Kawasaki Z800 vs. Yamaha MT-09 สงครามมิดเดิลไซส์รุ่นใหญ่ของ Naked Bike แดนปลาดิบ

Kawasaki Z800 vs. Yamaha MT-09

          หลายต่อหลายครั้งที่เรานำข้อมูลรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ (Big Bike) ในสไตล์ต่างๆ มาทำการ Battle กันให้เห็นถึงจุดเด่น และข้อได้เปรียบของแต่ละรุ่นกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในสไตล์รถจักรยานยนต์ที่มีผู้ติดตาม และสนใจอยู่เป็นจำนวนมาก คงจะหนีไม่พ้นรถจักรยานยนต์ในสไตล์ Naked Bike ซึ่งการ Battle กันในครั้งที่ผ่านๆ มา ดูเหมือนว่าเราจะมองข้ามเจ้า Naked Bike ในพิกัด 800-900 ซีซี. คู่เดือดแห่งแดนปลาดิบไป ในวันนี้ BoxzaRacing จึงไม่รอช้า รีบนำข้อมูลแห่งสายเลือด Naked Bike จากแดนปลาดิบมาประชันกันให้เห็นกันแบบทุกซอกทุกมุม เพื่อประกอบการตัดสินใจของชาวไบค์เกอร์ทั้งหลายอย่างเร้าใจเหมือนเช่นเคย

          ศึกในครั้งนี้ คือ ศักดิ์ศรีของ Naked Bike รุ่นใหญ่ในคลาส Middle Size จากแดนปลาดิบ เนื่องจากในสงครามครั้งนี้มีแค่ 2 คู่ต่อกร คู่นี้เท่านั้น นั่นก็คือ Kawasaki Z800 กับ Yamaha MT-09 ซึ่งทั้งคู่ต่างเป็นรถจักรยานยนต์ที่มีสไตล์ และเอกลักษณ์เป็นของตัวเองอย่างชัดเจน อีกทั้งราคาค่าตัวยังล่อตาล่อใจ สามารถหามาครอบครองกันได้อย่างไม่ยากลำบาก ซึ่งใน 2 รุ่นนี้ จะมีจุดเด่น และข้อได้เปรียบกันในด้านใดบ้าง เราไปชมกันเลย

Kawasaki Z800

          เรามาเริ่มกันที่ค่ายยักษ์เขียวกันก่อนเลย กับ Kawasaki Z800 ซึ่งล่าสุดพึ่งปล่อยโมเดลใหม่ ให้มีสีสันที่สวยงาม ซึ่งรูปโฉมโดยรวมยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของ Z800 ดีไซน์สุดล้ำ ไว้อย่างสมบูรณ์แบบ

ไฟหน้าทรงดุดันแบบโคมเดียวแยกซ้าย-ขวา ที่คล้ายคลึงกับหุ่นยนต์รบในภาพยนต์เรื่อง Pacific Rim

          เริ่มจากด้านหน้าที่ออกแบบไฟหน้าทรงดุดันแบบโคมเดียวแยกซ้าย-ขวา ที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับหุ่นยนต์รบในภาพยนต์เรื่อง Pacific Rim ไฟเลี้ยวแบบก้านยื่นถูกติดตั้งในตำแหน่งด้านล่างของโคมไฟ ควบคุมการบังคับได้อย่างคล่องตัวด้วยแฮนด์บาร์ขนาดพอเหมาะตามสไตล์รถ Naked Bike ถังน้ำมันขนาดใหญ่ดีไซน์ดุดันที่สามารถบรรจุน้ำมันเชื้อเพลิงได้ถึง 17 ลิตร พร้อมมีแฟริ่งกันกระแทกด้านข้างถังน้ำมัน

แฮนด์บาร์ขนาดพอเหมาะ หน้าจอมาตรวัดแบบ LCD Digital ซึ่งแยกจอออกเป็น 3 ส่วน

          หน้าจอมาตรวัดแบบ LCD Digital ซึ่งแยกจอออกเป็น 3 ส่วน จอด้านซ้ายบอกอุณหภูมิเครื่องยนต์, Odometer, นาฬิกา จอกลางบอกรอบเครื่องยนต์เป็นสเกลในแนวตั้ง จอด้านขวาบอกความเร็ว, อัตราสิ้นเปลือง และระดับน้ำมันคงเหลือในถัง พร้อมมีไฟ Eco แจ้งเตือนเมื่อขับขี่อย่างประหยัด ระบบกุญแจให้เป็นแบบ Immobilizer อย่างรถยนต์ เบาะนั่งดีไซน์สปอร์ตแบบแยก 2 ตอน ที่ให้ท่วงท่าการขับขี่ที่คล่องตัว ปิดท้ายด้วยไฟท้ายแบบ LED ที่เป็นรูปตัว Z อันโดดเด่นมีความเป็นเอกลักษณ์

ระบบช่วงล่างหน้าของ Kawasaki Z800

          สำหรับระบบช่วงล่างของเจ้า Kawasaki Z800 มาพร้อมกับระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบ Upside Down ของ KYB ที่มีขนาด 41 มม. ที่สามารถปรับ Preload และ Rebound ได้ ส่วนด้านหลังเป็นแบบโช๊คอัพเดี่ยวแบบ Uni-Trak จับยึดกับสวิงอาร์ม ที่สามารถปรับค่า Preload สำหรับระบบเบรคด้านหน้ามาพร้อมกับจานดิสก์เบรคคู่ขนาด 310 มม. จับคู่กับปั้มเบรค 4 POT ของ Nissin ด้านหลังเป็นจานดิสก์เบรคเดี่ยวขนาด 250 มม. แบบ 1 POT ของ Nissin เช่นกัน ซึ่งเจ้า Kawasaki Z800 ที่จำหน่ายในบ้านเรายังคงไม่มีระบบเบรค ABS

Kawasaki Z800 มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ขนาด 806 ซีซี.

          ส่วนในเรื่องของขุมพลัง Kawasaki Z800 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 4 สูบ แบบ DOHC 16 วาล์ว ขนาด 806 ซีซี. ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก 71.0 x 51.9 มม. กำลังอัด 11.9:1 จุดระเบิดด้วยระบบ Fuel Injection ของ Keihin ขนาด 32 มม. ให้สมรรถนะสูงสุด 113 แรงม้า ที่ 10,200 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุด 83 นิวตัน-เมตร ที่ 8,000 รอบ/นาที ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำขนาดใหญ่ และส่งกำลังผ่านเกียร์ 6 สปีด แบบ Constant Mesh

Kawasaki Z800 กับราคาค่าตัว 375,000 บาท

          สำหรับราคาค่าตัวของเจ้า Kawasaki Z800 ถูกตั้งไว้ที่ 375,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ชาวไบค์เกอร์ที่ชื่นชอบรถจักรยานยนต์ในสไตล์ Naked Bike พิกัด 800 ซีซี. สามารถจับจองเป็นเจ้าของกันได้อย่างไม่ยาก

Yamaha MT-09

          มาต่อกันที่รถจักรยานยนต์ Naked Bike จากค่ายส้อมเสียงกันบ้าง กับ Yamaha MT-09 ซึ่งเป็นรถมอเตอร์ไซค์ในสไตล์ Naked Bike ที่ผสมผสานอารมณ์ความเป็น Motard เข้าไว้อย่างสมบูรณ์ โดยตัวรถมาพร้อมกับเฟรมแบบอลูมิเนียมที่ให้ความแข็งแรง และมีน้ำหนักที่เบา ด้านหน้ามาพร้อมกับไฟหน้าแบบโคมเดี่ยวทรง 8 เหลี่ยม ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรถในตระกูล MT ของ Yamaha ไฟเลี้ยวแบบก้านยื่นออกจากโคมไฟ บังคับเลี้ยวและให้ท่วงท่าการขับขี่ที่สปอร์ตเร้าใจด้วยแฮนด์บาร์ Over Size ขนาดพอเหมาะ

Yamaha MT-09 ดีไซน์เร้าใจในทุกมุมมอง

          ส่วนถังน้ำมันออกแบบให้ดูปราดเปรียวเพื่อรองรับกับสไตล์การขับขี่ที่คล่องตัว สามารถจุน้ำมันเชื้อเพลิงได้ 14 ลิตร พร้อมมีชุดแฟริ่งด้านข้างถังน้ำมันเป็นช่องดักอากาศช่วยเติมความดุดันได้อีกระดับ เบาะนั่งตอนเดียวแบบยาวต่อเนื่องให้ความสะดวกสบายในการเดินทางทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้าย ปิดท้ายด้วยไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์ล้ำสมัย

แผงหน้าปัดแบบ LED ที่บอกค่ารายละเอียดต่างๆ อย่างครบถ้วน ขนาบด้วยแฮนด์บาร์ Over Size

          แผงหน้าปัดของเจ้า Yamaha MT-09 มาพร้อมกับแผงหน้าปัดแบบ LED ที่บอกค่ารายละเอียดต่างๆ อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นไฟบอกเกียร์, ตัววัดความเร็ว, นาฬิกา, อุณหภูมิ ซึ่งเป็นแบบดิจิตอลทั้งหมด รวมไปถึงตัวแสดงโหมดการขับขี่ ที่สามารถปรับได้ 3 ระดับ ได้แก่ โหมด A ที่จะไว้ใช้ในยามขับขี่ที่ต้องการความเร้าใจแบบสุดขั้ว, โหมด B ซึ่งเปรียบเสมือนโหมด Rain และโหมดสุดท้าย โหมด Standard ไว้ใช้ขับขี่ทั่วไป และมาพร้อมกับระบบกุญแจ Immobilizer

ระบบช่วงล่างของ Yamaha MT-09 สามารถปรับค่า Preload และ Rebound ได้

          สำหรับระบบช่วงล่างของ Yamaha MT-09 มาพร้อมกับระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบ Upside Down ขนาด 41 มม. ส่วนด้านหลังเป็นแบบโช๊คอัพเดี่ยวจับยึดกับสวิงอาร์ม สามารถปรับค่า Preload และ Rebound ได้ สำหรับระบบเบรคหน้าใช้เป็นแบบดิสก์เบรคคาลิเปอร์ Advics โมโนบล็อค จับคู่ขนาด 298 มม. และด้านหลังเป็นคาลิเปอร์ Nissin เดี่ยว พร้อมจานขนาด 245 มม. ซึ่งความพิเศษอยู่ที่การติดตั้งปั๊มบนและปั๊มกระทุ้ง Brembo มาให้จากโรงงาน พร้อมระบบเบรค ABS ทั้งหน้าและหลัง ส่วนล้อเดิมๆ จากโรงงานนั้นมาพร้อมกับล้อแม็กซ์แบบ 10 ก้าน มัดมาด้วยยางหน้าขนาด 120/70ZR17 ยางหลังขนาด 180/55ZR17

Yamaha MT-09 กับเครื่องยนต์ Crossplane 3 สูบ 847 ซีซี.

          สำหรับเครื่องยนต์ของ Yamaha MT-09 คันนี้ มาพร้อมขุมพลัง Crossplane CP3 ขนาด 847 ซีซี. 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่โดดเด่นในเรื่องการตอบสนอง ให้แรงบิดที่โดดเด่นในทุกย่านกำลัง ทางด้านแรงม้าอยู่ที่ 115 ตัว ที่ 10,000 รอบ/นาที และมีแรงบิดมากถึง 87.5 นิวตัน-เมตร ที่ 8,500 รอบ/นาที และสั่งจ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด Yamaha Fuel Injection with YCC-T ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ 6 สปีด

Yamaha MT-09 กับราคาค่าตัว 399,000 บาท

          สำหรับราคาค่าตัวของเจ้า Yamaha MT-09 ถูกตั้งราคาไว้ที่ 399,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่สมน้ำสมเนื้อกับสมรรถนะที่ได้รับจากเจ้า MT-09 และความเป็นรถที่นำเข้าทั้งคันจากประเทศญี่ปุ่น นับเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ชาวไบค์เกอร์สาย Naked Bike สามารถครอบครองเป็นเจ้าของได้ไม่ยาก

เปรียบเทียบกันชอตต่อชอต

เปรียบเทียบกันทุกซอกทุกมุม

ตารางเปรียบเทียบข้อมูลของ Kawasaki Z800 กับ Yamaha MT-09

Comment

          สำหรับใครที่สนใจ และหมายปองรถมอเตอร์ไซค์ Bigbike ในสไตล์ Naked Bike ใน 2 รุ่น ที่ทาง BoxzaRacing นำมา Battle กันในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น Kawasaki Z800 และ Yamaha MT-09 ซึ่งแต่ละรุ่นต่างก็มีข้อดี และข้อได้เปรียบกันไปในคนละด้าน ขึ้นอยู่กับความต้องการ และสไตล์การขับขี่ของแต่ละท่าน หากใครที่ชื่นชอบรถ Naked Bike ที่รูปทรงมีความแข็งแกร่งบึกบึน และหน้าตาดุดันอันเป็นเอกลักษณ์ ผสานการขับขี่ที่ให้ความสมดุล หรืออดไม่ไหวที่จะต้องขี่แช่ในความเร็ว Top Speed บ่อยครั้ง ดังที่ไบค์เกอร์มือใหม่มักสนใจเรื่องความเร็วสูงสุดเป็นหลัก คงต้องยกให้เป็นหน้าที่ของ Kawasaki Z800 ในการตอบสนองความต้องการในครั้งนี้ เนื่องจากน้ำหนักตัวรถที่มาก ส่งผลให้การขับขี่ในย่านความเร็วสูง ทำได้ค่อนข้างนิ่งกว่าพอสมควร แต่หากใครที่มองหารถ Naked Bike ที่สามารถตอบสนองการขับขี่ที่เร้าใจ ผสานกับเทคโนโลยีอันล้ำสมัย และการใช้งานที่มีความคล่องตัว Yamaha MT-09 เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์นี้ได้เป็นอย่างดี แม้ความเร็วสูงสุดอาจเป็นรอง Z800 ด้วยความที่ทางค่ายลดทอนพละกำลังในช่วงเกียร์ 5-6 ไว้ ด้วยเหตุผลในเรื่องความปลอดภัย แต่ถ้าพลังส่วนนี้ ถูกปลดปล่อยออกมาเมื่อไหร่ บอกได้เลยว่า...ใครหน้าไหนก็ฉุดไม่อยู่

           สำหรับการ Battle กันในครั้งนี้ หากว่ากันตามเนื้อผ้า ถ้าไม่สนเรื่อง Top Speed ซึ่งดูจะเป็นเรื่องไร้สาระสำหรับสองล้อแนวเน็คเก็ตไบค์ ดูเหมือนว่า Yamaha MT-09 จะมีสมรรถนะและเทคโนโลยีที่เหนือชั้นกว่า ไม่ว่าจะเป็นขุมพลัง Crossplane CP3 ที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีมาจากรุ่นพี่อย่าง R1 ระบบเบรค ABS ที่ติดตั้งมาให้จากโรงงาน รวมถึงงานประกอบเนี๊ยบๆ ส่งตรงจากแดนปลาดิบ กับราคาที่สูงกว่ากันเพียง 24,000 บาท ถือว่าเป็นส่วนต่างที่ยอมรับได้ แต่อย่างไรก็ตาม Kawasaki Z800 ก็ยังคงเป็นรถที่มีความสมดุล และคงความเป็นเอกลักษณ์ของรถตระกูล Z ไว้อย่างสมบูรณ์ หากใครที่ชื่นชอบเรื่องของการดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ Z800 ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ไม่ควรมองข้าม

Kawasaki Z800 VS Yamaha MT-09

          นี่คือ การเปรียบเทียบจากข้อมูลบางส่วน เพื่อประกอบการตัดสินใจของไบค์เกอร์ทุกท่าน และในครั้งหน้า BoxzaRacing จะนำรถมอเตอร์ไซค์ Bigbike สุดเร้าใจคันไหนมาทำการ Battle ให้ชาวสองล้อขาซิ่งทั้งหลายได้ชมกันอีก ต้องคอยติดตามกันในรอบต่อไปที่ BoxzaRacing ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น