Triumph Street Triple RS
Triumph Street Triple RS แว๊บแรกที่เห็นผมแทบแยกไม่ออกเลยว่า มันเปลี่ยนจากรุ่นเก่าอย่างไร ทรงรถ มิติ ขนาด รูปร่าง คล้ายกับตัว 675 มากๆ แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ เห้ย !! ไม่ใช่แล้ว อย่างแรกที่สะดุดสายตาผมมากๆคือ ชุดคาลิเปอร์เบรกหน้าโมโนบล็อคจากค่าย Brembo รุ่น M50 โช็คหน้า Showa ปรับได้ครบ แล้วยังจะมีโช็คหลัง Ohlins STX40 แบบ Monoshock ที่สามารถปรับตั้งค่าได้ทุกอย่าง ยางที่ติดรถมาให้เป็น Pirelli Diablo Supercorsa SP เกรดถนนกึ่งสนาม ซึ่งอุปกรณ์หน้าตาแบบนี้ ส่วนมากเราจะเห็นได้ในรถซุปเปอร์ไบค์เจ๋งๆ บางรุ่นเท่านั้น แต่นี่มันคือ รถ Naked ที่จัดของซิ่งมาแบบชุดใหญ่
เบรกหน้าโมโนบล็อค Brembo รุ่น M50
โช้คหลัง Ohlins STX40 แบบ Monoshock สามารถปรับตั้งค่าได้อย่างละเอียด
เครื่องยนต์ 3 สูบ ขนาด 765 ซีซี. 123 แรงม้า ที่ 11,700 รอบ/นาที
เครื่องยนต์ของเจ้านี่ก็ยังคงเอกลักษ์ 3 สูบเรียง เหมือนเดิม แต่ได้ถูกเพิ่มจาก 675 cc. เป็น 765 cc. ได้แรงม้า 123 ตัว ที่ 11,700 รอบ/นาที ที่พัฒนามาจากเจ้า Daytona โดยรวมแล้วมีกำลังมากขึ้นจากรุ่นเก่ามากถึง 16% กล่อง ECU ก็มีการปรับปรุงให้มีความลงตัวกับขุมพลังที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ระบบส่งกำลังมีการปรับเปลี่ยนอัตราทดของเกียร์ 1- 2 ให้มีความจัดจ้านขึ้น และผู้ขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ผ่านระบบ Quick Shifter ที่ทำให้การเปลี่ยนเกียร์ยิ่งกระชับ และรวดเร็วเข้าไปอีก
ของมันขึ้นครับผม !!! การที่จะทดสอบรถที่ให้ของซิ่งเทพๆ ติดรถมาขนาดนี้ จะมาทดสอบกันบนถนนก็คงจะเข้าไม่ถึงอารมณ์มันแน่ๆ มันต้องจัดหนักกันในสนามครับ ทาง Triumph Thailand ก็จัดให้สมใจ เพราะการทดสอบครั้งนี้ได้จัดขึ้นที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ในวันที่ 12 พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านนี้เอง ผมเข้าร่วมทดสอบเจ้า Triumph Street Triple RS พร้อมกับพี่ๆ สื่อมวลชนชั้นนำอีกหลายท่าน การทดสอบแบ่งออกเป็น 2 Section/Section ละ 20 นาที
หน้าจอแสดงผล TFT Full Color ขนาด 5 นิ้ว
โหมดการขับขี่ให้เลือก 5 โหมด Road, Rain, Rider, Sport, Track และสามารถเลือก เปิด-ปิด ABS หรือ Traction Contorl ได้
ทุกอย่างดูจะลงตัวไปหมด ทั้งรถ ทั้งคน ทั้งทีมงาน และสภาพอากาศในวันนั้น...บิดกุญแจเปิด ON ว้าววว !!! หน้าจอแสดงผล TFT Full Color ขนาด 5” มันอลังการมากๆ นึกว่าใครเอา iPad มาวางไว้ซะอีก ใหญ่ ชัดเจน สวยงาม แล้วยังปรับทิศทางขึ้น-ลง ตามผู้ใช้งานได้อีก ส่วนรายละเอียดก็มีมาให้เราครบถ้วนทุกมาตรวัด ระดับน้ำมันคงเหลือ อุณหภมิเครื่องยนต์ ตำแหน่งเกียร์ วัดรอบ ความเร็ว จับเวลาต่อรอบ แล้วที่พิเศษมากๆ คือสามารถเปลี่ยนสไตล์หน้าจอได้ถึง 3 แบบ และยังปรับความสว่างหน้อจออัตโนมัติตามแสงสว่างภายนอกได้อีกด้วย เจ้าคันนี้มีโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 5 แบบ คือ Road, Rain, Rider, Sport, Track และสำหรับสายเกรียนยังสามารถเลือก เปิด-ปิด ABS หรือ Traction Contorl ได้ง่ายๆ ผ่านปุ่มที่คล้ายจอยสติ๊กเคลื่อนที่ 4 ทิศทาง ที่ชุดควบคุมฝั่งซ้าย เผื่ออยากจะให้ล้อหน้ามันลอยขึ้นมาจากพื้นกันบ้าง แฮ่ๆๆ
เนื่องจากเวลาในการทดสอบเจ้า Street Triple RS ครั้งนี้มีให้ค่อนข้างน้อย ผมเลยเลือกไปที่โหมดการขับขี่แบบ Track แล้วต่อด้วยความเกรียน ในการปิด ABS และ Traction Contorl เนื่องจากผมอยากลองระบบกันสะเทือนเทพๆ สักหน่อย
จัดหนักกันไปเลย ! ตลอด 40 นาที (2 Section) ที่ผมลงทำการทดสอบเจ้าคันนี้ มันดูจะเป็นมิตรกับผมมากๆ ท่านั่งแทบไม่ต่างจากเจ้า 675 เลย เครื่องยนต์ 3 สูบ เจ้าเก่าสมูทดีครับ จังหวะเปิดคันเร่งหนักๆ ตอนออกโค้ง ไม่มีอาการรอรอบหรือหน่วงให้เสียอารมณ์ ระบบคันเร่งไฟฟ้ายังคงตอบสนองได้ดีเหมือนในรุ่นเก่า ชุดเกียร์ 1-2 จัดจ้านขึ้นตามที่สเป็กกำหนดไว้อย่างรู้สึกได้ (ถูกใจสายยกแน่นอน) ระบบ Quick Shifter ทำงานได้ดีมากๆ ทั้งรอบต่ำหรือสูง เรื่องพละกำลัง และการตอบสนองถือว่าถูกใจผมจริงๆ
แต่ที่อยากรู้คือ ช่วงล่าง+เบรก ซึ่งจากสเป็กของที่ติดรถมามันเทพมากๆ แล้วมันจะเป็นยังไงต้องลอง...ฮ่าๆๆ สุดทางตรงเกือบ 1 กม. จากโค้งที่ 1 ไป 2-3 ความเร็ววันนั้นผมทำได้ถึง 230 กม./ชม. (ซึ่งต้องยอมรับว่าเร็วมากในกลุ่มรถ Neked ที่เครื่องยนต์ไม่ถึง 800 cc. เมื่อมาเร็วก็ต้องเบรกสิครับ ผมเริ่มกดเบรกหน้าด้วยน้ำมือที่ไม่มากนะ พร้อมเชนเกียร์ลง 3 เกียร์ (6-3) เพื่อให้ Engine Break เข้ามาช่วยสักหน่อย ระบบกันสะเทือนด้านหน้า และหลังเข้ามาช่วยในจังหวะนี้ได้ดีมาก เพราะมันไม่ยุบตัว ไม่ยวบยาบจนเกินงาม และล้อหลังไม่มีอาการเต้นหรือสับขึ้น-ลงให้ตกใจ ทำให้ผู้ขี่สามารถควบคุมรถในจังหวะเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันได้โดยไม่ต้องลุ้นมากนัก ระบบเบรกที่ให้มานั้น นุ่ม หนึบ ออกแรงกดนิดหน่อย จากความเร็ว 230 กม. ก็ลดลงแบบไม่ยากเย็นเลย และด้วยน้ำหนักตัวรถที่ถือว่าเบาที่สุดในรถคลาสเดียวกัน (ไม่น่าเกิน 180 กก.) ซึ่งประเด็นนี้ผมชอบมาก เพราะเมื่อน้ำหนักรถเบามันจะทำให้ผู้ขี่นั้น สามารถควบคุมรถผ่านโค้งแคบๆ หรือการใช้งานบนถนนได้ดีโดยไม่ต้องเหนื่อยกับมันมากนัก การโยกตัว กดรถพลิกซ้าย-ขวา ในโค้ง S ทำได้ง่ายดาย ดึงปุ๊บ มาปั๊บ ยาง Pirelli Supercorsa SP ที่ให้มาทำหน้าที่ของมันได้อย่างดี ไม่มีอาการอะไรให้เสียวกันแน่นอน
โดยรวมในวันนั้นเจ้า Street Triple RS เป็นรถที่ผมคิดว่ามันตอบโจทย์สำหรับสายซิ่งพอสมควรครับ เนื่องจากกำลังเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้นจากรุ่นเก่าอย่างรู้สึกได้ ชุดเกียร์ชิดขึ้น และกล่อง ECU ที่ถูกปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับเครื่องยนต์ อีกทั้งหน้าจอแสดงผล TFT ที่มีลูกเล่นเยอะมากๆ เป็นผมคงจะหาท่อไอเสียดีๆ สักหนึ่งชุด เพื่อเพิ่มความมันส์ในการซิ่งอีกสักหน่อย ที่เหลือก็แค่เติมน้ำมันแล้วก็ทำหน้าหล่อๆ ขี่มันอย่างเดียวก็คงจะพอ กับราคา 530,000 บาท เทียบกับคู่แข่งคลาสเดียวกัน (Neked Bike 800 cc.) ผมยังมองไม่เห็นว่ารุ่นไหนจะเข้ามาได้ใกล้คันนี้ได้นะครับ ราคาอาจจะสูงกว่าคู่แข่งสักหน่อย แต่ถ้าเปรียบเทียบ Option ที่ให้มา ก็ยากที่จะปฏิเสธเจ้า Street Triple RS คันนี้ได้จริงๆ ครับ
Triumph Street Triple RS ราคา 530,000 บาท
Cr.บททดสอบจริงโดย : Arm BoxzaRacing Test Rider