Honda CB1100 RS
สำหรับท่านที่ชื่นชอบการขี่มอเตอร์ไซค์เป็นชีวิตจิตใจ เชื่อได้เลยว่า แต่ละท่านล้วนมีจุดมุ่งหมายในการขับขี่ที่แตกต่างกันออกไป บ้างก็ชื่นชอบในสมรรถนะของตัวรถ บ้างก็ชอบในเรื่องของภาพลักษณ์และความสะดวกสบาย และแน่นอนว่า มีบางท่านที่ชอบในกลิ่นอายของตำนานมอเตอร์ไซค์ในตระกูลที่อยู่คู่กับวงการมาอย่างยาวนานด้วยเช่นกัน
Honda BigBike Riding Passion Year 2 ในคอนเซ็ปท์ “มี Passion มันส์ต้อง…สักครั้ง”
ในช่วงนี้ผมได้เขียนรีวิวมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้อยู่ เป็นช่วงที่ทาง Honda เปิดโอกาสให้ลูกค้า ผู้ชื่นชอบการขับขี่สองล้อ ได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่มีเงินก็ไม่อาจซื้อได้ ภายใต้แคมเปญ Honda BigBike Riding Passion Year 2 ในคอนเซ็ปท์ “มี Passion มันส์ต้อง…สักครั้ง” ซึ่งแคมเปญนี้ จะคัดเลือกลูกค้าของ Honda ทุกรูปแบบ ที่ร่วมสนุกผ่านทางแฟนเพจ เพื่อรับสิทธิร่วมขี่มอเตอร์ไซค์ระดับตำนานในต่างแดน โดยในทริปแรก คือ Japan Passion กับการขี่ Honda CB1100 RS (ฮอนด้า ซีบี 1100 อารืเอส) ที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมชมและเชียร์การแข่งขัน MotoGP แบบติดขอบสนาม Twin Ring Motegi พร้อมเข้าชม Honda Collection Hall ซึ่งสารภาพตามตรงเลยว่า ผมอดอิจฉาผู้โชคดีที่มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ไม่ได้เลยทีเดียว นั่นจึงเป็นที่มาของการหยิบยืมเจ้า Honda CB1100 RS มาสัมผัสกลิ่นอายความเป็นมอเตอร์ไซค์ระดับตำนาน พร้อมรีวิวให้ทุกท่านได้ชมกันในครั้งนี้
Honda CB750 ปี 1969
ว่ากันตามตรงแล้ว มอเตอร์ไซค์ในตระกูล CB ของค่ายฮอนด้านั้น ถือเป็นสองล้อที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 50 ปี หลังจากที่ทางค่ายได้ให้กำเนิด Honda CB750 ในปี 1969 ซึ่งตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน มอเตอร์ไซค์ตระกูล CB ยังคงได้รับการถ่ายทอดเอกลักษณ์ในยุคดั้งเดิม ผสานเทคโนโลยีในการขับขี่สมัยใหม่ ที่หลอมรวมเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งถือเป็นคาแร็กเตอร์อันเด่นชัดของตระกูล ที่แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ตำนานความเป็น CB จะยังคงก้าวข้ามผ่านกาลเวลา และเฉิดฉายในโลกของสองล้อต่อไปตราบนานเท่านาน
Honda CB1100 RS ถือเป็นรุ่นล่าสุดของตระกูล CB ที่ทางค่าย Honda ส่งออกมาจำหน่ายตั้งแต่ในช่วงปลายปี 2017 ซึ่งเป็นหนึ่งในรถที่ได้การยอมรับจากนักเล่นในวงกว้าง ด้วยเอกลักษณ์ที่มีความโดดเด่นเหนือกาลเวลา บวกกับลูกเล่นยุคใหม่ที่แอบใส่เข้าไปช่วยเติมสมรรถนะในการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น โดยไม่เสียสมดุลย์ในความเป็นคลาสสิคสไตล์ญี่ปุ่นพันธุ์แท้ ด้วยขนาดตัวรถที่สื่อถึงมาดที่ดูภูมิฐาน ขนาด กว้าง X ยาว X สูง เท่ากับ 800 x 2,180 x 1,100 มม. มีน้ำหนัก 252 กก.
ข้อดีของระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ คือ ความร้อนกระจาย ไม่กระจุกอยู่ที่ขาผู้ขับขี่
Honda CB1100 RS ยังคงใช้ขุมพลังรหัส SC65E ในรูปแบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC พิกัด 1,140 ซีซี. ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก ที่ 73.5 x 67.2 มม. ระบายความร้อนด้วยอากาศพร้อม Oil Cooler อัตราส่วนกำลังอัด 9.5 : 1 จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด ให้กำลังขับเคลื่อน 90 แรงม้า ที่ 7,500 รอบ/นาที พร้อมแรงบิด 91 นิวตัน-เมตร 5,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ทำงานร่วมกับคลัทช์เปียกหลายแผ่นซ้อน
เบรกหน้าคู่ 4 POT เรเดียลเม้าท์ ไว้เนื้อเชื่อใจได้ทีเดียว
โช้กอัพคู่พร้อมวับแทงค์จาก Showa นุ่มนวลสำหรับการขับขี่ทั่วไป มั่นใจได้ในความเร็วเดินทาง
ด้านช่วงล่างของ Honda CB1100 RS ออกแบบมาเพื่อให้รองรับการขับขี่ในแนวสปอร์ตเบาๆ ให้สมกับคาแร็กเตอร์ของรหัส RS โดยโช้กหน้ามาในแบบเทเลสโคปิค ยึดอยู่กับชุดคาลิเปอร์หน้าจาก Tokico แบบเรเดียลเม้าท์ ส่วนด้านหลังมาพร้อมโช้กคู่จาก Showa พร้อมซับแทงค์ และมีดิสค์เบรกลุกสูบเดี่ยวจาก Nissin เป็นตัวช่วยชะลอความเร็ว ด้านยางที่ติดมากับรถเป็นขนาด 120/70 ZR17 และ 180/55 ZR17 ตามลำดับ
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Honda CB1100 RS เป็นตัวช่วยเสริมให้องค์ประกอบของภาพนี้ดูดีขึ้นมาก
ไม่พูดพล่ามทำเพลงกันมาก สวยๆ แบบนี้...พี่ขอขี่ให้หนำใจเลยล่ะกันนะน้อง ! ขึ้นคร่อมตัวรถ Honda CB1100 RS ให้ความรู้สึกที่มั่นใจพอตัว ด้วยความสูงของเบาะที่เป็นมิตรเพียง 795 มม. ช่วยให้นักขี่ทุกระดับ สามารถประคองได้อย่างมั่นใจ แม้จะมีน้ำหนักที่ค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าไม่ได้ลงไปเดินเข็น หรือจับขึ้นขาตั้งคู่ แทบไม่รู้สึกว่าน้ำหนักตัวนั้นเป็นปัญหา ด้านท่านั่งออกแบบมาให้โน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย เพื่อให้เข้าถึงความเป็นสปอร์ต แต่ไม่ได้ก้มจนเกินไปให้รู้สึกเมื่อยล้าเมื่อต้องขี่ทางไกล เช่นเดียวกับจุดวางเท้าที่มีความเหมาะสม ไม่เยื้องหน้า - หลัง หรืองอมากเกินไป ซึ่งส่งผลต่อท่าทางในการหนีบถังให้มีความมั่นคงมากขึ้นด้วย
สัมผัสแรกในการบีบคลัทช์ ตบเกียร์ ทำได้อย่างนุ่มนวลด้วยการใช้คลัทช์ในรูปแบบไฮดรอลิคส์ (คลัทช์น้ำมัน) ให้ฟีลลิ่งสมกับความเป็นรุ่นใหญ่ การเดินคันเร่งออกตัวถือว่าทำได้ง่าย ด้วยความที่มาพร้อมเครื่องยนต์บิ๊กไซส์ ที่มีความโดดเด่นในเรื่องแรงบิดรอบต่อ ทำให้การออกตัว หรือขับขี่ในเมืองที่ต้องเร่งๆ หยุดๆ บ่อยครั้งทำได้ง่ายแทบไม่ต้องเบิ้ลคันเร่ง เครื่องยนต์ตอบสนองได้อย่างสมูทในสไตล์ 4 สูบ พร้อมสุ้มเสียงดุดันแบบสุภาพชนชวนฟังยิ่งนัก ขับชิลล์ๆ เปลี่ยนเกียร์ที่ 3 - 4,000 รอบ/นาที บอกเลยว่า...อย่างฟิน ! และด้วยคุณสมบัติอย่างหนึ่งของเครื่องยนต์ที่มาในรูปแบบ Air Cool สิ่งที่ผมชอบก็คือ การที่ความร้อนไม่ถูกระบาย (ด้วยการดูดของพัดลม) มาปะทะกับตัวผู้ขับขี่โดยตรง ช่วยลดความร้อนในขณะขับขี่ในที่ที่การจราจรแออัด แถมเวลาขี่ไกลๆ ในหน้าหนาว ยังรู้สึกถึงไออุ่นที่เติมสัมผัสที่ดีในการเดินทางออกทริปอีกด้วย ยิ่งเมื่อรวมกับการออกแบบองศาคอและโช้กที่ค่อนข้างชัน ทำให้การเลี้ยว หรือซอกแซกในเมือง มุดซ้าย มุดขวา ไม่สร้างปัญหาให้กับผู้ขับขี่ แต่ก็อาจจะต้องแลกมาด้วยการการหน้าไวในการขับขี่ที่ย่านความเร็วสูงขึ้น ซึ่งเรื่องสภาพของยางที่ผ่านการใช้งานมาในระดับหนึ่งแล้ว (ตอนรับรถมา เลขไมล์อยู่ที่ประมาณ 11,000 กม. แล้ว) ก็น่าจะมีผลต่อเรื่องของสมรรถนะในการขับขี่ตรงจุดนี้ด้วย
การขับขี่ทางไกลของ Honda CB1100 RS ถือว่าทำได้ดีพอตัว หากตัดเรื่องของลมที่ปะทะตัวอันเป็นเรื่องปกติของรถในสไตล์เนคเก็ตไบค์ออกไป สามารถออกทริปกับใครที่ไหนก็ได้แบบไม่ต้องขัดเขิน แน่นอนว่าเรื่องของพละกำลังนั้นไม่ใช่ปัญหา อาจไม่ได้จัดจ้านเหมือนรถในสไตล์โมเดิร์น แต่ก็จัดว่าเร้าใจพอตัว โดยเฉพาะในเรื่องของแรงบิดที่มีให้ใช้ในช่วงกว้าง ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์ขึ้น-ลงบ่อยๆ จากความเร็ว 60 - 160 กม./ชม. เกียร์เดียวเที่ยวทั่วไทยแบบไร้ปัญหา ใช้รอบไม่สูงมาก ด้วยแรงบิดที่เหลือเฟือ วิ่งความเร็ว 100 กม./ชม. ที่เกียร์ 6 ใช้รอบเครื่องยนต์เพียง 2,800 รอบ/นาที เท่านั้น แน่นอนว่าส่งผลโดยตรงในเรื่องของอัตราการบริโภคเชื้อเพลิง โดยจุดที่ลงตัวที่สุดสำหรับการเดินทางออกทริปของ Honda CB1100 RS คันนี้ น่าจะอยู่ในช่วง 120-130 กม./ชม. ในรอบเครื่องยนต์ราว 3,500 รอบ/นาที ซึ่งการปลดปล่อยกำลังทำได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด (ในด้านความรู้สึก) แม้แรงบิดช่วงพีคจะอยู่ที่ 5,500 รอบ/นาที ก็เถอะ เพราะหากลากรอบสูงกว่านี้ อาจมีการการสั่นของเครื่องยนต์ลามมาที่มืออยู่บ้าง แต่ไม่ถึงกับทำให้มือชาแต่อย่างใด ส่วนเรื่องระบบเบรกนั่น ข้อสังเกตหนึ่งที่ผมรู้สึกได้ก็คือ ในภาพรวมของระบบเบรกนั้น ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีมาก เบรกหนึบ หยุดได้นุ่มนวล แต่...ผู้ขับขี่อาจต้องสร้างความคุ้นเคยกับฟีลลิ่งของการเบรกของ Honda CB1100 RS สักเล็กน้อย คือ สัมผัสแรกของการเบรกนั้น อาจมีอาการไหลประมาณ 0.5 วินาที หลังจากนั้นจะรู้สึกถึงการดูดจากชุดเบรก ซึ่งสำหรับท่านที่สัมผัสเป็นครั้งแรกอาจจะเกิดความรู้สึกเหวอๆ ไปบ้าง (ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องค่าความหนืดของน้ำมันเบรกที่เน้นเรื่องความนุ่มนวลในการขับขี่เป็นสำคัญหรือเปล่า) แต่เมื่อทำความคุ้นเคยไปสักพัก เข้าใจถึงจังหวะการทำงานของระบบ ความมั่นใจของท่านจะกลับมาในทันที และถือเป็นชุดเบรกที่ให้ประสิทธิภาพในระดับที่น่าประทับใจเลยทีเดียว
ใช้รอบไม่เกิน 3 - 4,000 บอกเลย...มันส์กำลังดี
ด้านอัตราการสิ้นเปลือง ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สร้างความประทับใจได้ในระดับที่ดีเลยทีเดียว โดยผมลองจับเล่นๆ จากที่มาตรวัดปริมาณเชื้อเพลิงเริ่มกระพริบ (กระพริบแล้วจะวิ่งได้อีกประมาณ 75 กม. ตามหน้าปัด แต่ทางที่ดี...อย่านิ่งนอนใจขนาดนั้น) เติมแก๊สโซฮอล 95 ไป 100 บาท (26.85 บาท/ลิตร) ได้น้ำมันมา 3.72 ลิตร ขี่ใช้งานปกติ เร็วบ้าง ในเมืองบ้าง จับระยะทางจนกระพริบอีกครั้ง ได้ระยะที่ 75 กม. (ต่อน้ำมัน 3.72 ลิตร) ซึ่งเมื่อคำนวนแล้ว ตกอยู่ที่ 20.1 กม./ลิตร วิธีการหาอาจจะไม่เป๊ะขนาดนั้น แต่ก็ถือว่าใช้เป็นแนวทางในการอ้างอิงได้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดูดี สำหรับรถในพิกัด 1,100 ซีซี. และสำหรับถังน้ำมันของ Honda CB1100 RS ที่มีความจุ 16.8 ลิตร น้ำมัน 1 ถัง จะทำให้คุณขี่ชิลล์ๆ ได้ไกลกว่า 300 กม. เลยทีเดียว
มาถึงจุดสุดท้าย...ลืมทั้งหมดที่ผมบอกเล่าไปได้เลยครับ นอกจากเรื่องตำนานกว่า 50 ปีแล้ว รถคันนี้ไม่ถึงกับมีอะไรที่โดดเด่นมากมายในเรื่องสมรรถนะ แต่เป็นมอเตอร์ไซค์อีกรุ่น ที่เวลาคุณขี่ไปไหน มักจะมีคนมองคุณด้วยสายตาชื่นชม "รถสวยครับพี่", "คันนี้รถในฝันผมเลยครับ", ขอฟังเสียงหน่อยได้ไหมพี่", "เจ๋งอ่ะพี่...เสียงโหดมาก", "เท่มากเลยครับ" ประโยคเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ผมได้ยินมาตลอดการขี่ Honda CB1100 RS ราว 1 อาทิตย์ ซึ่งมันเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงมนต์ขลังในตระกูล CB Original ได้อย่างชัดเจน ที่สำคัญ...คุณสามารถเก็บความประทับใจนี้ไว้คุยให้ลูกให้หลานฟังในอีก 10 ปี 20 ปี ได้อย่างน่าประทับใจ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ผมอาจไม่ได้ชอบฟีลลิ่งการขับขี่ของรถคันนี้มากที่สุด แต่ Honda CB1100 RS เป็นหนึ่งในรถที่ผมได้ขี่แล้วสร้างความสุขให้ผมได้มากที่สุดจริงๆ ครับ
โดยรวม บก.Pajingo ชอบครับ
Honda CB1100 RS ราคา 559,000 บาท