เขียนโดย: Pajingo

เมื่อ: 26 มกราคม 2560 - 14:36

ภาพโดย: BeastTorque

Automotive | Lifestyle | Cars

BMW F800GS ท้าทายทุกการเดินทาง นิยามที่ใช่สำหรับสายลุยตัวจริง

 

          เคยรู้สึกกันไหมครับว่า การใช้ชีวิตในรูปแบบเดิมๆ ซ้ำๆ เรื่อยๆ มันอาจบั่นทอนพลังชีวิตของคุณให้หมดลงไปโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นหลายๆ คน จึงมักขวนขวายหาความท้าทายใหม่ๆ ที่พร้อมให้คุณได้สัมผัสในเบื้องหน้า เช่นเดียวกับโลกของชาวไบค์เกอร์ ที่ในท้ายที่สุด หลายๆ คนนั้น เลือกที่จะสัมผัสอะไรที่แปลกใหม่ เพื่อค้นหาความหมายให้กับชีวิต เหมือนกับที่เราๆ ท่านๆ เคยได้เห็นว่าสายลั่นหลายๆ คน เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เรียกได้ว่าอิ่มตัวแล้ว สายลั่นเหล่านั้นก็มักจะผันตัวเองไปในทิศทางต่างๆ ซึ่งกับคำว่า “สายลุย” ก็มักจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ที่ชาวไบค์เกอร์รุ่นใหญ่ ให้ความสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

 

BMW F800GS สองล้อมิดเดิ้ลไซส์สำหรับสายลุยตัวจริง

 

 

          หากจะพูดถึงรถมอเตอร์ไซค์ที่คู่ควรจะมาเป็นพาหนะคู่ใจของไบค์เกอร์สายลุย ต้องบอกว่าในปัจจุบันนั้น มีรถมอเตอร์ไซค์รุ่นต่างๆ ทั้งจากแบรนด์ญี่ปุ่น หรือแม้แต่แบรนด์ยุโรปมาให้เลือกสัมผัสกันอย่างมากมาย ซึ่งสองล้อในอนุกรม GS เป็นรุ่นหนึ่งที่จัดว่าเป็นรถที่ตอบโจทย์ได้อย่างลงตัวทุกองค์ประกอบในมุมมองส่วนตัวของผม ภายใต้ภาพลักษณ์ที่มีความโดดเด่น ชื่อชั้นที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร ภายใต้ค่าตัวที่ไม่พอจะเอื้อมถึงได้ไม่ยาก BMW F800GS ดูจะเป็นคำตอบที่ลงตัวไม่น้อยเลยทีเดียวเชียวครับ ซึ่งนั่นเอง เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมเลือกสองล้อรุ่นนี้ มารีวิวให้กับชาว BoxzaRacing ได้รับชมข้อมูลกันแบบหมดเปลือก

 

ถังน้ำมันด้านท้าย สร้างบาลานซ์ที่ดียิ่งขึ้น

 

โดดเด่น สะดุดตาด้วยไฟท้าย LED

 

          สำหรับ BMW F800GS เป็นหนึ่งในพี่น้องตระกูล GS อันเลื่องชื่อ โดยได้รับการถ่ายทอด DNA มาจากพี่ใหญ่อย่าง R1200GS ที่ดูจะเป็นจุดหมายของนักเดินทางตัวจริง แต่ด้วยปัจจัยต่างๆ นานัปการ อาจจะยังทำให้หลายๆ คน อาจต้องหยุดความคลั่งไคล้ไว้เพียงในใจ ซึ่ง BMW F800GS ดูจะเป็นคำตอบที่กำลังดีสำหรับนักเดินทางสายพอเพียงตัวจริง โดยสองล้อผู้นี้มาพร้อมเรือนร่างที่ดูกะทัดรัด กระชับยิ่งขึ้นสำหรับผู้ขับขี่ที่รูปร่างมิได้สูงใหญ่ โดย BMW F800GS ได้รับการออกแบบมาในสไตล์ Touring Adventure พันธุ์แท้ ทำให้สมรรถนะในการขับขี่แบบออฟโรด ดูจะเหนือกว่าสองล้อแบรนด์อื่นๆ โดยยังคงไว้ซึ่งประสิทธิการขี่บนทางเรียบได้อย่างเต็มเปี่ยม โดยหากจะกล่าวถึงจุดน่าสนใจของมอเตอร์ไซค์สายลุยรุ่นนี้ ก็คือ เรื่องของถังน้ำมันที่มีความจุถึง 16 ลิตร ซึ่งประโยชน์ข้อนี้เอง ที่ทำให้รถวิ่งได้ไกลกว่าเดิมถึง 40% เลยก็ว่าได้ ดังสโลแกนของ BMW นั่นก็คือ “55 mpg at 55 mph” โดยการทดสอบสามารถเดินทางไกลได้ถึง 400 กิโลเมตร ในการขับขี่แบบปกติ และด้วยความที่ถังน้ำมันวางไว้ด้านหลังบริเวณเบาะคนซ้อน ช่วยให้ตัวรถมีการบาลานซ์น้ำหนักได้อย่างยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น และช่วยให้การเติมน้ำมันทำได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้นอีกด้วย

 

ปากเหยี่ยวดีไซน์ใหม่ ออกแบบมาให้ลู่ลมยิ่งขึ้น

 

ไฟหน้าฮาโลเจน แยกชัดเจนระหว่างไฟต่ำและไฟสูง

 

เรือนไมล์อนาล็อค ผสานกับหน้าจอดิจิตัลอย่างลงตัว

 

 

          BMW F800GS มาพร้อมการออกแบบในสไตล์ที่พร้อมลุยแบบเต็มตัว ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของด้านหน้าที่มาพร้อมกับบังโคลนปากเหยี่ยว ไฟหน้าแบบ 2 ช่อง แยกส่วนระหว่างไฟต่ำและไฟสูงอย่างชัดเจน ส่วนไฟท้ายมาในรูปแบบ LED เช่นเดียวกับไฟเลี้ยว เพิ่มประสิทธิภาพและลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่ด้วยวินชิลด์ที่สูงพอสมควร ควบคุมบังคับเลี้ยวผ่านแฮนด์บาร์แบบโอเวอร์ไซส์ หน้าปัดเรือนไมล์แบบอนาล็อค ผสมดิจิตอล แสดงผลผ่านหน้าจอ LCD ที่บอกค่ารายละเอียดการทำงานของเครื่องยนต์อย่างครบครัน ประกับแฮนด์ด้านขวาเป็นที่อยู่ของปุ่มสตาร์ทและดับเครื่องยนต์ พร้อมด้วยปุ่มสำหรับ Heat Grip ที่สามารถปรับความอุ่นได้ 2 ระดับ ส่วนประกับแฮนด์ด้านซ้ายเป็นที่อยู่ของแตร ไฟสูง ไฟเลี้ยว ไฟฉุกเฉิน และปุ่มควบคุมการปิด-เปิด ของระบบ ABS และ Traction Control รวมถึงข้อมูลการขับขี่ในส่วนของอัตราการสิ้นเปลืองเฉลี่ยตลอดทริป หรือแม้แต่แบบ Real Time

 

โครงสร้างแบบ Tubular Steel Trellis Frame สุดแกร่ง

 

ขุมพลัง 2 สูบ พิกัด 798 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 85 แรงม้า

 

โช้คหลังสามารถปรับพรีโหลดได้โดยง่าย

 

ชุดเบรคจาก Brembo เติมเต็มความมั่นใจในการหยุดทุกย่านความเร็ว

 

        ด้านโครงสร้าง BMW F800GS มาพร้อมเฟรมแบบ Tubular Steel Trellis Frame โอบอุ้มขุมพลังแรงสูงในพิกัด 798 ซีซี. โดยมาในรูปแบบ 2 สูบ 4 จังหวะ Parallel Twin Engine แบบ DOHC 8 วาล์ว ความจุกระบอกสูบ x ช่วงชัก 82 x 75.6 มม. อัตราส่วนกำลังอัด 12.0:1 จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลังสูงสุด 85 แรงม้า ที่ 7,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดที่ 83 นิวตัน-เมตร ที่ 5,750 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด สำหรับระบบช่วงล่างของ BMW F800GS มาพร้อมกับระบบกันสะเทือนหน้าแบบ Upside Down จาก WP ขนาด 43 มม. และด้านหลังแบบโช้คเดี่ยวที่สามารถปรับตั้งค่าพรีโหลดและรีบาวน์ได้จากปุ่มหมุนในด้านข้าง ล้อมาในรูปแบบซี่ลวด รัดด้วยยางหน้าขนาด 90/90 R21 ส่วนล้อหลังขนาด 150/70 R17 ส่วนระบบเบรคมาพร้อมกับจานดิสก์เบรคคู่หน้าขนาด 300 มม. คาลิเปอร์ Brembo แบบ 4 POT และด้านหลังเป็นจานดิสก์เบรคเดี่ยวขนาด 265 มม. คาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยว ที่มาพร้อมกับระบบเบรค ABS

 

เขย่งพอสมควร สำหรับผู้ที่สูง 168 ซม. และมีน้ำหนักเพียง 55 กก.

 

ด้วยแรงบิดที่เหนือชั้น ช่วยให้การขับขี่ในเมือง ทำได้อย่างคล่องตัวแม้ในรอบต่ำ

 

          ในขั้นตอนของการขับขี่นั่น เป็นเรื่องดีที่ผมได้มีโอกาสทดลองทั้งในเมือง นอกเมือง รวมถึงลองลุยเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้ทราบฟีลลิ่งของตัวรถกับการขับขี่ในสไตล์แอดเวนเจอร์อย่างแท้จริง โดยเมื่อพูดถึงสัดส่วนของผู้ขี่ไซส์มาตรฐานชายไทย (168 ซม. และมีน้ำหนัก 55 กก. ซึ่งอาจจะต่ำกว่ามาตรฐานไปพอสมควร) กับ BMW F800GS รุ่นที่ประกอบในประเทศไทยซึ่งมาพร้อมกับเบาะที่มีความสูง 820 ซม. ปรับพรีโหลดอ่อนสุด เมื่อลองขึ้นไปนั่งวาง 2 เท้าลงพื้น อาจจะรู้สึกว่าต้องเขย่งสักเล็กน้อย สำหรับในสภาพการจราจรที่แออัด แนะนำให้วางเท้าข้างใดข้างหนึ่งลงพื้นแบบเต็มๆ จะมั่นคงกว่า (แต่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับผู้ที่น้ำหนักตัวมากกว่านี้ หรือในขณะที่มีคนซ้อน เพราะตัวโช้คสามารถยุบลงด้วยน้ำหนักอีกพอสมควร) หลังจากนั่นสตาร์ทเครื่องยนต์ ตัวเครื่องเดินเบาอย่างสมูทพร้อมสุ้มเสียงนุ่มๆ ทุ้มๆ ที่ออกจากจากปลายท่อให้ความรู้สึกที่ทรงพลัง ดูมีราคาตามแบบฉบับของเครื่องสองสูบจาก BMW อันเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์เด่นที่โดยส่วนตัวแล้ว คิดว่าไม่สามารถหาได้จากค่ายไหน ผมเริ่มออกตัวด้วยการปล่อยคลัทช์อย่างแผ่วเบาพร้อมเติมคันเร่งนิดๆ ซึ่งเครื่องยนต์ให้การตอบสนองได้อย่างโดดเด่น ราวกับว่ามีแรงบิดมารอให้ใช้งานตั้งแต่ช่วงต้น คือ ขี่อยู่เพียงแค่ 2-3,000 รอบ/นาที ก็รู้สึกว่ารถมีเรี่ยวแรงให้ใช้อย่างเหลือเฟือ การเพิ่มความเร็วสามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง จากอัตราทดเกียร์ที่ออกแบบมาอย่างเหมาะสม ความรู้สึกที่ได้การขับขี่ในเมือง นอกจากพละกำลังในช่วงต้นจะโดดเด่นแล้ว ตัวรถยังสามารถพลิกซ้าย-ขวาได้ง่าย ไม่ต้องออกแรงเยอะ ช่วยให้การซอกแซกในเมืองทำได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ด้วยการออกแบบช่วงล่างมาในสไตล์รถแอดเวนเจอร์ ทำให้การขับขี่ในสภาพถนนเมืองกรุงที่ไม่เป็นใจ ผ่านไปได้อย่างไร้ข้อกังขา ไม่ว่าจะเจอฝาท่อ หลุม หรือรอยต่อพื้นถนน BMW F800GS ก็สามารถจัดการกับทุกอุปสรรคได้แบบอยู่มือ

 

การพลิกโค้งหรือซอกแซกทำได้โดยง่าย ไม่ต้องออกแรงเยอะ

 

การขับขี่ในย่านความเร็วสูง ทำได้อย่างมั่นใจ ไม่ออกอาการสั่นไหว

 

          หลังจากนั้นผมลองเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการขับขี่แนวทัวริ่งระยะทางไกลๆ บ้าง สิ่งที่โดดเด่นของ BMW F800GS คันนี้ นอกจากในเรื่องพละกำลังแล้ว คงหนีไม่พ้นเรื่องของความสบายในการขับขี่ การจัดท่าทางในการขับขี่ถือว่าทำได้อย่างเหมาะสม ช่วยลดอาการเมื่อยล้าในขณะเดินทางได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับในส่วนของชิลด์หน้าที่ช่วยลดแรงปะทะของกระแสลมได้พอสมควร หากแต่จะดีขึ้นหากเปลี่ยนเป็นชิลด์ที่มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นกว่านี้ โดยการขับขี่ในย่านความเร็วสูง ตัวรถยังคงให้พละกำลังอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงเกียร์ 4-6 ที่ค่อนข้างชิด ช่วยให้การเพิ่มความเร็ว หรือเร่งแซงทำได้อย่างมั่นใจไม่ต้องออกอาการให้ลุ้น ถ้าชอบขี่แบบสบายๆ ไม่อยากเปลี่ยนเกียร์บ่อยครั้ง การใช้เกียร์ 6 ตั้งแต่ย่านความเร็ว 80 กม./ชม. ขึ้นไป จนถึงย่านความเร็วสูงสุด ต้องบอกว่าเกียร์เดียวนั้นก็ตอบโจทย์อย่างแท้จริง ด้วยแรงบิดที่มีให้ใช้แบบเหลือเฟือ ส่วนเรื่องที่หลายๆ คนบอกไว้ว่าเครื่องบล็อกนี้ มักออกอาการสั่นเมื่อใช้รอบเครื่องยนต์ที่ 5,000 รอบ/นาที ขึ้นไป ผมกลับมองว่าน่าจะเป็นเรื่องปกติสำหรับเครื่องยนต์ 2 สูบ ที่วางเลย์เอาท์ของลูกสูบทั้ง 2 ลูก ให้ขึ้นลงพร้อมๆ กัน (จุดระเบิดห่างกัน 360 องศา) ซึ่งเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพในเรื่องแรงบิดที่เรียกมาใช้ได้ง่ายแล้ว อาการสั่นเพียงเล็กน้อย (น้อยขนาดที่ว่า...ลืมมันไปเถอะครับ) โดยส่วนตัวคิดว่าไม่ใช่ปัญหา เพราะเมื่อคุณกำลังสนุกกับการควบเจ้า BMW F800GS มันจะทำให้คุณลืมทุกอย่างไปจริงๆ ครับ ด้านประสิทธิภาพการทรงตัว ด้วยฐานล้อที่ออกแบบมายาวถึง 1,578 มม. ทำให้ตัวรถมีเสถียรภาพที่ดี ควบคุมรถได้ง่ายในย่านความเร็วเดินทางที่ 120 – 140 กม./ชม. โดยอัตราการสิ้นเปลืองของความเร็วเดินทางประมาณนี้ วัดได้ราว 20-21 กม./ลิตร ซึ่งถือว่าประหยัดพอสมควร ส่วนเรื่องการเบรคนั้น ผมกล้าพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าสามารถทำได้อย่างดีเยี่ยม ด้วย Engine Brake ที่ให้แรงฉุดสูง บวกกับชุดเบรคหน้าและหลังจาก Brembo ช่วยให้การลดความเร็วของ BMW F800GS ทำได้อย่างมั่นใจทุกย่านความเร็ว

 

 

          ปิดท้ายรีวิวกันด้วยการลุยในทางขรุขระ ต้องยอมรับเลยว่าผมเองก็ไม่ค่อยถนัดกับเส้นทางแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่เมื่อเอาไปลองลุยเบาๆ โดยคิดถึงสถานการณ์ต่างๆ ที่มีโอกาสได้พบเจอ เชื่อได้เลยว่า BMW F800GS เป็นสองล้อขนาดมิดเดิ้ลไซส์อีกหนึ่งคัน ที่สามารถเดินทางไปกับคุณได้ทุกที่อย่างแท้จริงครับ ลองสักครั้งเถอะครับ...แล้วคุณจะรักเจ้าสองล้อผู้นี้เข้าแบบเต็มหัวใจ

 

ขอขอบคุณสถานที่ : Impact Speedpark

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook