เขียนโดย: Pajingo

เมื่อ: 14 มิถุนายน 2561 - 13:17

ภาพโดย: Refresh

Refresh

Kawasaki Z900 RS รีวิวมอเตอร์ไซค์สายโมเดิร์นคลาสสิค ความเร้าใจที่ใช่ ในสไตล์ที่โดน

 

           เมื่อช่วงปลายปีก่อน ผมมีโอกาสได้ไปเปิดหูเปิดตาในงาน Tokyo Motor Show 2017 ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในงานเรียกได้ว่าเป็นการโชว์นวัตกรรมแห่งโลกยานยนต์ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถเพื่อการพาณิชย์ หรือแม้แต่มอเตอร์ไซค์ เรียกได้ว่าหลากหลายมากๆ กว่าจะเดินจนทั่วงาน ก็เล่นเอาเหนื่อยไปหลายขุมเลยทีเดียว

 

Kawasaki Z900 RS

 

            จะว่าไป...จุดประสงค์หลักในการทำงานของผมจากการไปเยือนโตเกียวครั้งนั้น คือ เกี่ยวกับรถยนต์มากกว่ามอเตอร์ไซค์ แต่เมื่อเดินจนทั่วแล้ว ผมกลับรู้สึกว่ามีมอเตอร์ไซค์สไตล์เรโทรคลาสสิครุ่นหนึ่ง ที่เห็นแล้วสร้างความประทับใจแบบละสายตาไม่ลงเลยทีเดียว จนอดคิดไม่ได้ว่า อยากให้ทางค่ายนำมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้เข้ามาจำหน่ายในบ้านเรา ซึ่งหลังจากนั้นเพียงไม่กี่อึดใจ ความอยากของผมก็เป็นจริง และในวันนี้...ผมมีโอกาสได้ทดลองขี่รถรุ่นนี้แบบจริงๆ จังๆ แล้ว แน่นอนว่ามอเตอร์ไซค์ที่ผมกำลังพูดถึงอยู่นี้ก็คือ Kawasaki Z900 RS

 

 

             Kawasaki Z900 RS เป็นหนึ่งในมอเตอร์ไซค์สไตล์โมเดิร์นคลาสสิคที่รวมองค์ประกอบดีๆ ไว้อย่างครบครัน ต่างจากเพื่อร่วมตระกูลผู้เป็นพื้นฐานในการพัฒนาอย่าง Kawasaki Z900 ที่ถึงแม้จะเป็นรถที่ขี่ดีมากๆ แล้วก็ตาม แต่ยังมีองค์ประกอบในบางจุดที่รู้สึกขัดอกขัดใจคนเรื่องเยอะอย่างผมอยู่บ้าง โดย Kawasaki Z900 RS ได้รับการแต่งแต้มภาพลักษณ์ในสไตล์เรโทรคลาสสิค ให้ลุคสุดเก๋าสไตล์มอเตอร์ไซค์ยุคคุณพ่อไว้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน โดยไม่ลืมใส่สิ่งที่แฟนๆ ต้องการอย่างเรื่องสมรรถนะและฟังค์ชั่นการใช้งานอันทันสมัยที่ให้ความโดดเด่นไม่แพ้กัน เรียกได้ว่าเป็นการผสานส่วนผสมระหว่างความทันสมัยในรถสไตล์คลาสสิคได้อย่างลงตัวจริงๆ ไล่มาตั้งแต่ไฟหน้าที่มาในทรงกลมจับคู่ระบบส่องสว่างแบบ LED เต็มระบบ ช่วยเติมทัศนวิสัยให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

 

ไฟหน้า พน้อมไฟเลี้ยว LED ให้ทัศนวิสัยที่โดดเด่น

 

เรือนไมล์อนาล็อกคู่ พร้อมหน้าจอบ่งบอกข้อมูลที่จำเป็น 

 

 

           เรือนไมล์มาในรูปแบบทรงกลมคู่แสดงความเร็วและรอบเครื่องยนต์ ขนาบข้างหน้าจอที่สามารถบ่งบอกข้อมูลที่จำเป็นได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ปริมาณเชื้อเพลิง, อุณหภูมิระบบหล่อเย็น, ระยะทางต่างๆ, อัตราการสิ้นเปลือง, จำนวนระยะทางที่วิ่งได้จากเชื้อเพลิงที่เหลือในถัง รวมถึงระดับการทำงานของระบบ Kawasaki Traction Control (KTRC) โครงสร้างของ Kawasaki Z900 RS มาในรูปแบบโครงเหล็ก Trellis ที่ให้ความแข็งแรงสูงเช่นเดียวกับ Z900 โดยห่อหุ้มด้วยถังน้ำมันทรงกระสุนดีไซน์อวบอ้วนรับกับช่วงขา พร้อมความจุขนาด 17 ลิตร เบาะนั่งมาในแบบตอนเดียวยกระดับผู้ซ้อนท้าย โดยเบาะนั่งผู้ขี่มาพร้อมความสูง 800 มม. และมีน้ำหนักตัวรถที่ 215 กก. ส่วนรายละเอียดอื่นๆ คือ มีความยาวอยู่ที่ 2,100 มม. ความกว้าง 865 มม. และความสูง 1,150 มม. ระยะฐานล้อ 1,470 มม. ความสูงใต้ท้องรถ 130 มม.

 

ขุมพลัง 4 สูบ พิกัด 948 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 110 แรงม้า พร้อมแรงบิด 98 นิวตัน-เมตร

 

 

            Kawasaki Z900 RS มาพร้อมขุมพลังในรูปแบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC 4 วาล์ว/สูบ พิกัด 948 ซีซี. ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชักอยู่ที่ 73.4 x 56 มม. อัตราส่วนกำลังอัด 11.8:1 ระบายความร้อนด้วยน้ำ โดยมีการปรับจูนย่านกำลังใหม่เพื่อให้เหมาะสมกับรูปแบบการใช้งาน จากเดิมที่ Z900 มีแรงม้า 125 ตัว ที่ 9,500 รอบ/นาที เหลือเพียง 110 แรงม้า แต่มาในรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำกว่าเพียง 7,500 รอบ/นาที ส่วนแรงบิดอยู่ที่ 98 นิวตัน-เมตร ที่ 6,000 รอบ/นาที ซึ่งเรียกได้ว่าเหมาะกับการใช้งานที่ต้องการคล่องตัว เรียกพละกำลังได้ง่าย ขี่สนุก ไม่รอรอบ ส่งกำลังด้วยเกียร์ 6 สปีด อัตราทดต่อเนื่อง รับกับพละกำลังของเครื่องยนต์ที่ปลดปล่อยออกมาได้อย่างลงตัว

 

โช้กหน้า USD จับคู่คาลิเปอร์แบบเรเดียลเม้าท์ หัวใจที่ทำให้ Z900 RS เป็นรถที่สมบูรณ์แบบกว่า Z900

 

 

            ด้านระบบช่วงล่างของ Kawasaki Z900 RS มาพร้อมกับโช้กอัพด้านหน้าแบบ Upside Down จาก Showa ขนาด 41 มม. ที่สามารถปรับค่า Rebound และ Preload ได้ ด้านหลังเป็นแบบ Horizontal Back-Link โช้กอัพแบบวางนอนยึดกับกระเดืองที่ตัวสวิงอาร์ม โดยเลือกใช้โช้คอัพแก็สที่สามารถปรับค่า Rebound และ Preload ได้เช่นกัน ส่วนระบบเบรกด้านหน้าเป็นปั้มเบรก 4 POT Monobloc ยึดแบบ Radial Mount (ซึ่งต่างกับ Z900) กับจานเบรกคู่ขนาด 300 มม. และด้านหลังเป็นดิสก์เบรคเดี่ยวขนาด 250 มม. คาลิเปอร์ 1 POT ล้อหน้า-หลังมาในดีไซน์สุดคลาสสิค สีสันสวยงาม โอบรัดด้วยยาง 120/70 ZR17 ในด้านหน้า และ 180/55 ZR17 สำหรับล้อหลัง

 

 

           นับเป็นโอกาสดีที่ผมได้ทดลองขี่  Kawasaki Z900 RS อยู่นานพอสมควร เรียกได้ว่าได้ลองอะไรที่อยากลองแบบครบๆ เลยทีเดียว สัมผัสแรกที่ได้ลองคร่อมมอเตอร์ไซค์เรโทรคลาสสิคผู้นี้ ก็รู้สึกแล้วว่าประทับใจไม่น้อย ด้วยเบาะนั่งที่สูงเพียง 800 มม. ทำให้ชายไทยไซส์มาตรฐานอย่างผม (ช่วงขา 77 ซม.) สามารถวางเท้าลงพื้นได้อย่างมั่นใจ แม้จะไม่ได้วางจนเต็มเท้า แต่ก็สามารถทรงตัวได้อย่างมั่นคง ตัวรถแม้จะมีน้ำหนักถึง 215 กก. แต่ไม่ได้รู้สึกว่าหนักเกินจะยกหรือเข็น ด้วยความที่กำหนดจุดบาลานซ์มาเป็นอย่างดี ท่านั่งจับแฮนด์หลังค่อนข้างตรง ให้ความรู้สึกสบายๆ ชิลล์ๆ ไม่สร้างภาระให้ผู้ขี่มากจนเกินไปแม้จะต้องเดินทางไกลๆ

 

 

           ทันทีที่สตาร์ท เครื่องยนต์ส่งเสียงคำรามแผ่วๆ สไตล์ท่อไอเสียที่ติดตั้งมาให้จากโรงงาน ซึ่งพอรู้สึกได้ถึงความทรงพลังของเครื่องยนต์ในพิกัด 948 ซีซี. บล็อกนี้ หลังจากนั้นบีบคลัทช์ ตบเกียร์ แล้วค่อยๆ ปล่อยคลัทช์พร้อมเติมคันเร่งอย่างแผ่วเบา ตัวรถกลับพร้อมจะพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เหมือนฝูงม้าที่อัดอั้นรอการปลดปล่อย โดยช่วงเกียร์ 1 อัตราทดค่อนข้างสั้น บวกกับแรงบิดที่ดีในรอบต่ำ ช่วยให้สามารถออกตัวได้ง่ายขึ้น เช่นเดียวกับการมุดในสภาพการจราจรที่แออัด วิ่งไหลๆ ในเกียร์ 2-4 สามารถทำได้แบบสบายๆ ด้วยอัตราทดที่ค่อนข้างจัดจ้าน ทำให้สามารถทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่ต่อเนื่องและลื่นไหล โดยไม่ต้องลากรอบสูงเกินความจำเป็น เพียงแค่ 4-5,000 รอบ/นาที (ความเร็ว 120 กม./ชม. ที่เกียร์ 6 รอบเครื่องยนต์อยู่ที่ราว 4,500 รอบ/นาที)  เรี่ยวแรงที่ออกมาก็ถือว่าเหลือล้นสำหรับการใช้งานทั่วๆ ไปแล้ว ทั้งนี้ทั้งนั้นคงต้องขอบคุณการปรับจูนเครื่องยนต์ให้สามารถเรียกแรงบิดออกมาให้ใช้งานได้อย่างสมูทและรวดเร็ว จนเรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์เด็ดของ Kawasaki Z900RS เลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะต้องการความเร้าใจมากมายขนาดไหน แต่ผมไม่เคยรู้สึกว่าต้องลากรอบจนถึง Red Line ให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเปล่าประโยชน์แม้แต่น้อย ซึ่งหลังจากที่ได้ทดลองใช้งานทุกรูปแบบ เร็วบ้าง ชิลล์บ้าง แออัดในเมืองบ้าง เติมเชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล 95 เข้าไปประมาณ 10 ลิตร (300 บาท ณ เวลาที่ทำการทดลองขี่) พบว่าสามารถวิ่งได้ราว 175 กม. คิดเป็นอัตราการบริโภคที่ 17.5 กม./ลิตร  ซึ่งถือว่าสมน้ำสมเนื้อกับรูปแบบและสไตล์ในการขับขี่

 

 

           Kawasaki Z900RS ไม่ได้มีดีแค่ในส่วนของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังเท่านั้น เพราะระบบรองรับก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยให้การขับขี่มอเตอร์ไซค์เรโทรคลาสสิคผู้นี้ ทำได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Kawasaki Traction Control (KTRC) ที่ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมตามเลเวลที่เซ็ตไว้ หรือหากคุณต้องการความเร้าใจแบบสุดๆ ก็สามารถเลือกปิดการทำงานได้ด้วยการหยุดรถ กดปุ่ม Select เลื่อนแถบแสดงการทำงาน KTRC เป็น Off และกดปุ่ม Select อีกครั้ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมแนะนำให้อย่างน้อยๆ เปิดไว้ในระดับ 1 ดูจะปลอดภัยและเหมาะกับการใช้งานทั่วไปมากกว่า โดยขั้นตอนในการเลือกระดับก็ทำในลักษณะเดียวกัน แต่หากการปรับ KTRC ในระดับ 1 และ 2 นั้น สามารถทำได้เลยโดยไม่ต้องหยุดรถ ในส่วนของช่วงล่างนั้น ถือว่าเซ็ตมาได้ดีและสามารถปรับได้อย่างหลากหลาย ให้ความมั่นใจในการขับขี่ได้ในระดับที่หน้าพอใจ แม้ว่าโช้กด้านหลังจะติดแข็งไปนิด แต่หากมีคนซ้อน หรือเดินทางพร้อมสัมภาระ เชื่อว่าฟีลลิ่งที่ได้รับ น่าจะกลมกล่อมกำลังดี ส่วนระบบเบรกนั้น ไม่มีอะไรต้องสงสัย ทำงานได้อย่างพอเหมาะตามน้ำหนักที่ใส่ลงไป ยิ่งถ้าใช้ร่วมกับ Engine Brake แล้ว จะช่วยเติมความมั่นใจในการหยุดได้อย่างไรที่ติทีเดียว

 

 

           หากไม่นับรวมอารมณ์พิศวาสและบุพเพสันนิวาสส่วนตัว ผมพูดได้เลยว่า Kawasaki Z900RS ดูจะเป็นรถอีกหนึ่งรุ่นที่ถือว่าน่าใช้เอามากๆ ด้วยดีไซน์ที่หล่อเหลา บวกกับพละกำลัง แรงบิดในรอบต่ำ ความสมูทที่มอบให้ หากไม่เกี่ยงเรื่องค่าตัว ก็คงไม่มีอะไรให้ต้องคิดเยอะ กับราคาเริ่มต้นที่ 485,000 บาท เชื่อได้ว่าสำหรับคนที่ชอบจริงๆ คำว่า “ถ้าถูกใจ...ไม่มีคำว่าแพง” ยังคงเป็นวลีเด็ดที่นำมาใช้ได้เสมอครับ

 

ขอขอบคุณ : บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด 

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook