เปิดตัว All New 2024 BMW R 1300 GS รถทัวริ่งแอดเวนเจอร์เรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด ที่เชื่อว่าใครหลายคนตั้งตารอว่าสุดท้ายจะมาในรูปแบบไหน โดยวันที่ 28 กันยายน 203 ทาง BMW Motorrad ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งภาพรวมที่เกิดขึ้นถือว่ามีความเปลี่ยนแปลงแบบครั้งใหญ่เลยทีเดียว ไม่ว่าเรื่องดีไซน์การออกแบบ เครื่องยนต์ใหม่ และเทคโนโลยีต่างๆ มากมาย
คงต้องพูดถึงภาพรวมแบบคร่าวๆ ของรถกันก่อน เท่าที่ดูเหมือนว่า BMW จะมีการปรับแนวคิดใหม่ในเรื่องการดีไซน์ที่แตกต่างไปจากรุ่นเก่า โดยเฉพาะไฟหน้าที่มีดีไซน์ใหม่เป็นรูปทรง X และมีขนาดกะทัดรัด ซึ่งเป็นจุดที่ทุกคนต่างพูดถึง มีทั้งชื่นชมพร้อมกับก็งงงวยไปกับดีไซน์นี้ และนี้คือผลงานการออกแบบดีไซน์ของ Alexander Buckan ว่าผู้อำนวยการออกแบบรถมอเตอร์ไซค์คนใหม่ ที่กำลังจะมารับช่วงต่อ Edgar Heinrich ที่กำลังเกษียณในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้มิติตัวรถที่จะมีความเพรียวบางลงจากรุ่นก่อนอย่างชัดเจน ส่วนหนึ่งก็มาจากเครื่องยนต์ใหม่ และเฟรมตัวทั้งใหม่ อีกทั้ง BMW ได้รีดน้ำหนักของรถให้เบาลงจากรุ่นก่อนได้มากถึง 12 กิโลกรัม สิ่งนี้มีผลต่อการควบคุมขับขี่แน่นอน โดยน้ำหนักของ 2024 BMW R 1300 GS จะอยู่ที่ 237 กิโลกรัม (ไม่รวมของเหลว) ยังไม่นับว่าจะมีล้อทางเลือกให้ใช้งานที่เป็นล้อ Forged แต่ก็มีคำแนะนำเล็กน้อยถึงเรื่องนี้ว่า ถ้าต้องการความแข็งแรงทนทานในการลุยขับขี่ใช้งาน ยังจำเป็นต้องเลือกใช้ล้อซี่ลวดเหมือนเดิม
เครื่องยนต์
เรื่องนี้ถือว่าเป็นไฮไลท์ที่ต้องเลือกหยิบยกมาพูดถึงก่อน ทางบริษัทปรับขนาดเครื่องยนต์ให้ใหญ่ขึ้นเป็น 1,300 ซีซี สามารถทำกำลังสูงสุด 145 แรงม้า ส่วนแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 142 นิวตันเมตร ซึ่ง BMW ได้พัฒนาเครื่องยนต์ให้มีช่วงของแรงบิดที่กว้างขึ้น ที่ 3,600 ถึง 7,800 รอบ/นาที สิ่งนี้จะทำให้ตอบโจทย์รูปแบบการขับขี่ที่หลากหลายขึ้นกว่าเครื่องรุ่นเก่า
สำหรับกระปุกเกียร์ก็มีการย้ายตำแหน่งใหม่จากเดิมที่อยู่หลังเครื่องยนต์ ทาง BMW ปรับเปลี่ยนมาอยู่ใต้เครื่องยนต์แทน และเมื่อกระปุกเกียร์จะมีตำแหน่งที่ติดตั้งต่ำกว่าเดิม ก็จะช่วยให้รถมีศูนย์ถ่วงของเครื่องยนต์ที่ต่ำลง นอกจากนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนเพลาลูกเบี้ยวเป็นแบบใหม่อีกด้วย โดยการปรับเปลี่ยนเหล่านี้ช่วยให้เครื่องยนต์มีขนาดที่กะทัดรัดขึ้นกว่าเดิม และน้ำหนักของเครื่องยนต์และเกียร์ก็ลดลงไปมากถึง 12 กิโลกรัม
น้ำหนักที่น้อยลงกว่าเดิม เครื่องยนต์ที่มีขนาดกะทัดรัดขึ้น รอบแรงบิดเครื่องยนต์ที่มีให้ใช้งานกว้างขึ้น ปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลให้ในเรื่องการขับขี่แบบออฟโรคที่ตอบโจทย์ขึ้นกว่าเก่า ซึ่งทาง BMW ยังได้เคลมเรื่องอัตราสิ้นเปลืองของเชื้อเพลิงว่าไม่ได้แตกต่างจากรุ่น R 1250 GS และในส่วนความเร็วสูงสุดล็อกไว้ที่ 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง สามารถทำความเร็วจาก 0 - 100 ภายใน 3.39 วินาที
เฟรมตัวถัง
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ 2024 BMW R 1300 GS โดยมีการออกแบบเฟรมใหม่ทั้งหมด บริษัทได้เลือกใช้โลหะแผ่นกับอะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูป ซึ่งสามารถช่วยลดน้ำหนักลงไปจากรุ่นก่อน
ระบบกันสะเทือน
สำหรับระบบกันสะเทือนหน้ามีชื่อว่า Evo Telelever ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุุดที่ได้รับการพัฒนา ส่วนระบบกันสะเทือนหลังจะมีชื่อว่า Evo Paralever ก็เป็นโช้ครุ่นใหม่ล่าสุดเช่นกัน โดยทางบริษัทได้มีการปรับปรุงในเรื่องการบังคับเลี้ยวที่แม่นยำขึ้น และมีเสถียรภาพในการขับขี่ควบคุมที่ดีขึ้น
ระบบเบรก
ในส่วนระบบเบรกหน้าเป็นดิสก์คู่ที่จับด้วยตัวคาลิปเปอร์สี่ลูกสูบแบบเรเดียล และจานเบรกขนาด 310 มม. สำหรับเบรกหลังจะเลือกใช้คาลิเปอร์สองลูกสูบจับคู่กับจานขนาด 285 มม. โดยบริษัทเลือกที่จะใช้ระบบเบรกเป็นของทาง BMW เองอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีระบบ Integral ABS Pro ที่จะทำงานพร้อมกันทั้งล้อหน้าและหลังเป็นอัตโนมัติ เมื่อคุณใช้เบรกหน้า ระบบจะส่งคำสั่งไปที่ล้อหลังให้ ABS ทำงานด้วย และในทางกลับกันเมื่อคุณใช้เบรกหลัง ระบบจะส่งคำสั่งให้ ABS ทำงานเช่นกัน
มีข้อสังเกตหนึ่งที่น่าสนใจว่า BMW มักจะมีโหมดการขับขี่ให้เลือกใช้งานอยู่หลายรูปแบบ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการปรับลักษณะเบรกให้เหมาะกับสภาพการขับขี่ โดยโหมดเหล่านี้จะปรับเปลี่ยนการเบรกให้มีความรุนแรงมากขึ้นหรือน้อยลงอีกด้วย
ล้อ
ล้อหน้าขนาด 19 นิ้ว และล้อหลังขนาด 17 นิ้ว โดยจะมีล้อจะมีให้เลือกถึงสามแบบด้วยกัน ได้แก่ล้ออะลูมิเนียมหล่อน้ำหนักเบา, ล้อแบบ Cross-spoke และล้อ Forged ที่มีน้ำหนักเบาเป็นต้น
ขนาดมิติของรถ
2024 BMW R 1300 GS มีความยาว 87.1 นิ้ว และมีความกว้าง 39.4 นิ้ว (รวมแฮนด์การ์ด) ความสูงของเบาะนั่งมาตรฐานคือ 33.5 นิ้ว แต่จะมีฟังก์ชันเสริมที่สามารถความต่ำของเบาะนั่งให้เหลือ 32.3 นิ้ว โดยน้ำหนักของรถอยู่ที่ 237 กิโลกรัม (ไม่รวมของเหลว) และถังน้ำมันมีความจุ 18.9 ลิตร
เทคโนโลยีการขับขี่
เริ่มกันที่โหมดการขับขี่สี่รูปแบบ (Rain, Road, Eco และ Enduro), ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนแบบไดนามิก (Dynamic traction control), การควบคุมแรงบิดของเครื่องยนต์ (Engine drag torque control), ระบบช่วยเบรกแบบไดนามิก (Dynamic brake assist), ระบบควบคุมการออกตัวบนทางลาดชัน (Hill start control), ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบไดนามิก (Dynamic cruise control) และการตรวจสอบแรงดันลมยาง (RDC)
นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมการขับขี่อย่างทางแฮนด์การ์ดที่มีสัญญาณไฟเลี้ยวในตัว ทาง BMW เลือกใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนของโรงงานเอง และมีฟังก์ชัน Battery Guard ที่ใช้ผ่านแอปสมาร์ทโฟน BMW Motorrad Connected เป็นต้น
สำหรับแผงหน้าปัดเป็น TFT แบบเต็มสีขนาด 6.5 นิ้ว แสดงข้อมูลการขับขี่ครบครั้น เช่นเดียวกับช่องชาร์จไฟแบบ USB และช่องเสียบไฟ 12 โวลต์ก็มีให้ใช้งานเป็นมาตรฐาน ระบบกุญแจเป็นแบบ Keyless และที่ขาดไม่ได้ก็คือระบบทำความร้อน Heated grips ที่ให้มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของรถ
ถ้าเทคโนโลยีและอุปกรณ์มาตรฐานที่ติดมาให้ใช้กับ 2024 BMW R 1300 GS ยังไม่เพียงพอกับคุณ ทางบริษัทก็มีอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบกันสะเทือนแบบไดนามิกอิเล็กทรอนิกส์ (DSA), ระบบปรับเบาะนั่งผู้ขับขี่ให้ต่ำลงในระหว่างการขับขี่, โหมดการขับขี่ Pro, ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบแอ็คทีฟ, ระบบเรดาห์แจ้งเตือนการชนด้านหน้าและการเปลี่ยนเลน, เบาะนั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสารมีระบบ Heated seats และตัวยกแฮนด์ (Handlebar riser) เป็นต้น ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ถือเป็นออฟชั่นเสริมให้กับคนที่ต้องการจ่ายเพียงเท่านั้น
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงรายละเอียดข้อมูลส่วนหนึ่งของ 2024 BMW R 1300 GS รุ่นใหม่ล่าสุดเพียงเท่านั้น ส่วนเรื่องราคาจำหน่ายที่ BMW North America เริ่มต้นอยู่ที่ 18,895 ดอลลาร์ (ประมาณ 6.90 แสนบาท) ซึ่งเรื่องการวางจำหน่ายยังไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่สื่อต่างประเทศคาดการณ์ไว้ว่าจะเริ่มเปิดจำหน่ายในช่วงต้นปี 2024 เป็นต้นไป