Triumph Street Triple 675 RX พร้อมรีวิวสุดเร้าใจ ใส่เต็มเพื่อรีดขีดสุดแห่งสมรรถนะระดับ King of Middle Class
ต้องยอมรับว่า...ในปัจจุบันนี้กระแสรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์เป็นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากครับ ทั้งรูปลักษณ์ที่ดูโฉบเฉี่ยวโดดเด่น ความเร็วแรง บวกกับการจราจรในเมืองหลวงที่ติดขัดในช่วงเวลาเร่งรีบ ยิ่งทำให้การเลือกใช้ยานพาหนะสองล้อที่คล่องตัว นับเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียวครับ การที่เราจะตัดสินใจเลือกซื้อบิ๊กไบค์สักหนึ่งคัน มีปัจจัยหลายๆ อย่างในการเลือกซื้อ ทั้งราคา สมรรถนะ รูปลักษณ์ที่สวยงาม บลาๆๆ...แล้วถ้าผมอยากจะแนะนำบิ๊กไบค์สักคันนึง ที่สามารถตอบโจทย์ของคุณได้ทั้งหมดล่ะ คุณจะสนใจมั๊ยครับ ?
รถที่ผมกำลังจะพูดถึงต่อไปนี้ คือ สปอร์ตเนคเก็ตไบค์เครื่องยนต์สามสูบ ไฟหน้าคู่สองดวงที่ดูแปลกตา แต่เป็นเอกลักษณ์ของรุ่นนี้ ใช่ครับ...มันคือ Triumph Street Triple 675 แต่วันนี้ เราจะไม่พูดถึงอะไรที่มันธรรมดาๆ แม้ว่าจะมีตัวพิเศษออกมา คือ รุ่น R แต่ก็ยังมีที่พิเศษกว่า ซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นรุ่น RX ที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้ครับ
Triumph Thailand ร่วมกับ Britbike จัดงาน Triumph Track Day ขึ้นเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2559 ณ สนามแก่งกระจานเซอร์กิต จ.เพรชบุรี เพื่อให้ผู้ใช้จักรยานยนต์บิ๊กไบค์ของ Triumph ได้สัมผัสสมรรถนะรถกันแบบเต็มที่ ซึ่งงานนี้ทาง Triumph ก็ไม่ลืมที่จะเชิญสื่อมวลชนชั้นนำ เข้าร่วมทดลองขี่เจ้า Triumph Street Triple 675 RX ในงานนี้ด้วย
Triumph Street Triple 675 RX มาพร้อมเครื่องยนต์ 3 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ 675 ซีซี. ให้กำลัง 106 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 68 นิวตัน-เมตร ที่ 9,750 รอบ/นาที จับคู่เกียร์ 6 สปีด แบบ closed ratio โดยมีการปรับปรุงลิ้นปีกผีเสื้อใหม่ ช่วยให้ประหยัดน้ำมันขึ้นถึง 30% และยังปรับเปลี่ยนอัตราทดเกียร์แรกให้สูงขึ้น เพื่อรองรับการขับขี่ในช่วงความเร็วต่ำได้ดีขึ้น เบรคหน้าดิสเบรคคู่ขนาด 310 มม. คาลิปเปอร์ Nissin 4 POT แบบเรเดียลเมาท์ ด้านหลังเป็นของ Brembo พร้อมระบบ ABS (เปิด-ปิดได้) ระบบกันสะเทือนของเจ้า 675 คันนี้ ถือว่าให้มาแบบครบครันจาก KYB ทั้งหน้า-หลัง สามารปรับเซ็ทค่าได้ทั้งหมด ทั้ง Preload, Rebound และ Compression ยางที่ติดรถมา เลือกใช้ของ Pirelli Daiblo Rosso Corsa หน้า120/70 หลัง 180/55 ที่สามารถใช้บนถนน และในสนามได้ดีเลยทีเดียวครับ
ในรุ่นพิเศษ RX นอกจากจะมีสีพิเศษเพิ่มมาอีก 2 สี คือ Daiblo Red and Matt Aluminium Silver และ Jet Black แล้ว ก็ยังมีอุปกรณ์ที่เพิ่มเติมเข้ามาให้รุ่น RX พิเศษขึ้นไปอีกครับ ไม่ว่าจะเป็น Quick Shifter เปลี่ยนเกียร์โดยไม่ต้องใช้ครัทช์, อกไก่ล่าง, ชิลด์หน้า, ชุดแฟร์ริ่งท้ายที่ได้แรงบันดาลใจจาก Daytona สีล้อแดงสด พิเศษเฉพาะรุ่น RX
ดูจากสเปคคร่าวๆ แล้ว ต้องบอกว่า Triumph "จัดเต็ม" มาเลยทีเดียว ทั้งความสวยงาม งานประกอบที่ประณีต สีสันของตัวรถที่ให้อารมณ์สปอร์ตมากขึ้น อีกทั้งอุปกรณ์ที่เพิ่มสมรรถนะต่างๆ ของรุ่นนี้อีก ทั้งหมดนี้...ผมจะปั่นรวมกันและลงไปหวดเจ้า 675 RX ในสนามแก่งกระจาน เซอร์กิต ให้รู้ซึ่งถึงแก่นแท้เลยทีเดียว โดยบทความนี้ ผมจะเน้นไปทางการขับขี่ในสนาม หรือการขับขี่แบบ Racing ล้วนๆ ให้รู้กันไปเลยครับ
ในวันนั้นอากาศค่อนข้างดีครับ แดดแรง พื้นแทร็กค่อนข้างร้อน เหมาะแก่การซิ่งมากๆ ครับ เมื่อถึงรอบสื่อมวลชนได้ทดลองขี่ ผมกระโดดขึ้นคร่อมเจ้า Triumph Street Triple 675 RX ทันที สัมผัสแรก คือ เบามากๆ เจ้านี่น้ำหนักเบามากๆ ครับ ดูจะเบากว่าตัวเลขที่แจ้งไว้ที่ 198 กิโลกรัม เสียอีก ถูกใจผู้ชายตัวผอมแห้งอย่างผมมาก เบาะนั่งสองตอนกระชับดีครับ ด้านหลังครอบแผ่นปิดคนซ้อนไว้ (รุ่น RX ใช้เบาะธรรมดา ไม่ใช่เบาะเจล แบบรุ่น R) หน้าปัทแสดงค่าต่างๆ อย่างครบถ้วน แฮนด์บาร์ไม่กว้างมากนัก แต่ก็ไม่ต้องใช้แรงในการบังคับเลี้ยวมากมาย พักเท้าออกแนวสปอร์ตเยื้องไปด้านหลังนิดๆ มือเบรค-ครัทช์ มีเหรียญเพื่อปรับระดับให้พอดีกับระยะนิ้วของผู้ใช้งาน เสียงเครื่อง 3 สูบ ยังคงเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากปรับก้านเบรค-ครัทช์ให้ได้ระยะของนิ้ว ผมก็ได้เวลาลุยแล้วครับ !
ผมขี่วอร์มยางโดยใช้ความเร็วต่ำอยู่ประมาณ 2 รอบสนาม ระบบส่งกำลัง ทั้งอัตราทดเกียร์ใหม่ + Quick Shifter ทำงานในรอบความเร็วต่ำได้อย่างดีเยี่ยมครับ (ปกติระบบ Quick Shifter ชอบงอแงในรอบเครื่องต่ำๆ) การเข้าเกียร์ขึ้นหรือลง เป็นไปอย่างนุ่มนวล นุ่มจนผมไม่แน่ใจว่าเกียร์เปลี่ยนตำแหน่งไปหรือยัง ระบบกันสะเทือนใช้เป็นค่ามาตรฐานที่โรงงานปรับตั้งค่าไว้ การเอียงรถเข้าโค้งในความเร็วต่ำๆ ช่วงล่างยังไม่มีอาการกระด้างหรือย้วยแต่อย่างใด เอาล่ะ...ได้เวลาลองของแล้ว เมื่อยางเริ่มร้อน คนพร้อม รถพร้อม ก็หวดสิครับรออะไร ! ผมเปิดคันเร่งโดยใช้เกียร์ 2 ออกจากโค้งสุดท้ายเพื่อเข้าทางตรงหน้าพิท รอบเครื่องและความเร็วฟาดขึ้นไปเร็วมากๆ ครับ ไฟ Shift Light สีฟ้าบนหน้าปัทสว่างขึ้น เพื่อเตือนให้ผมเปลี่ยนเกียร์จาก 2 ไป 3-4-5 โดยลอง Quick Shifter ในรอบเครื่องสูงๆ ซึ่งทำงานได้ดี ไม่มีอาการว่าวเกียร์แต่อย่างใด รอบเครื่องยนต์มีความต่อเนื่องดี ไม่มีอารการรอรอบเลยแม้แต่น้อย สุดทางตรงความเร็วแตะขึ้นไปเกือบๆ 170 กม./ชม. ผมปิดคันเร่งเพื่อเตรียมตัวเลี้ยวโค้งซ้ายต่อด้วยขวา อารการรถดีเยี่ยม ผมโหนตัวเพื่อย้ายทิศทางการเลี้ยวในความเร็วสูงๆ ช่วงล่างด้านหน้า-หลัง ยังคงนิ่งดี ไม่มีอาการส่ายหรือดิ้นให้รถเสียอาการเลย ต่อเนื่องมาถึงโค้งซ้ายที่ 5 ต่อด้วยโค้งขาวที่ 6-7-8 ยาวๆ ซึ่งพอสุดโค้งที่ 8 จะเจอทีเด็ดของสนามนี้ บางคนเรียกว่า หัวกระโหลกบ้าง หรือ หัว ก.ไก่ บ้าง ซึ่งเป็นโค้งที่หลอกตา จากเกียร์ 3 ในโค้ง 7-8 ผมลดเกียร์ลงมาที่เกียร์ 2 ในขณะที่ตัวรถยังไม่ได้ตั้งตรงมากนัก เพื่อพับรถเข้าโค้งขวาที่ 9 แต่รถไม่มีอาการท้ายสะบัดหรือส่ายไปมา อาจเพราะความเร็วที่ผมใช้ไม่สูงมาก บวกกับยางที่ให้มาค่อนข้างดี จึงทำให้ผมกล้าเปิดคันเร่งหนักๆ เพื่อออกโค้งที่ 9 ไปสู่โค้งที่ 10-11-12 ซึ่งเป็นลักษณะโค้งซ้าย-ขวารับกันอยู่ ด้วยเกียร์ 3 และ 4 ที่ความเร็วประมาณ 120 กม./ชม. พอมาถึงโค้งที่ 13 เป็นโค้งซ้าย เกือบๆ จะเป็นตัว U ผมต้องใช้เบรคหนักสักหน่อย เพื่อลดความเร็วพร้อมกับลดเกียร์ลงจาก 4 มาที่เกียร์ 2 เพื่อพับรถเข้าโค้งซ้ายที่ 13 พอออกจากโค้งที่ 13 ผมลองเปิดคันเร่งจนสุด ล้อหน้าเจ้า Triumph Street Triple 675 RX ลอยขึ้นมาอย่างง่ายดายจนหมดเกียร์ 2 พอล้อแตะลงถึงพื้น ผมก็เดินหน้าความมันส์ต่อด้วยเกียร์ 3-4 ขึ้นทางชันของสนามเพื่อเริ่มเลี้ยวโค้งซ้าย Hi Speed ที่โค้ง 15-16-17 ความเร็วที่ผมใช้ในโค้งนี้อยู่ที่ 130 กม./ชม. ก็ยังทำอะไรเจ้า Triumph Street Triple 675 RX ไม่ได้ครับ อาการรถนิ่งมากครับในโค้งความเร็วสูงๆ แม้องศาของรถจะเอียงลงมาจนเซ็นเซอร์เข่าซ้ายผมถึงพื้นก็ตาม ส่วนหนึ่งคงต้องยกเครดิตให้กับความสมูทของเครื่องยนต์ตัวนี้ด้วย ทำให้การคุมคันเร่งเวลาอยู่ในโค้งทำได้อย่างง่ายดาย พอออกจากโค้งที่ 17 ด้วยเกียร์ 4 จะมาเจอทางตรงลงเขายาวๆ เพื่อถึงโค้ง 18-19 ที่แทบจะไม่ต้องลดความเร็วเลย ในขณะเดียวกัน สามารถเพิ่มความเร็วขึ้นไปได้อีกด้วย ช่วงทางตรงนี้ของสนามได้ใช้ความเร็วที่สูงมาก ผมใช้จนถึงเกียร์ 6 ที่ความเร็วแตะไปที่ 190 กม./ชม. แต่ก็ต้องเบรคและเชนเกียร์ลงมาที่เกียร์ 3 เพื่อเข้าโค้งที่ 20-24 ซึ่งเป็นโค้ง S1 และ S2 ระบบเบรคทำงานได้อย่างแม่นยำครับ แค่แตะๆ รถก็ชลอความเร็วลงอย่างรวดเร็ว ตรงจุดนี้ต้องใช้การดึงรถซ้าย-ขวา ติดๆ กันครับ ทำให้ช่วงหน้าของรถมีอาการดิ้นเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับเสียอาการ พอหลุดจากจุดนี้ ก็เป็นโค้งซ้ายสุดท้ายของสนาม เพื่อเริ่มรอบใหม่ครับ ผมหวดเจ้า Triumph Street Triple 675 RX อยู่เกือบๆ 10 รอบสนาม ด้วยความมันส์โดยไม่รู้สึกเหนื่อยล้ามากนัก รถรุ่นนี้ขี่ง่ายมากๆ ไม่ต้องออกแรงสู้กับตัวรถ ทั้งการดึงรถเพื่อเข้าโค้งและการตอบสนองของเครื่องยนต์ที่มีความสมูทเวลาเปิดคันเร่งออกจากโค้งแคบๆ โดยไม่ต้องกลัวว่าท้ายรถจะสไลด์ และดีดเราออกไปนอกแทร็ก ส่วนระบบต่างๆ ของรถ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องยนต์, ระบบส่งกำลัง, Quick Shifter, ช่วงล่าง, เบรค รวมถึงยาง ทำงานได้ดีในทุกๆ รอบที่ผมทดสอบครับ
ส่วนตัวผมหลังจากที่ได้ทดสอบเจ้า Triumph Street Triple 675 RX แล้ว ผมถึงกับอยากได้เจ้า Triumph Street Triple 675 RX มาจอดที่บ้านอีกสักคันครับ เพราะราคาที่เปิดตัวออกมาในรุ่น RX เพิ่มราคาจากรุ่น R อีกแค่ 20,000 บาท โดยอยู่ที่ 480,000 บาท (รุ่น R 460,000 บาท) ถ้าเปรียบเทียบกับของที่ได้เพิ่มขึ้นมา บอกได้เลยว่าคุ้มสุดๆ ครับ อ่อ...ที่สำคัญ คือ มีขายจำนวนจำกัดนะครับ เพราะทาง Triumph Thailand นำเข้ามาเพียง 79 คันเท่านั้น (เป็นรถ Demo ก็ 2 คันแล้ว) ซึ่ง ณ ตอนนี้ ถูกจำหน่ายออกไปหลายสิบคันแลัวด้วย ใครที่กำลังมองหาสปอร์ตเนคเก็ตกับรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ ราคาไม่แพงเกินไป ขับขี่ง่ายทั้งบนถนนและในสนาม ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือขาซิ่ง ผมแนะนำว่า...อย่ารอช้าครับ เจ้า Triumph Street Triple 675 RX คันนี้ ตอบโจทย์คุณได้อย่างแน่นอนครับ
