ในปี 2023 ผู้ชนะที่คว้ารางวัล Triumph Triple Trophy จากการแข่งขันรายการ Moto2 ตกเป็นของ เปโดร อคอสต้า (Pedro Acosta) นักบิดหนุ่มดาวรุ่งจากสเปน หลังมีฤดูกาลมหัศจรรย์ที่ทำให้เขาคว้าตำแหน่งแชมป์โลก Moto2 คว้ารางวัล Triumph Triple Trophy พร้อมกับคว้าที่นั่งด้วยการขยับขึ้นไปแข่งขันในรายการ MotoGP ฤดูกาลหน้าอีกด้วย
สำหรับผู้ชนะที่คว้ารางวัล Triumph Triple Trophy จะได้รับรางวัลเป็นรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ สตรีท ทริปเปิล อาร์เอส 765 (Street Triple RS 765) อันน่าทึ่ง และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยผลิตและปรับแต่งขึ้นมาโดยเฉพาะที่สำนักงานใหญ่ไทรอัมพ์ ณ เมือง ฮิงค์ลีย์ สหราชอาณาจักร และจะมอบให้กับ เปโดร อคอสต้า ในสนามสุดท้ายของการแข่งขันในฤดูกาล 2023 ที่บาเลนเซีย
รางวัลดังกล่าวได้รับการสนับสนุนโดย ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ในฐานะซัพพลายเออร์เครื่องยนต์อย่างเป็นทางการของการแข่งขันรายการ Moto2 ทั้งนี้ Pedro Acosta นับเป็นผู้ชนะคนที่สี่ของรางวัลดังกล่าว โดยได้รับควบคู่ไปกับการเป็นแชมป์โลก Moto2TM ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่แชมป์โลกสามารถคว้ารางวัล Triumph Triple Trophy นี้ได้พร้อมกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของ Acosta ในฤดูกาลนี้เป็นอย่างดี
รางวัล Triumph Triple Trophy นับเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จมากมายจากการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลกในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะนอกเหนือจากชัยชนะในการแข่งขัน ยังมีการให้คะแนนสำหรับรางวัล Triumph Triple Trophy ที่ออกแบบมาเพื่อสะท้อนถึงการแข่งขันที่น่าเหลือเชื่อในรายการ Moto2 โดยมีรายละเอียดของการให้คะแนนมีดังนี้
ฝีมือการขับขี่ที่สม่ำเสมอของ เปโดร อคอสต้า ในฤดูกาลล่าสุด แสดงให้เห็นจากการที่เขาเก็บคะแนนได้จาก 9 รอบการแข่งขันในแต่ละสนาม ซึ่งนำหน้าคู่แข่งที่ใกล้ที่สุดที่เก็บได้เพียงสี่คะแนนในแต่ละรอบการแข่งขันแต่ละสนาม นอกจากนี้เขายังทำคะแนนจากการคว้าตำแหน่งโพลโพสิชันได้ถึง 3 ครั้งที่สนามซัคเซนริง, ซิลเวอร์สโตน และเรดบูลริง รวมถึงยังทำความเร็วต่อรอบการแข่งขันสูงสุดได้อย่างน่าเหลือเชื่อถึง 8 ครั้ง ทำให้เขากลายเป็นนักแข่งคนล่าสุดในยุค Moto2 ของไทรอัมพ์ที่ได้ก้าวขึ้นสู่ประเภท MotoGP
รางวัล Triumph Triple Trophy ได้รับการรับรองผู้ชนะที่สนาม Malaysian Grand Prix ในเดือนตุลาคม ซึ่งในขณะนั้นยังมีนักแข่งสามคนที่กำลังแข่งขันกันอยู่ ได้แก่ Pedro Acosta จากทีม Red Bull KTM Ajo ต่อด้วย Taiga Hada จากทีม Pertamina Mandalika SAG และ Jake Dixon จากทีม GASGAS Aspar
ทั้งนี้ Taiga Hada สามารถเก็บคะแนนสูงสุดจากการขยับตำแหน่งในการแข่งขันได้มากที่สุดจำนวนสี่ครั้งในการไปเยือนสนามที่มาเลเซีย และอยู่ในอันดับที่สองของตารางคะแนน โดยในครั้งนี้ Alex Escrig กลายเป็นผู้ที่ทำคะแนนสูงสุดจากการขยับตำแหน่งในการแข่งขันได้มากที่สุด นับเป็นการคว้าคะแนน Triumph Triple Trophy แรกของเขา ทำให้เขากลายเป็นนักบิดคนที่ 26 ที่ได้ร่วมอยู่ในตารางคะแนน ตามด้วย Fermin Aldeguer ที่เก็บคะแนนที่เหลือทั้งหมดจากการคว้าตำแหน่งโพลโพสิชันและการทำความเร็วต่อรอบการแข่งขันสูงสุด นั้นหมายความว่าไม่มีนักแข่งคนใดที่จะทำคะแนนไล่ตาม Pedro Acosta ได้ทัน ส่งผลให้เขาได้รับตำแหน่งผู้ชนะคว้ารางวัล Triumph Triple Trophy ในวันเดียวกับที่เขาคว้าแชมป์โลก Moto2 ในขณะที่คะแนนสะสมของ Fermin Aldeguer ที่ทำได้ดีในช่วงท้ายของฤดูกาล ทำให้เขากระโดดขึ้นมารั้งอันดับสองของตารางคะแนน โดยมีคะแนนห่างกันเพียง 9 คะแนนเท่านั้นระหว่างอันดับสองถึงอันดับสี่
เปโดร อคอสต้า (Pedro Acosta) ทีม Red Bull KTM Ajo เผยว่า ผมรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้รับรางวัลนี้ รถคันนี้น่าเหลือเชื่อมาก ผมเห็นหลายคนสนุกไปกับการที่ได้ขี่มัน และมันน่าจะถึงเวลาที่ผมจะต้องมีใบขับขี่ ผมจะได้ออกไปขี่รถบนถนนได้ ท้ายที่สุดเรารู้ว่ามันคือเครื่องยนต์เดียวกันกับที่เราใช้ในการแข่งขัน Moto2 และเรารู้ว่าเครื่องยนต์นี้เร็วแค่ไหน คงจะสนุกไม่น้อยหากได้ยกล้อบนรถคันนี้
มร. สตีฟ ซาร์เจนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับ Pedro กับฤดูกาลที่น่าประทับใจและยังเป็นผู้ชนะ Triumph Triple Trophy ฤดูกาล 2023 ถือเป็นเรื่องดีที่ได้เห็นความสามารถดังกล่าวได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องราวความสำเร็จของเครื่องยนต์ไทรอัมพ์สามสูบ 765 ของเรา อีกทั้งยังทำให้ช่องว่างระหว่าง Moto2 ไปจนถึง MotoGP ได้เข้ามาใกล้ขึ้นกว่าเดิมจากการอัปเกรดเครื่องยนต์ล่าสุด เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นว่า Pedro ก้าวไปสู่การแข่งขัน MotoGP ในปี 2024 ได้อย่างไร พร้อมกันนี้เราหวังว่า Pedro จะเพลิดเพลินไปกับรางวัล ทั้งรถจักรยานยนต์ไทรอัมพ์ Street Triple RS รุ่นใหม่ล่าสุด ทีได้รับการคัสตอม ซึ่งพวกเราทีมไทรอัมพ์ทุกคนจะเฝ้าติดตามความคืบหน้าของคุณในการแข่งขันปีหน้าอย่างแน่นอน