื่อของ Bud Ekins และได้รับการลงนามโดย Nick Bloor ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไทรอัมพ์ และลูกสาวทั้งคู่ของ Bud Ekins คือ Susan Ekins และ Donna Ekins

BUD EKINS – นักขี่ข้ามทะเลทราย นักขี่สตันท์แมน ตำนานแห่งวงการจักรยานยนต์ที่แท้จริง

          Bud Ekins เกิดที่ลอสแองเจลิสในปี 1930 โดยเรียนรู้การขี่รถบนเนินเขา Hollywood ใกล้บ้านเขา และฝึกฝนทักษะการขี่ทางวิบากตั้งแต่ก่อนที่เขาจะอายุถึงเกณฑ์สอบใบขับขี่ โชคดีที่แคลิฟอร์เนียนั้นมีสนามแข่งทางวิบากอยู่เป็นจำนวนมาก และตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นตอนปลาย เขาก็เริ่มสร้างชื่อเสียงในฐานะเป็นหนึ่งในนักแข่งโมโตครอสและนักขี่ข้ามทะเลทรายแนวหน้าของ SoCal

          ในตอนที่ Bill Johnson ผู้แทนจำหน่าย Triumph ในสหรัฐฯ ได้มอบรถ Triumph TR5 Trophy ให้กับ Ekins ซึ่งเขาใช้มันเอาชนะการแข่งขัน Catalina Grand Prix ด้วยเหตุนี้ Ekins ก็ได้ทราบดีว่า Triumph คือผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ที่ทั้งแข็งแกร่ง รวดเร็ว และน้ำหนักเบา มีความคล่องตัว การตอบสนอง และกำลังที่เขาต้องการอย่างครบครัน

          ความสำเร็จของ Ekins ในช่วงกลางยุค 50 เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับการปรากฏตัวของ Triumph ในฐานะผู้มีบทบาทสำคัญต่อวงการรถจักรยานยนต์ทั่วโลก โดยทั้งสองฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตัวเอง ในการสร้างนิยามใหม่ให้กับขีดความสามารถของรถจักรยานยนต์

 

 

             Edward Turner กรรมการผู้จัดการชื่อดังและหัวหน้าฝ่ายดีไซน์ของไทรอัมพ์ ยังคงพัฒนารถจักรยานยนต์เครื่องยนต์สูบคู่อันน่าทึ่งอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มระดับกำลัง ประสิทธิภาพ และความน่าไว้วางใจให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ Johnny Allen ทำลายสถิติโลกความเร็วภาคพื้นดินด้วยรถจักรยานยนต์ในปี 1955 และ 1956 โดยใช้เครื่องยนต์ที่ส่งตรงจากสายพานการผลิตโรงงาน Triumph ในขณะที่ Ekins ก็ตกลงเป็นพันธมิตรกับไทรอัมพ์ ซึ่งอยู่เคียงข้างเขาจนถึงวันที่เขาได้รับการยอมรับว่าเป็นนักแข่งทางวิบากระดับแนวหน้าของอเมริกา และเป็นผู้แทนจำหน่ายไทรอัมพ์ที่ได้รับการชื่นชม

          ในปี 1956 Ekins เข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 2 ในการแข่งขันทางวิบากระยะทาง 153 ไมล์ ในรายการ Californian Big Bear Motorcycle Run โดยที่นักขี่ที่ได้อันดับหนึ่ง สอง และสาม ต่างก็ขี่รถจักรยานยนต์ Triumph TR6 Trophy ทำให้ไทรอัมพ์กลายเป็นเจ้าแห่งแวดวงการแข่งขันอย่างแท้จริง โดยในตอนที่ Ekins ชนะการแข่งขันรายการเดิมนี้ในปีถัดไป ผู้เข้าเส้นชัย 20 จาก 25 อันดับแรก ต่างก็ใช้รถจักรยานยนต์ Triumph

 

 

ผู้แทนจำหน่ายชั้นนำในสหรัฐอเมริกา

          จากความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงศักยภาพอันเหลือล้น และความเหนือชั้นด้านสมรรถนะของรถจักรยานยนต์ Triumph ซึ่งเกิดจากกระแสความนิยมรถจักรยานยนต์สัญชาติอังกฤษที่มีความน่าไว้วางใจ น้ำหนักเบา และทรงพลัง รวมถึงความสำเร็จในการแข่งขันของ Ekins ส่งผลให้เขาตัดสินใจเป็นผู้แทนจำหน่ายไทรอัมพ์ใน North Hollywood  และที่แห่งนี้กลายเป็นแหล่งดึงดูดนักแสดงภาพยนตร์รุ่นใหม่ ซึ่งรวมถึง Paul Newman และ Clint Eastwood ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ Ekins ใช้ชีวิตและทุกลมหายใจอยู่ร่วมกับรถจักรยานยนต์ Triumph ซึ่งแน่นอนว่าทักษะการขายของเขานั้นมีโดยธรรมชาติ ส่งผลให้ธุรกิจของเขาประสบความสำเร็จในระดับที่เทียบเท่ากับความสำเร็จในการแข่งขันของเขาเลยก็ว่าได้

 

STEVE MCQUEEN

          หนึ่งในผู้คลั่งไคล้รถจักรยานยนต์ นั่นคือตำนานของ Hollywood อย่าง Steve McQueen  รถจักรยานยนต์คันโปรดในช่วงแรกของเขาได้แก่ TR5 Trophy ซึ่งได้รับการซ่อมบำรุงโดยโชว์รูมของ Ekins ส่งผลให้ทั้งคู่สนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว Ekins แนะนำให้ McQueen ได้รู้จักกับแวดวงการแข่งขันข้ามทะเลทรายแคลิฟอร์เนียอันร้อนระอุ ซึ่งส่งผลให้เจ้าตัวหลงใหลในการแข่งขันอย่างไม่เป็นทางการอันแสนเร้าใจนี้ เขาเริ่มใช้เวลาว่างทั้งหมดที่มีไปกับการเหินข้ามเนินทราย หรือไม่ก็ไปรวมตัวกับ Ekins และเพื่อนๆ นักขี่ของเขาเพื่อใช้เวลาร่วมกัน

          ถึงแม้ว่าการดูแลโชว์รูมไทรอัมพ์ให้ประสบความสำเร็จนั้นจะเป็นงานที่ยุ่งยาก แต่ Ekins ก็ยังคงลงแข่งขันอย่างต่อเนื่อง โดยเขาประสบความสำเร็จในการแข่งขันทางวิบากหลายรายการ อาทิ Hare and Hound, Mint 400 และ Baja 1000 (ซึ่งเขาเป็นผู้ร่วมจัดงานด้วย) ซึ่ง Steve McQueen มักจะไปลงแข่งเป็นเพื่อนเขาอยู่บ่อยๆ  เขาเรียนรู้ไวและเป็นนักขี่ความเร็วสูง และในตอนที่ Ekins เป็นนักขี่ที่ได้รับการยอมรับอย่างสูง และได้เป็นตัวแทนสหรัฐอเมริกาลงแข่งขันในงานใหญ่อย่าง International Six Days Trial ซึ่งถือเป็นการแข่งขันโอลิมปิกของวงการรถจักรยานยนต์ เขาก็ช่วยสนับสนุนให้ McQueen ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกในทีมแข่งของสหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันรายการ 1964 East German ISDT โดยทั้งคู่ต่างขี่ไทรอัมพ์ ซึ่ง Ekins ได้รับเหรียญทองจากการแข่งขันรายการ International Six Days Trials (ISDT) ถึงสี่ครั้งในระยะเวลาเพียงเจ็ดปี

The Great Escape

          ในฤดูใบไม้ร่วงปี 1962 Steve McQueen กำลังเตรียมตัวบินไปยุโรปเพื่อถ่ายทำภาพยนตร์ของปีถัดไป โดยภาพยนตร์ The Great Escape ได้กลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในปีนั้น โดย McQueen พบว่าจำเป็นต้องใช้สตันท์ที่เป็นนักขี่รถจักรยานยนต์ จึงแนะนำเพื่อนสนิทของเขากับเหล่าโปรดิวเซอร์ โดย Ekins ได้รับการว่าจ้างแบบเซ็นสัญญาสี่เดือน แต่ในการถ่ายทำจริงกลับใช้เวลาเพียงไม่นาน แต่ McQueen (พร้อมความช่วยเหลือจาก Ekins) ก็สามารถทำความเข้าใจและถ่ายทอดเรื่องราวอันน่าทึ่งของตัวละครของเขาออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

          ในภาพยนตร์ตัวละครของ McQueen คือร้อยเอก Virgil Hilts หลบหนีจากค่ายกักกันนักโทษสงคราม โดยขโมยรถจักรยานยนต์มาด้วยหนึ่งคัน และถูกไล่ล่าขณะหลบหนีผ่านทุ่งหญ้า Bavarian ที่แสนงดงาม เพื่อไปให้ถึงชายแดนประเทศสวิตเซอร์แลนด์  ในขณะที่ทหารฝ่ายศัตรูใกล้เข้ามา Hilts ต้องขี่รถจักรยานยนต์เหินฟ้าข้ามรั้วลวดหนาม เพื่อลงสู่ผืนดินของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่เป็นกลางทางสงครามให้ได้อย่างปลอดภัย

          ทั้งคู่ใช้การฝึกฝนและทดลองการเหินฟ้า โดย McQueen และ Ekins เลือกใช้ขีดความสามารถของรถจักรยานยนต์ทางวิบากคันโปรดของพวกเขา อย่าง Triumph TR6 Trophy เพื่อสร้างฉากการเหินฟ้าที่เร้าใจถึงขีดสุด  พวกเขาคำนวณว่าจะต้องทำความเร็วให้ถึง 80 Mph จึงจะสามารถเหินฟ้าพ้นรั้วลวดหนามสูงสิบสองฟุต และลงจอดบนพื้นลาดชันที่อยู่ห่างออกไป 60 ฟุต ได้สำเร็จ  โดยสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นบนพื้นหญ้า แม้ว่าเขาจะไม่พอใจ แต่ McQueen ก็ถูกตัวแทนประกันภัยของภาพยนตร์เรื่องนี้ห้ามไม่ให้เล่นฉากนี้ด้วยตัวเอง ดังนั้น Ekins จึงต้องเป็นผู้แสดงแทน

          การเหินฟ้าครั้งนี้ ยังคงเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่โดดเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ Hollywood ในปี 1962 โดยรถจักรยานยนต์ Triumph TR6 Trophy มีความเร็วรอบเครื่องยนต์สูงสุดอยู่ที่ 6,000 rpm และมีกำลังประมาณ 42 bhp แต่การตอบสนองของเครื่องยนต์ไทรอัมพ์อันทรงพลัง และแรงบิดสูบคู่ที่มหาศาล ทำให้รถรุ่นนี้เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของ McQueen และ Ekins ซึ่งเขาประสบความสำเร็จในการเหินฟ้า ตามที่ทุกคนได้ชมจากในภาพยนตร์ซึ่งกำลังฉายอยู่ที่ Triumph Motorcycles’ Factory Visitor Experience ใน Hinckley ซึ่งไม่คิดค่าเข้าชมแต่อย่างใด

 

 

นักขี่สตันท์จากฮอลลีวูด

          ความสำเร็จจากการแข่งขันและมิตรภาพของ Ekins ช่วยมอบโอกาสทางอาชีพการงานครั้งใหม่ให้กับเขา ในขณะที่ ‘การเหินฟ้าครั้งนั้น’ ได้รับการยอมรับในวงกว้างว่า เป็นงานสตันท์รถจักรยานยนต์ที่โด่งดังที่สุดเท่าที่เคยมีมาในวงการภาพยนตร์ บทบาทของ Ekins ในฐานะนักขี่สตันท์ จึงเป็นที่ต้องการมากขึ้น ในฐานะหนึ่งในสตันท์ที่เก่งที่สุดใน Hollywood เขาทำหน้าที่เป็นสตันท์ในวงการภาพยนตร์ต่อไปถึง 30 ปี สลับกับการดูแลธุรกิจผู้แทนจำหน่ายของเขาควบคู่กันไป

 

BONNEVILLE T120

เครื่องยนต์แรงบิดสูงขนาด 1200 ซีซี.

          ลักษณะดั้งเดิมของ Bonneville T120 มีความโดดเด่นด้วยเครื่องยนต์แรงบิดสูง 8 วาล์ว ขนาด 1200 ซีซี. ติดตั้งกับเครื่องยนต์บอนเนวิลล์สูบคู่

          ด้วยการสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อให้เหมาะกับสไตล์การขับขี่แบบคลาสสิคสมัยใหม่ และส่งต่อแรงบิดสุดเร้าใจได้อย่างทันท่วงที เครื่องยนต์จึงให้แรงบิดสูงสุดได้ที่ 105 นิวตันเมตรที่ 3,100 รอบต่อนาที ซึ่งมากกว่ารุ่น Bonneville T100 ที่มีระบบการทำความเย็นด้วยอากาศถึง 54%

          เพื่อให้เกิดความแม่นยำในการระบุตำแหน่ง และการตอบสนองของเรือนปีกผีเสื้ออย่างคงที่ของระบบการจัดการเครื่องยนต์ และระบบการฉีดเชื้อเพลิงด้วยคันเร่งไฟฟ้าของ เครื่องยนต์บอนเนวิลล์ ขนาด 1200 ซีซี. ความเร็ว 6 ระดับ จึงถูกออกแบบทางวิศวกรรมให้มีเสน่ห์ดึงดูดใจ และมีช่วงจุดระเบิดเยื้อง 270 องศา เพื่อส่งกำลังได้โดยตรงและมีลักษณะเฉพาะ

          ลักษณะของเครื่องยนต์ถูกตกแต่งออกมาอย่างสวยงาม ผสมผสานกับความเป็นมรดกตกทอดจากรถรุ่น Bonneville ในยุค 60 อันเป็นตำนาน และองค์ประกอบร่วมสมัยเพื่อรักษาเอกลักษณ์ของเครื่องยนต์ที่โดดเด่นเอาไว้

          ระบบการทำความเย็นด้วยของเหลวสุดทันสมัย และการตกแต่งภายนอกอย่างมีสไตล์ของเครื่องยนต์ขนาด 1200 ซีซีใ ถูกผสานเข้าด้วยกันอย่างรอบคอบ เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิด ในขณะเดียวกันก็ปล่อยควันที่สะอาดมากขึ้นกว่าเดิม และมีประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงดีขึ้นกว่ารถรุ่นก่อนถึง 13% ซึ่งรอบเช็คระยะครั้งแรกอยู่ที่ 16,000 กม. (10,000 ไมล์)

          ท้ายที่สุด ท่อไอเสียแบบ Peashooter ที่สวยสง่างาม ทอดยาวในแนวตรง พร้อมด้วยการออกแบบท่อสองชั้นอย่างชาญฉลาดที่สามารถซ่อนกล่อง CAT Box ไว้ได้อย่างแนบเนียน โดยจะให้เสียงที่แท้จริงของเครื่องยนต์สูบคู่สไตล์อังกฤษและเสียงของท่อไอเสียที่เข้มข้นทรงพลัง เข้ากันกับคุณลักษณะของ T120 อย่างที่คุณคาดหวังไว้อย่างแน่นอน

 

 

ขีดความสามารถที่ทันสมัย

                Bonneville T120 Bud Ekins รุ่นพิเศษนี้ มีขีดความสามารถมาตรฐานระดับสูงเช่นเดียวกับ T120 มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่เน้นผู้ขับขี่ ช่วยทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างไร้ที่ติ ขับขี่ด้วยความมั่นใจ และปลอดภัย เพื่อรักษาลักษณะและสไตล์ความเป็น Bonneville ของแท้ให้คงเดิม

โดยรายละเอียดจะรวมถึง

คันเร่งไฟฟ้า Ride-by-wire...ส่งมอบความสามารถในการขับขี่ ความรู้สึก ความปลอดภัย และการควบคุมรถที่ดีขึ้นจากการตอบสนองของเรือนปีกผีเสื้อเดี่ยว

ระบบเบรก ABS...ระบบเบรกป้องกันล้อล็อกของไทรอัมพ์รุ่นล่าสุด ช่วยให้เกิดความปลอดภัย และการควบคุมรถได้เป็นอย่างดีไปอีกขั้น ไม่รบกวนการขับขี่

ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนแบบเปิด-ปิดได้...ระบบการควบคุมการยึดเกาะถนน สามารถปรับเปลี่ยนได้ผ่านเมนูในอุปกรณ์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสบายให้แก่ผู้ขับขี่มากที่สุด          คลัตช์ผ่อนแรง...ถูกออกแบบมาเพื่อลดแรงของผู้ขับขี่ที่ใช้ในการบีบคลัตช์ช่วยให้สัมผัสที่เบาขึ้น และรู้สึกขับขี่ได้ง่ายขึ้น ยาวนานขึ้น

ไฟท้าย LED...ติดตั้งมากับส่วนท้ายรถได้อย่างคลาสสิค มีรูปแบบไฟท้ายที่โดดเด่นและประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดีขึ้น และมองเห็นได้อย่างดีเยี่ยม

ระบบป้องกันการโจรกรรมเครื่องยนต์...ระบบป้องกันการโจรกรรมที่ได้รับการรับรองโดย Thatcham ผสานกับกุญแจที่มีตราโลโก้ของไทรอัมพ์สุดโดดเด่น

ช่องชาร์จไฟผ่านพอร์ท USB...ช่องชาร์จไฟผ่านพอร์ท USB ภายใต้เบาะนั่งไว้สำหรับชาร์จอุปกรณ์ที่จำเป็น

เรือนไมล์แบบหน้าปัดคู่...เชื่อมต่ออย่างชาญฉลาด เข้ากับระบบเมนูดิจิทัล เข้าถึงได้เพียงปลายนิ้วมือในขณะขับรถ โดยมาพร้อมกับ

- ไฟบอกตำแหน่งเกียร์

- บอกการวัดระยะทาง

- การตั้งค่าเส้นทางการขับขี่ 2 แบบ

- ไฟบอกสถานะการทำงาน

- ไฟเตือนระดับน้ำมัน

-ไฟบอกระดับน้ำมัน

- อัตราการใช้น้ำมันเฉลี่ย และในปัจจุบัน

- นาฬิกาบอกเวลา

- การตั้งค่าระบบการควบคุมการยึดเกาะถนน

พร้อมด้วยอุปกรณ์เสริมที่มีมากมายซึ่งรวมถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) และปลอกแฮนด์ปรับความร้อนด้วย

 

 

การเข้าถึงที่ดีเยี่ยม

          หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของ T100 คือ โครงรถและการติดตั้งระบบกันการสั่นสะเทือนที่ถูกออกแบบมาให้มีระดับความสูงของที่นั่งที่ต่ำ เพื่อการขับขีที่สบายของผู้ขับขี่ ทำให้ได้รับประสบการณ์การขับขี่ในภาพรวมที่ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไกล การเดินทางในทุกวัน หรือการมีผู้โดยสารก็ตาม

          T100 นำเสนอระบบกันการสั่นสะเทือนที่ยาวกว่าเดิมสุดโดดเด่น รวมไปถึงโช้คหน้าซึ่งทำงานร่วมกัน เพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่อย่างมีส่วนร่วมและง่ายดายให้แก่ผู้ขับขี่อีกด้วย

          T100 มีน้ำหนักเบากว่า T120 และมีระยะห่างฐานล้อ มุม Rake และรางยึดที่น้อยกว่ารุ่น T100 รุ่นก่อนหน้านี้ ลักษณะต่าง ๆ เหล่านี้ถูกนำมารวมเข้ากับความสูงของที่นั่งที่ไม่สูงมาก และตำแหน่งการขับขี่ที่ผ่อนคลาย ทำให้เป็นรถที่เข้าถึงได้ง่าย และขับขี่ได้ง่ายที่สุดเท่าที่ผู้ขับขี่ทุกคนเคยขี่มา

          เพื่อช่วยเสริมการควบคุมรถที่ก้าวไปอีกขั้นของ T100 รถจักรยานยนต์รุ่นนี้จึงมาพร้อมชุดมาตรฐานยางรถ Pirelli Phantom Sportscomp ซึ่งได้รับการพัฒนามา สำหรับรถตระกูล Bonneville มาพร้อมกับความสามารถในการยึดเกาะถนนและการเปลี่ยนแปลงโปรไฟล์ลายดอกของยางหน้า ดอกยางหลังที่ลึกกว่าเดิมเพื่อการควบคุมรถที่ปลอดภัย และความทนทานที่ดีขึ้น

 

สไตล์ที่ได้รับแรงบันดาลใจ

          Bonneville T100 ใหม่นี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Bonneville ปี 1959 ในตำนาน ผสานเข้ากับสไตล์ที่มีการออกแบบให้โดดเด่นมากกว่าเดิม T100 จึงเป็นรถที่มีลักษณะโดดเด่นเป็นของตัวเอง เสริมแต่งด้วยอุปกรณ์ตกแต่งสุดพรีเมี่ยม และสัมผัสแห่งเอกลักษณ์แห่งวงการจักรยานยนต์อย่างแท้จริง

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook