เขียนโดย: akadet vintavamorn

เมื่อ: 22 พฤษภาคม 2558 - 10:23

ฟิล์ม รัฐภาคย์ แตกหัก คอร์ มอเตอร์สปอร์ต ประกาศแยกทาง



ฟิล์ม รัฐภาคย์ แตกหัก คอร์ มอเตอร์สปอร์ต ประกาศแยกทาง


        คุณ ปวีร์ ปานดำรงสถิตย์ เจ้าของทีม คอร์ มอเตอร์สปอร์ต ประกาศกลางเฟซบุ๊กบนเพจ CORE" Motorsport Thailand หลังจากมีประเด็นร้ออยู่ในกระแสวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยหลังจากที่มีประเด็นถึงเรื่องภรรยา ของหนุ่ม ฟิล์ม รัฐภาคย์ นักแข่งวัย 27 ปี จากรายการแข่งขันเวิลด์ ซูเปอร์สปอร์ต แชมเปียนชิพ รุ่น 600 ซีซี "มด" อนุรดี วิไลโรจน์ ภรรยาของนักบิดดาวรุ่ง เข้ามายุ่งในการจัดกรของทีม พร้อมขอแยกทางกับนักแข่งรายนี้ เนื่องจากไม่พอใจที่มีแฟนคลับตามจวก รวมไปถึงโดนทำลายชื่อเสียงทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง


สำหรับข้อความที่คุณปวีร์ เจ้าของทีม คอร์ มอเตอร์สปอร์ตโพสต์ไว้มีดังนี้........

          “สืบเนื่องจากแอดมิน และผู้ร่วมติดตามบางคนในเพจ Ratthapark family ได้กล่าวพาดพิงถึง ผม ปวีร์ ปานดำรงสถิตย์ และทีม คอร์ มอเตอร์สปอร์ต ไทยแลนด์ ในทางเสียหายอย่างมาก ทำให้หลายท่านที่ติดตามในเพจเกิดความเข้าใจผิด ดังนั้น เพื่อความเป็นธรรมผมจึงขอใช้พื้นที่นี้ในการสร้างความกระจ่าง และแถลงความจริงให้กับแฟนเพจทุกท่านได้ทราบและเข้าใจในทางที่ถูกต้อง ผมในฐานะ เป็นผู้บริหาร บริษัท Core Chematis Co., Ltd และบริษัทในเครือคือ Nature Nutri Co.,Ltd รวมทั้ง Wide Water Gate Co., Ltd. และ บริษัทใหม่ CORE" New World Co.,Ltd ซึ่งทั้ง 4 บริษัท มีผู้ถือหุ้นอยู่จำนวนหนึ่ง โดยทั้ง 4 บริษัท ใช้ตราสัญญลักษณ์ร่วมกันคือ CORE" + ใบไม้สีส้ม เป็น trademark ในทางการค้าเพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ ตราสัญญลักษณ์ ของเรา ได้รับความเชื่อถือ ไว้วางใจ จากลูกค้าในวงการธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ มาตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปี องค์กรของเราเป็นองค์กรใหญ่ เรามีพนักงานทั้ง 4 บริษัทรวมกันร่วม 300 คน ผม ผู้บริหาร และผู้ร่วมงานทุกคน ฟันฝ่าอุปสรรค ขวากหนามต่างๆ มามากมาย เพื่อให้บริษัท ได้ยืนอยู่บนแถวหน้าในแวดวงธุรกิจในส่วนของเรา ดังนั้น ผม ในฐานะ ผู้รับผิดชอบและดูแลองค์กรทั้งหมด จึงต้องปกป้องและรักษาชื่อเสียงขององค์กร เมื่อมีผู้ไม่หวังดี ทำให้ชื่อเสียงของ CORE" ได้รับความเสียหาย"

          "ทีม คอร์ มอเตอร์สปอร์ต ไทยแลนด์ ถือกำเนิดขึ้นเมื่่อปี 2014 ด้วยความบังเอิญอย่างที่ทุกท่านได้ทราบ ท่ามกลางเสียงคัดค้านอื้ออึง จากผู้บริหาร และผู้ร่วมงานเกินกว่าครึ่ง ว่าไม่ควรเสี่ยงกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้ามองในแง่ของธุรกิจที่เราทำอยู่ วงการมอเตอร์สปอร์ตที่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมหาศาล ไม่มีทางที่จะสร้างงานและผลประโยชน์ใดๆ ให้แก่ธุรกิจในสายที่เราประกอบอยู่ได้ เนื่องจากเราไม่ได้ทำธุรกิจด้านมอเตอร์ไซค์ หรืออะไหล่มอเตอร์ไซค์ หรือมีความเกี่ยวข้องกับมอเตอร์ไซค์ในทุกๆด้าน"

          "หากเมื่อความบังเอิญนั้นได้เข้ามาแล้ว ผมจึงเกิดแรงบันดาลใจ เพราะเป็นความรักชอบส่วนตัว เมื่อปี 2014 ผมขี่บิ๊กไบค์ เป็นเวลาเกือบ 4 เดือน จากลอนดอน สู่กรุงเทพ บนเส้นทาง silk road ผมขี่ enduro กับเพื่อนๆ ในวันหยุด ผมมีทีมมอเตอร์ไซค์เล็กๆ แข่งกันในประเทศไทย และในแถบเอเชีย ที่ผมทำด้วยใจรักกับเพื่อนๆ ในกลุ่มของผม ผมไม่เคยคาดคิด ว่าผมจะมาทำทีมระดับโลก หากเมื่ีอผมตัดสินใจเดินหน้าแล้ว ผมจึงต้องเรียกคนในองค์กรมาร่วมประชุม และขอโอกาสจากทุกคน ว่าผมจะบริหารทีมมอเตอร์ไซค์ ระดับโลก ให้ดีที่สุด โดยเบื้องต้น ผมพิสูจน์ตัวเองด้วยการลงทุนส่วนตัว โดยไม่ผ่านกระบวนการบัญชีจากบริษัทในปี 2014 กับทีม PTR Honda โดยมีพี่สาวผม ร่วมลงด้วยโดยส่วนตัวเช่นกัน เมื่อครั้งไป MOTO 2 กับทีม แอร์ เอเชีย แคเธอแฮม"

          "แต่วันนี้ ทีม คอร์ มอเตอร์สปอร์ต ไทยแลนด์ (ต่างประเทศ) ที่ผมทำด้วยใจรัก และบริสุทธิ์ใจ ทีมที่ไม่เคยสร้างผลประโยชน์ใดๆ ให้แก่ธุรกิจในองค์กรของผมแม้แต่บาทเดียว ทีมที่ผมทุ่มเท ทั้งกำลังใจ กำลังกายมาเป็นเวลาปีกว่า ทีมที่ผมขอโอกาสจากทุกคนในองค์กร ว่าผมจะทำให้เติบโต และให้ประสบผลสำเร็จ ทีมที่ผมใช้ เครื่องหมายทางการค้า CORE" + ใบไม้สีสัม วันนี้สิ่งนั้น ได้กลับมาทำลายองค์กรทางธุรกิจที่เข้มแข็ง ผู้ถือหุ้น และบุคลากร ในบริษัท ทั้ง 4 ของผมให้เสียหาย ด้วยการมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง กล่าวร้ายทำลายองค์กรของ CORE" โดยไม่เป็นธรรม ต่อสาธารณะชน แต่ที่สำคัญที่สุด คือในกลุ่มคนจำนวนนั้น มีคนในครอบครัวของนักแข่ง ร่วมอยู่ในกลุ่มของผู้ที่กล่าวร้ายทีม โดยไม่ยอมแก้ต่างให้แก่ทีมแม้แต่น้อย การกระทำดังกล่าวนี้ ผมและผู้บริหารทุกคนในองค์กร ถือเป็นการกระทำที่ร้ายแรงมาก"

          "เพจปิดนี้ มีแอดมิน อยู่ 3 คน หากแต่ผมขอเอ่ยเพียงชื่อเดียว ที่โพสต์ข้อความ ที่สร้างความเสื่อมเสียให้แก่ องค์กรของผม มาโดยตลอด คือ ผู้ที่ใช้ชื่อว่า Buzz Preecha และมีผู้ติดตามที่เป็นเสมือนลูกคู่ คือ Oung Munin ผมและผู้บริหารบางส่วน ได้ติดตามเพจนี้อย่างใกล้ชิดมา ตั้งแต่ปลายปี 2014 โดยในเพจนี้ ที่สำคัญที่สุด มีคุณ Anooradee Wilairot ผู้ซึ่งเป็นภรรยาของ นักแข่ง รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ก็ได้อยู่ในกลุ่มเพจปิดนี้มาตั้งแต่ต้น ทางทีมงานของผม เก็บข้อความต่างๆ ไว้จำนวนมาก เพจปิดนี้ได้ทำการโพสต์ ข้อความ ซึ่งในบางครั้งเป็นความลับที่มีเพียงต้นสังกัดคือทีมคอร์ นักแข่ง และครอบครัวเท่านั้น ที่รู้ หากแต่เรื่องเหล่านี้ ได้ถูกนำไปเปิดเผย ให้บุคคลภายนอกในกลุ่ม นำมาขยายความ โพสต์ ในลักษณะการใช้ถ้อยคำ เหยียดหยาม ดูถูก กระทบกระเทียบทีมคอร์ รวมทั้งตัวผมอยู่บ่อยครั้ง หากทางเรานิ่งสงบ ไม่เคยบอกให้นักแข่งหรือครอบครัวรับรู้ ว่าทางเราทราบเรื่องนี้มานานแล้ว เราพยายามไม่หวั่นไหว และเดินหน้าต่อ และช่วงปลายปี 2014 ผมได้ส่งสัญญานทางอ้อมกับคุณรัฐภาคย์ และภรรยา ด้วยการเรียกเข้าพบ และเจรจาว่า เราเป็นครอบครัวเดียวกัน กินข้าวหม้อเดียวกัน คนอื่นที่เข้ามา เค้าก็ไม่ได้ช่วยอะไร เมื่อพูดคุยกันเรื่องนี้ ทางผมก็เดินหน้าทำงานต่อ จากการจ้าง PTR Honda ทำทีมในปี 2014 ผมก็ได้มาสานต่อในปี 2015 ด้วยการทำทีมเอง ครั้งนี้ผมต้องใช้เงินเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า ของการทำทีมปีที่แล้ว เพื่อให้เกิดสิ่งที่ดีที่สุด เท่าที่ตัวผมเองและทีมงานจะสามารถทำได้

          "หากตั้งแต่ต้นปี 2015 จนถึงปัจจุบัน สิ่งที่ผมพูดในทางอ้อมเอาไว้กับทั้งคู่ ไม่บังเกิดผล เพจปิดนี้ก็ยังทำลายชื่อเสียงองค์กรของผมอย่างไม่หยุดยั้ง โดยโพสต์ข้อความกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริง แรงขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ยังมีคุณ Anooradee ภรรยาของคุณรัฐภาคย์ ที่ปล่อยให้ทางทีมที่เป็นต้นสังกัดของสามี ถูกโพสต์ข้อความเชิงกล่าวหา ดูถูกเหยียดหยาม รุนแรง อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผมได้รับการตำหนิติเตียนอย่างรุนแรง จากผู้ถือหุ้น และผู้บริหารในองค์กร ถึงเพจที่ทำลาย ชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของบริษัท ผมจึงให้ทีมงานของผม แจ้งเรื่องนี้ให้คุณรัฐภาคย์ทราบ โดยหวังให้มีการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งกับบุคคลกลุ่มนี้ และคนในครอบครัวของตน หากเวลาผ่านล่วงเลยมาแล้ว 1 เดือน สิ่งที่ผมได้รับคือการเพิกเฉย เสมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น และไม่มีสัญญานที่จะดำเนินการใดๆ จากคุณรัฐภาคย์ทั้งสิ้น"

          "ดังนั้น ผมในฐานะผู้รับผิดชอบต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ขององค์กร ที่มีผู้เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก จึงไม่สามารถปล่อยให้ บุคคลที่เกี่ยวข้องในทีมคอร์ มอเตอร์สปอร์ต ไทยแลนด์ ที่ผมทำโดยไม่ได้ผลกำไรตอบแทนกลับมาทำลายภาพลักษณ์ขององค์กรธุรกิจหลัก ที่สร้างรายได้ให้แก่องค์กรและบุคลากรในนาม CORE" ของผมได้ วันนี้ ผมจึงโพสต์ข้อความที่คุณสุนิดา แคปส่งมาให้ โดยต้องการตอบคำถามและสร้างความกระจ่างต่อบุคคล ดังต่อไปนี้

          คุณ Buzz Preecha: "คุณคงไม่รู้ว่าผมไม่ได้ทำธุรกิจมอเตอร์สปอร์ต ที่จะได้มาบอกว่า ลงทุนต้องหวังกำไร ที่ผมทำทีมมามีแต่เสียเงิน ไม่ได้ทำให้ยอดขายของธุรกิจเพิ่มขึ้นเลย ต้องกล้ำกลืน ลงทุน ลงแรง เสียเวลา เสียสมอง เสียทุกอย่าง แทนที่จะเอาเวลาไปขยายธุรกิจให้เติบโต ที่ผมทำมอเตอร์ไซค์ เพราะมีแรงบันดาลใจ อยากเห็นวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยพัฒนา แต่ก็มีคนกลุ่มหนึ่ง ที่ไม่ช่วยกันพัฒนาวงการ ซ้ำร้ายยังมาทำลายวงการอีก หรือเป็นอีแอบหาประโยชน์ใส่ตัว คุณ Buzz ว่าผมพูดจริงไหม"

          "เมื่อปี 2014 ทีมคอร์ เคยเชิญคุณมาร่วมงาน เพื่อช่วยให้นักแข่งไทยมีชื่อเสียง ทีมคอร์ เคยแจ้งว่าต้องการมอบตั๋วให้คุณ 2 ใบ เพื่อไปสนามโมเตกิ ญี่ปุ่น แต่คุณปฏิเสธเอง ทั้ง 2 ครั้ง ทางทีมจึงไม่ต้องการทำให้คุณรำคาญใจอีกด้วยการพูดชักชวนซ้ำซาก แต่คุณกลับหายไปจากเพจ แล้วไปตั้งเพจปิดด่าทีมคอร์ ผมพบหน้าคุณที่สนามบิน คุณกลับหลบหน้าผม ไม่สู้ตาผม แต่พอมาอยู่หน้าคีย์บอร์ด ทำไมพิมพ์เก่งจัง"

           "คุณ Buzz Preecha เรื่องรายได้ คนที่รู้มีเพียงนักแข่งและครอบครัว เรื่องเคสขอลดค่าใช้จ่ายที่คุณโจมตี โดยคนในครอบครัวนักแข่ง ไม่ยอมแก้ต่างให้ทีมคอร์ ทั้งๆที่รู้ว่าความจริงคืออะไร ถือเป็นการกระทำที่ร้ายแรงมาก ตอนนี้ทางทีมขอปกป้องตนเองด้วยการชี้แจงเลยก็แล้วกัน เพื่อไม่ให้เราเกิดความเสื่อมเสีย"

          "ปี 2015: ทีม ให้รายได้นักแข่งเดือนละ 100,000 บาท ไม่รวมเบี้ยเลี้ยงขณะไปทำการแข่งขัน ไม่รวมค่าตัวถ่ายแบบ ค่ารถเช่าขับในต่างประเทศ ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับเมืองไทย หลังจากแข่งเสร็จทุกสนาม ค่าที่พัก เมื่อนักแข่งได้อันดับ 2 จากสนามการ์ต้า ทีมมอบให้อีก 100,000 บาทเพื่อเป็นโบนัส โดยที่ไม่มีระบุไว้ในสัญญา ทีมให้ ทั้งๆที่มีคำพูด ในปฏิญญาแมคโดนัลด์ ที่คุณรัฐภาคย์กล่าวไว้ ต่อหน้าบุคคลจำนวนมากเมื่อปลายปี 2013 ว่า ผมไม่ต้องการเงินหรืออะไรเลย ขอให้ผมได้มีทีมแข่งก็พอ"

          "ปี 2016: ทีม กำหนดรายได้ให้นักแข่ง ถ้าได้ที่ 11 ไปจนถึงลำดับสุดท้ายอยู่ที่ 100,000 บาท ทั้งนี้รวมถึงไม่ว่าจะล้ม หรือไม่มีคะแนน ทีมก็การันตีฐานเงินเดือนนี้ให้ โดยมีรายได้สูงสุด อันดับที่ 1ได้ 260,000 / ที่ 2 ได้ 240,000 / ที่ 3 ได้ 220,000 / ที่ 4 ได้ 200,000 / ที่ 5 ได้ 180,000 และทำฐานลดหลั่นลงมา ครั้งละ 20,000 จนถึงลำดับที่ 10 โดยไม่รวมค่าเบี้ยเลี้ยง เดินทาง ที่พัก ค่าอาหาร รวมทั้งสิทธิ ในกรณีที่มีการออกรายการ ทีมก็ยังไม่เคยหักเงินรายได้ในส่วนนี้จากนักแข่ง หากมีสปอนเซอร์ ทางทีมก็แบ่งให้นักแข่งเช่นกัน และทุกครั้งทีมจ่ายตามจริง ไม่เคยบิดพริ้ว ไม่เคยเอาเปรียบ คุณ Buzz Preecha กล่าวหาทีมอย่างรุนแรงโดยไม่เป็นความจริง ว่ามีเคส ลดค่าใช้จ่าย ไม่ทราบว่าคุณรู้ได้อย่างไร คุณไปรู้เรื่องนี้มาจากไหน คุณอยากเห็นสัญญาฉบับจริงหรือไม่ ถ้าอยากเห็น มาที่บริษัท ผมจะกางให้คุณดู หรือว่าจะให้ผมนำสัญญาไปให้คุณดูถึงที่บ้านก็ได้ นัดวันเวลากับผมผ่านเพจนี้ได้เลย"

           "ส่วนที่คุณโพสต์แดกดันว่า "ผมล่ะกัว...โดนว่า...ว่าลืมตัว หลงไปกะลาภ ยศ ชื่อเสียงจิง อย่าแคปเฟส ผมประจานนะ 555" คุณ Buzz Preecha คุณคงไม่มีคนอบรมเรื่องมารยาท เรื่องที่ทีมคอร์ อบรมนักแข่ง ว่าอย่าไปหลงกับ ลาภ ยศ ชื่อเสียง มันผิดตรงไหน เขาไม่เคยได้รับความสำเร็จสูงขนาดนี้ในชีวิต ผมสอนเขาให้มีภูมิต้านทานกับลาภ ยศ สรรเสริญ ที่ผมบอกเพราะเป็นห่วงเขา หรือคุณประสงค์ร้ายกับนักแข่ง แล้วคุณมารู้เรื่องนี้ได้ยังไง ตอนผมสอนเขา ผมอยู่ในห้องประชุมกับทีมบริหารอีก 2 คน แล้วทีมบริหารผมไม่เคยติดต่อกับคุณ คุณไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน"

          ที่คุณโพสต์ว่า " แอบแปลกใจ ไม่เห็นมีใครพูดถึง รถเลี้ยวไม่เข้า หรือเข้าพิทบ่อยๆ เพราะไรเลย เฮ้อ...พอล้มก็ว่านักแข่งกันก่อนเร้ย..ไม่ดูสาเหตเรยว่าที่ล้มเพราะไร...บอกกงๆ เพลีย...นะพวกขาจร... เม้นไรแบบนั้น"

           "คุณ Buzz คุณก็มาอ่านในเพจทีมคอร์ประจำ คุณจะเห็นว่า ผมรายงานเสมอ ว่าช่างทำงานจนห้าทุ่มเที่ยงคืน ก็เพราะเขาเซ็ทรถไง ถึงได้ทำงานดึกดื่นขนาดนั้น แล้วนักแข่งเป็นสมบัติของคุณเหรอ ใครถึงว่าไม่ได้ ไปว่าพวกเค้าเป็นขาจร หัดให้เกียรติคนอื่นบ้าง แล้วคุณคิดว่าคุณรู้ทุกเรื่องรึไง คุณรู้มั๊ยว่าเรื่องนี้พวกผมประชุมเครียด คุณแกริดจากเทนคาเตะ ซึ่งกำลังนั่งอยู่ใน แพ็ดด็อก พาต้า เรียกผมไปคุย เพราะนี่เป็นรถจากเขา เขาก็ซีเรียส เขาบอกว่า ในฐานะที่ผมเป็น Team manager ผมต้องรับผิดชอบทั้งหมด และดูแลเอาใจใส่ให้มากกว่านี้ ซึ่งผมก็ขอโทษเขา พร้อมยอมรับความผิด และบอกเขาว่าผมจะปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น ผมจะดูแลทีมช่างและตรวจตราการเซ็ทรถของช่างให้มากขึ้น และจะทำตามที่เขาแนะนำ เขายังได้ตำหนิช่าง ผ่านผมมาด้วย ถึงขั้นรุนแรงเลยทีเดียว โจฮัน สติ๊กเฟลที่ปรึกษา ต้องเดินทางมาสนาม อิโมล่า เพื่อเรียกช่างประชุมเครียด ถึงเรื่องครัชหลุดที่สนาม Assen ทุกคนไม่มีใครตั้งใจทั้งนั้น ไม่มีใครอยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้น แต่ก็ต้องโดนตำหนิหมด ซึ่งต้องยอมรับความจริง แล้วการที่นักแข่งของคุณล้ม ไม่มีใครมีสิทธิ์ว่า หรือแตะต้องเลยหรือไง หัดมองความจริง ยอมรับความจริงบ้าง ไม่ใช่หน้ามืดตามัว เข้าข้างแต่ตัวเอง หรือคนของตัวเองให้มันมากนัก"

          โพสต์ที่ว่า "จะเอาอะไหล่ไปขายคืนป่าว...แบบว่าหาค่าน้ำมันหัวลากไรงี้ป่าว...คืออัพของเพิ่มต้องแรงดิ...ไหนว่าเครื่องใหม่ แรงสัดๆไง...หลอกมโนซะงั้น"

          "คุณ Buzz ถ้าทีมจะประหยัดเงินขนาดเอาอะไหล่ไปขายคืน แล้วเอาเงินที่ขายได้ไปจ่ายค่าน้ำมันหัวลาก มันช่างเป็นความคิดที่ตลกสิ้นดี ตามสัญญาเราต้องคืนอะไหล่ทั้งหมดกับเทนคาเตะ อ่านแล้วอายแทนคุณจริงๆ นี่ระดับโลกนะ ไม่ใช่ทีมหมู่บ้าน ส่วนที่คุณว่า ทีมเซ็ทรถไม่เข้าที่ คุณจบวิศวะรถแข่งมาหรือไง ถึงได้รู้ว่าเค้าเซ็ทรถไม่เข้าที่ นักแข่งเลยล้ม คุณนั่งอยู่หน้าจอคอม แล้วก็ฟุุ้งไปเรื่อยๆ คุณนี่มันนักมโนของแท้เลย นอกจากมโนเก่งแล้วยังเหน็บแนมเก่งได้โล่อีกต่างหาก ถามจริงเหอะ เคยแข่งมอเตอร์ไซค์มามั่งรึเปล่า ถึงได้รู้ไปทุกเรื่อง"

          "คุณ Oung Munin: ไว้คุณต้องจ่ายเงินทำทีมเองปีละ 20-30 ล้าน แล้วคุณจะเข้าใจความรู้สึกของทีม ว่าเค้าต้องการให้นักแข่งทำ PR อะไรให้กับเค้าบ้าง ไม่อย่างนั้นเค้าไม่มีสัญญาละเอียดยิบเกือบ 30 หน้าไว้ให้นักแข่งระดับโลกเซ็นหรอก ส่วนเรื่องแฟนคลับ ผมไม่เคยเอ่ยปากห้าม แค่ขอนักแข่งไว้ใน เรื่องบางเรื่อง หรือรูปที่เป็นทางการ ถ้าพอจะบอกแฟนคลับได้ ก็ช่วยแจ้งให้ด้วยว่าขอทางเพจ official โพสก่อน อันที่จริงเรื่องนี้มันเป็นอดีต จบไปนานแล้ว ไม่ทราบว่าทางคุณ Oung มีปัญหาอะไร ว่าแต่ว่าคุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง ผมพูดแต่กับนักแข่งของผมเท่านั้น ไม่เคยพูดกับคุณ"

          "ส่วนเนื้อหาที่เหลือ จะเน้นไปในทางเหน็บแนม เช่น ให้นักแข่งหาทีมใหม่ หรือเราต้องมองหาสิ่งที่ดีขึ้นเสมอๆ ค่ะ กล่าวโดยสรุปคือ นักแข่งดี แต่รถ และทีมไม่ดี ถ้าเป็นเช่นนี้ทีมคงต้องทดสอบสมมุติฐาน โดยการนำรถของทีมไปให้นักแข่งคนอื่นวิ่งแทน และทีมก็คงต้องหานักแข่งคนอื่นมาแข่งแทน จะได้รู้ว่า ปัญหาคืออะไร ระหว่างนักแข่งกับรถแข่ง และทีม"

          "ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ผม ต้องการเรียนให้ทุกท่านทราบว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทีมคอร์และคุณรัฐภาคย์ คือมืออาชีพ อีกทั้งทีมคอร์ ยังมีพันธะสัญญาที่เซ็นไว้ร่วมกันกับนักแข่ง จนกว่าจะสิ้นสุดสัญญาในเดือนธันวาคม 2015 การแข่งขันสนามที่เหลือเริ่มตั้งแต่สนาม Donington เป็นต้นไป ทั้งผม ทีมช่าง และนักแข่ง จะร่วมมือและทุ่มเททำงานกันอย่างเต็มที่ให้ดีที่สุด เพื่อความสำเร็จและอนาคตที่ดีของทุกฝ่าย ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดที่ว่า ทำไมมาพูดตอนนี้ เพราะมืออาชีพทุกคนคือมืออาชีพ เมื่อถึงสนามแล้ว ทุกสิ่งตัดทิ้งได้หมด และมุ่งมั่นทำเพื่อชัยชนะเพียงอย่างเดียว ในสถานการณ์แบบนี้ ทีมก็ยิ่งต้องการความสำเร็จเพื่อให้เป็นที่จับตามองของนักแข่งคนอื่น นักแข่งก็ยิ่งต้องการชัยชนะ เพื่อให้เป็นที่สนใจของทีมอื่นๆ เช่นกัน ดังนั้นทีมคอร์เชื่อว่า สิ่งที่ตามมาจะต้องเป็นไปในทิศทางที่ดีอย่างแน่นอน (อย่าตกใจ เรื่องแบบนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ สำหรับทีมระดับโลก)"

          "ท้ายที่สุดนี้ ผมในฐานะผู้บริหารทีมคอร์ มอเตอร์สปอร์ต ไทยแลนด์ ขอน้อมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นทั้งหมดหลังจากนี้โดยดุษณี การทำทีมมอเตอร์ไซค์ที่ผมได้ตั้งธงเอาไว้แล้วถึงอนาคตข้างหน้า ผมและทีมงานทั้งหมดจะดำเนินการต่อไปโดยไม่ย่อท้อ เพื่อไปให้ถึงจุดสุงสุดที่ผมใฝ่ฝันไว้ ให้วงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ก้าวไปสู่ระดับโลกแบบสากลโดยแท้จริง"

ปวีร์ ปานดำรงสถิตย์ 

          นี้ก็เป็นข้อความทั้งหมดของคุณ ปวีร์ ที่ได้เขียนไว้ในเพจ CORE" Motorsport Thailand ที่ได้ถูกเปิดเผยออกมาทั้งหมด และทาง BoxzaRacing ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทั้งทีม คอร์ มอเตอร์สปอร์ต และ ฟิล์ม รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ สร้างผลงานให้กับประเทศไทยต่อไป

 
 

 

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook