เขียนโดย: Pajingo

เมื่อ: 30 ตุลาคม 2562 - 10:13

เก็บภาษีบิ๊กไบค์เพิ่มคันละ 100,000 บาท กับความจริงที่ต้องรู้ ศึกษาไว้ไม่ตกเป็นเหยื่อ

 

            เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันในวงกว้างทีเดียว กับกระแสล่าสุดที่ กรมสรรพสามิต ออกมาเผยว่า เตรียมเก็บภาษีสรรพสามิตรถจักรยานยนต์รูปแบบใหม่ จากเดิมเก็บตามขนาดเครื่องยนต์ มาเป็นตามการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) โดยภาษีใหม่จะเริ่มเก็บกับรถที่นำออกจากโรงงานหรือนำเข้ามาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 โดยสำหรับอัตราภาษีรถจักรยานยนต์ใหม่ จะทำให้รถจักรยานยนต์ขนาดไม่เกิน 150 ซีซี. ที่มีอัตราส่วนการใช้งาน 90% ของการใช้รถจักรยานยนต์ในประเทศทั้งหมด มีภาษีเพิ่มขึ้นคันละกว่า 100 บาท เท่านั้น เพราะจากเดิมเสียภาษีในอัตรา 2.5% มาเสียภาษี 3% ของราคาขายปลีกหรือราคานำเข้า

 

1,800 ซีซี. แบบนี้...เสียภาษีกี่บาท ?

 

             ขณะที่รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ หรือ บิ๊กไบค์ ที่มีเครื่องยนต์ตั้งแต่ 1,000 ซีซี. ขึ้นไป จะต้องเสียภาษีเพิ่มคันละประมาณ 1 แสนบาท เนื่องจากกินน้ำมันสูงและมีการปล่อย CO2 มาก ทำให้ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น "บิ๊กไบค์ที่เสียภาษีเพิ่มในอัตราสูง ส่วนใหญ่เป็นรถของผู้มีรายได้ เพราะมีราคาคันละกว่า 1 ล้านบาท อยู่แล้ว ซึ่งบิ๊กไบค์ในประเทศไทยได้รับความนิยมมากขึ้น มีสัดส่วนประมาณ 2-3% ของมอเตอร์ไซค์ทั้งหมดเท่านั้น" โดยอัตราภาษีรถจักรยานยนต์ประกอบด้วย 3%, 5%, 9% และ 18% ตามการปล่อย CO2 โดยหากผู้ประกอบการไม่มีการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีให้มีการปล่อย CO2 ลดลง จะทำให้กรมสรรพสามิตเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นปี 500-700 ล้านบาท

บิ๊กไบค์ที่จะจำหน่ายในปี 2020 ต้องผ่านมาตรฐานไอเสียในระดับ Euro 5

 

             แต่ในความเป็นจริงแล้ว สำหรับรถบิ๊กไบค์ที่ทำออกมาเพื่อจำหน่ายตั้งแต่ ปี 2563 เป็นต้นไป แทบจะทั้งหมดนั้น มีการปรับสเปคเพื่อให้ผ่านค่าตามมาตรฐานไอเสียในระดับ Euro 5 ซึ่งส่งผลให้ค่าการปล่อย  CO2 อยู่ในระดับที่ลดลงอย่างชัดเจน ดังนั้น รถบิ๊กไบค์ที่ผลิตออกมาเพื่อจำหน่ายในปี พ.ศ. 2563 หรือ ค.ศ. 2020 เป็นต้นไป แทบไม่กระทบกับอัตราการเรียกเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้นตามที่เป็นข่าว แถมบางรุ่น ยังอาจเสียภาษีในอัตราที่ต่ำลงด้วย โดยอัตราโครงสร้างภาษีสรรพสามิตมอเตอร์ไซค์ใหม่ มีดังนี้

 

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook