Yamaha YZF-R6
Yamaha YZF-R6 (ยามาฮ่า วายแซดเอฟ-อาร์ซิกส์) เปิดตัวในประเทศไทยในช่วงกลางปี 2560 โดยทาง Yamaha Riders’ Club ได้สั่งข้ามน้ำข้ามทะเลจากประเทศญี่ปุ่นทั้งคัน เข้ามาจำหน่ายให้ไบค์เกอร์สายสปอร์ตบ้านเราได้สัมผัสความมันส์ขั้นสุดที่ได้รับการถ่ายทอด DNA มาจากซูเปอร์สปอร์ตไบค์รุ่นใหญ่อย่าง Yamaha YZF-R1 กันแบบเข้าถึงได้ไม่ยาก จนสร้างยอดจองให้กับค่ายส้อมเสียงได้แบบถล่มทลาย และนี่เป็นโอกาสดีอีกหนึ่งครั้งที่ทาง BoxzaRacing จะได้เสพฟีลลิ่งของซูเปอร์สปอร์ตพิกัดมิดเดิ้ลไซส์ที่ได้ชื่อว่า “สมบูรณ์แบบที่สุด” จากค่าย Yamaha เราไปดูกันเลยว่า Yamaha YZF-R6 มีหมัดเด็ดอะไรซ่อนอยู่บ้าง
Yamaha YZF-R6 2018 ได้รับการถ่ายทอด DNA โดยตรงจากรุ่นพี่อย่าง YZF-R1 โดยเฉพาะในเรื่องของภาพลักษณ์นั้น หากจะบอกว่าเป็นแฝดต่างฝาก็คงไม่ใช่คำพูดที่เกินไปนัก โดยสิ่งที่ได้รับการพัฒนาเพิ่มเติม ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของแอโร่ไดนามิคส์ที่ทำให้ตัวรถมีความลู่ลม และดีไซน์ที่สวยงาม ลงตัวยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังลดน้ำหนักของตัวรถลงไปได้อีกไม่น้อยเลยทีเดียว โดยน้ำหนักของ Yamaha YZF-R6 แบบรวมของเหลว จะอยู่ที่เพียง 190 กก. เท่านั้น ไฟหน้า LED Projector ยังคงมาในภาพลักษณ์ที่ถูกขนานนามว่า “กระเบน” ที่สายสปอร์ตคุ้นเคยกันดี ช่องแรมแอร์ที่ช่วยดักลมเข้าสู่ชุดกรองอากาศ ถังน้ำมันอลูมิเนียมผสม (ขนาด 17 ลิตร) ภายใต้กระบวนการผลิตแบบ Cold Metal Transfer (CMT) ทำให้น้ำหนักเบากว่าเดิม 1.2 กก. แฟริ่งท้ายยกสูงสไตล์สปอร์ตถอดแบบรุ่นพี่มาอย่างไม่ผิดเพี้ยน
เรือนไมดิจิตอล มาตรวัดรอบแบบดิจิตอล พร้อมชิฟต์ไลท์
Traction Control สามารถเลือกระดับการทำงานได้ถึง 6 เลเวล และปิดได้หากต้องการ
โหมดการขับขี่เลือกระดับความไวในการตอบสนองคันเร่งได้ตามต้องการ A, Std และ B
หน้าปัดเรือนไมล์ของ Yamaha YZF-R6 มาพร้อมกับจอแสดงผล LCD แบบดิจิตอลที่ครบครัน ผสานกับมาตรวัดรอบเครื่องยนต์แบบอนาล็อกขนาดใหญ่ พร้อมชิฟต์ไลท์ที่สามารถตั้งเตือนได้ตามรอบต้องการ (ตั้งแต่ประมาณ 10,500 รอบ/นาที เป็นต้นไป) โดยมาตรวัดแบบดิจิตอลสามารถแสดงสถานะต่างๆ เช่น มาตรวัดระยะทาง, วัดอุณหภูมิ, อัตราการสิ้นเปลือง, ตำแหน่งเกียร์, บอกค่าการทำงานของระบบ Traction Control ที่สามารถเลือกระดับการทำงานได้อย่างละเอียดถึง 6 ระดับ และสามารถปิดการทำงานได้เพียงกดปุ่มค้างไว้ประมาณ 3 วินาที, โหมดการขับขี่ A Std และ B โดยโหมดที่เร้าใจที่สุดคือ โหมด A รองลงมาคือ Std ส่วนโหมด B จะให้การตอบสนองอย่างนุ่มนวล คล้ายๆ กับ Rain Mode อะไรทำนองนั้น
ขุมพลัง 4 สูบเรียง ให้ความเร้าใจในระดับกว่า 118 แรงม้า พร้อมสุ้มเสียงหวานเจี๊ยบ
Quick Shifter ติดตั้งมาให้เสร็จสรรพจากโรงงานตามสไตล์ตัวแข่ง
ไฮไลท์อย่างหนึ่งของ Yamaha YZF-R6 แน่นอนว่า คือ ขุมพลังเครื่องยนต์ที่แม้จะมาในพิกัด 600 ซีซี. แต่สามารถทำแรงม้าได้แบบสูงเกินตัว โดยมาในรูปแบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ความจุ 599 ซีซี. กระบอกสูบ x ช่วงชักอยู่ที่ 67 x 42.5 มม. ลูกสูบแบบ Forged Aluminum พร้อมเครื่องเคียงภายในทำจากไทเทเนียม รองรับการหมุนในรอบสูงถึง 18,000 รอบ/นาที กำลังอัด 13.1:1 จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดคู่ YCC-T ทำแรงม้าได้ราว 118.4 ตัว ที่ 14,500 รอบ/นาที และแรงบิด 61.7 นิวตัน-เมตร ที่ 10,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ 6 สปีด ที่มาพร้อมระบบ Quick Shift System (QSS) ช่วยในการเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และนุ่มนวล รวมถึงยังมี Slipper Clutch ที่ช่วยลดการกระชากขณะลดเกียร์ลงอย่างรวดเร็วอีกด้วย
โช้กอัพหน้า KYB แกน 43 มม. เฉกเช่นรุ่นพี่ YZF-R1
โช้กอัพหลังแบบโมโนสามารถปรับเซ็ตค่าต่างๆ ได้แบบเต็มระบบ
เบรกหน้าแบบ Monoblock 4 POT คู่ พร้อมจานขนาด 320 มม. ทำงานร่วมกับ ABS
Yamaha YZF-R6 มาพร้อมระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบ Upside Down ของ KYB ขนาดแกน 43 มม. เช่นเดียวกับที่ติดตั้งในรุ่นพี่อย่าง Yamaha YZF-R1 ซึ่งสามารถปรับค่าต่างๆ ได้แบบเต็มระบบ ไม่ว่าจะเป็น Preload, Compression และ Rebound ส่วนด้านหลังเป็นแบบ Mono Shock แบบมีซับแท้งค์ของ KYB ทำงานร่วมกับสวิงอาร์มน้ำหนักเบา ระบบเบรคด้านหน้ามาพร้อมกับจานดิสก์เบรคคู่ขนาด 320 มม. ทำงานร่วมกับคาลิเปอร์ Advics 4 POT แบบ Radial Mount ส่วนด้านหลังเป็นดิสก์เบรคเดี่ยวขนาด 220 มม. ทำงานร่วมกับคาลิเปอร์ Nissin 1 POT ซึ่งมีระบบเบรค ABS ทั้งหน้าและหลัง ติดตั้งมาให้พร้อมจากโรงงาน เพื่อให้สามารถหยุดได้อย่างปลอดภัยและบังคับทิศทางได้อย่างใจสั่ง ด้านยางมาพร้อมยางหน้าขนาด 120/17 R17 ส่วนยางหลังมาในขนาด 180/55 R17
สิ่งแรกที่สัมผัสได้จาก Yamaha YZF-R6 ทันทีที่ขึ้นคร่อมก็คือ ท่านั่งที่กระชับสไตล์สปอร์ตพันธุ์แท้ แฮนด์ต่ำ พักเท้ายกสูง เหมาะกับการเทโค้งเป็นที่สุด หากถามถึงความสะดวกสำหรับการใช้งานในพื้นที่จำกัด เช่น กลับรถในที่แคบ หรือต้องใช้เท้าดันเพื่อถอยหลัง อาจไม่ใช่ประเด็นหลักสำหรับผู้ขับขี่ที่เรือนร่างไม่ใหญ่โตนัก เนื่องจากเบาะนั่งค่อนข้างสูง (850 มม.) และด้วยท่านั่งที่ก้มเกินปกติสไตล์รถสปอร์ต ผู้ขี่ความสูงราว 168 ซม. ช่วงขา 77 ซม. จึงทำได้แค่เพียงเอาปลายเท้าจิกพื้น แต่ด้วยน้ำหนักตัวรถที่ค่อนข้างเบา สิ่งเหล่านี้ก็คงไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป คุมได้ถูๆ ไถๆ ไร้ปัญหาหากมีทักษะติดตัวมาบ้าง ทันทีที่สตาร์ทเครื่องยนต์ สุ้มเสียงของ Yamaha YZF-R6 (คันนี้ได้รับการอัพเกรดท่อไอเสียเป็นของ Akrapovic Titanium แบบ Full System) คำรามอย่างสุภาพ แผ่วเบา แต่สัมผัสได้ถึงพละกำลังที่ซ่อนอยู่
ตบเกียร์ 1 พร้อมออกตัวด้วยการเติมคันเร่งเล็กน้อย Yamaha YZF-R6 ให้การตอบสนองอย่างสมูธ ลื่นไหล ลากรอบเบาๆ ประมาณ 6,000 รอบ/นาที ก่อนเตะเกียร์ 2 แบบไม่ต้องกำคลัทช์ ซึ่งฟีลลิ่งนี้ทำให้ผมรู้สึกประทับใจไปอีกขั้นด้วยการตอบสนองที่นุ่มนวล ทำให้การเปลี่ยนเกียร์ทำได้อย่างราบรื่น ซึ่งต้องยอมรับว่า Quick Shifter ที่ติดตั้งมาให้จากโรงงาน ทำหน้าที่ของมันได้อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ ช่วยให้การต่อเกียร์เป็นไปอย่างสนุก สามารถเพิ่มความเร็วได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยอัตราทดเกียร์ที่ออกแบบมาค่อนข้างชิดตามสไตล์รถ SuperSport สิ่งหนึ่งที่อดชื่นชมไม่ได้คือ เรื่องของสุ้มเสียงและฟีลลิ่งในการขับขี่ ซึ่งต้องบอกว่าเสียงหวาน สำราญหูมากๆ ให้ความรู้สึกเพลิดเพลินในการขับขี่ โดยไม่ดังเกินจนสร้างความรำคาญให้กับผู้คนรอบข้าง ด้านอัตราการสิ้นเปลืองคร่าวๆ หลังจากที่ทดลองใช้งานทุกรูปแบบ ทั้งในเมือง ขี่เดินทางชิลล์ๆ มีซัดบ้างในบางจังหวะ เติมเชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล 95 จำนวน 200 บาท (6.83 ลิตร) วิ่งได้ระยะทางประมาณ 120 กม. คิดเป็นอัตราการสิ้นเปลืองราวๆ 17.5 กม./ลิตร ซึ่งถือว่าสมน้ำสมเนื้อกับสไตล์และรูปแบบการใช้งาน
หากพูดถึงมอเตอร์ไซค์แนวสปอร์ต เรื่องความคล่องตัวในสภาพการจราจรที่แออัด รวมถึงเรื่องของความร้อนที่แผ่ซ่านมาสู่ร่างกายของผู้ขับขี่ ดูจะเป็นข้อเสียสำหรับรถสไตล์นี้ แต่ไม่ใช่กับ Yamaha YZF-R6 เพราะเจ้ากระเบนรุ่นเล็กผู้นี้ สามารถฝันฝ่าสภาพการจราจรได้แบบค่อนข้างคล่องตัว ด้วยระยะฐานล้อที่สั้นเพียง 1,375 มม. รวมถึงน้ำหนักตัวที่เบา ช่วยให้การพลิกรถซ้าย-ขวา สามารถทำได้ไม่ยากจนเกินไปนัก เช่นเดียวกับเรื่องของความร้อน แม้ว่าจะเป็นช่วยอุณหภูมิ 105 องศาเซลเซียสขึ้นไป จนพัดลมระบายความร้อนทำงาน ก็ไม่รู้สึกถึงความร้อนจนเกินที่จะทนไหว แต่ไฮไลท์เด็ดของเจ้า Yamaha YZF-R6 อยู่ที่การมีพื้นที่ให้สปอร์ตผู้นี้ได้สำแดงเดชโดยการเลี้ยงรอบให้อยู่ในช่วง 8-9,000 รอบ/นาที ขึ้นไป ซึ่งจะเป็นช่วง Power Band ที่เรียกกำลังของเครื่องยนต์ได้ออกมาอย่างดุดันที่สุด รอบเครื่องกวาดเร็วจนบางครั้งไม่สามารถละสายตามามองเรือนไมล์ได้ทัน มีเพียงความรู้สึกและชิฟต์ไลท์ที่จะเป็นตัวบอกให้คุณเตะเกียร์และทะยานไปกับ Yamaha YZF-R6 อย่างรวดเร็วดั่งความฝัน พร้อมสัมผัสความแน่นหนึบของชุดช่วงล่างและเบรกที่เซ็ตมาได้อย่างลงตัว พอเพียงสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือแม้แต่การขับขี่ในสนามแข่งในรูปแบบ Track Day ซึ่งความสนุก...มันก็อยู่ตรงนี้แหละครับ
Yamaha YZF-R6 นับเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์เด็ดจากค่ายส้อมเสียงที่สายสปอร์ตพันธุ์แท้เช่นคุณ มิอาจละสายตาได้เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์ที่โดดเด่น พละกำลังที่เร้าใจ สุ้มเสียงที่หวานเกินต้านทาน กับค่าตัวเพียง 549,000 บาท นับเป็นความครบเครื่องไม่มีใครให้ได้แบบนี้เลยล่ะครับ สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Yamaha Riders’ Club