Royal Enfield แบรนด์รถจักรยานยนต์ที่เก่าแก่ ที่สุดในโลก ซึ่งยังดำเนินการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง และผู้นำระดับโลกด้านรถจักรยานยนต์ขนาดกลาง ได้รับรางวัล BIKE OF THE YEAR 2022 อันทรงเกียรติถึง 3 รางวัล ติดต่อกันเป็นปีที่สอง จาก กรังด์ปรีซ์ กรุ๊ป ในประเทศไทย โดย Classic 350 ได้รับรางวัล "Best Modern Classic Light Weight" และ Meteor ได้รับรางวัล "Best Modern Classic over 250cc" ส่วน Himalayan นั้นก็ยังคงได้รับรางวัล "Best Touring Lightweight" เป็นครั้งที่สองติดต่อกัน
Thailand Bike of The Year 2022 เป็นการประกวดที่จัดโดยบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เพื่อค้นหารถจักรยานยนต์ที่ดีที่ สุดในแต่ละประเภท เป็นรางวัลด้านยานยนต์ที่ทรงเกียรติที่สุดงานหนึ่งในประเทศไทย ซึ่งให้เกียรติแก่แบรนด์รถจักรยานยนต์ที่มุ่งมั่นยกระดับนวัตกรรมเพื่อให้บริการผู้บริโภค พร้อมปรับปรุงมาตรฐานยานยนต์ โดยพิจารณาจากประสิทธิ ภาพของรถจักรยานยนต์ ความปลอดภัย เทคโนโลยี และมูลค่าความยั่งยืน ตลอดจนความสมดุลของรถจักรยานยนต์ อัตราเร่ง ระบบกันสะเทือน การออกแบบ ฯลฯ
รถจักรยานยนต์ Royal Enfield ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในระดับโลก ยิ่งไปกว่านั้น Meteor 350 ก็ได้รับรางวัลมากมายทั่วโลก เช่น จากงาน Indian Motorcycle of the Year 2021 (IMOTY), Bike of the Year โดย NDTV Car and Bike, Motorcycle of the Year โดย BBC Top Gear และ Flywheel และ Best Modern Classic over 250cc ประจำปี 2021 ซึ่งจัดขึ้นโดยกรังด์ปรีซ์ กรุ๊ป ในประเทศไทย
คุณวิมัล ซุมบ์ลี, หัวหน้าฝ่ายธุรกิจประจำภูมิ ภาคเอเชียแปซิฟิก, รอยัล เอ็นฟีลด์ กล่าวถึงความสำเร็จอีกก้าวที่ยิ่งใหญ่นี้ว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ รถจักรยายนต์รุ่น All-new Classic 350, Meteor 350 และ Himalayan ได้รับรางวัลอันเป็นเกียรติสูงสุดนี้ ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวถือเป็นการตอกย้ำถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของทีมงานเราที่ทุ่มเทในการผลิตรถจักรยานยนต์ที่มี คุณภาพอย่างแท้จริง รวมถึงความมุ่งมั่นของเราในการเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ขนาดกลางในตลาดเอเชียแปซิฟิกอีกด้วย Royal Enfield จะยังคงมองหาวิธี การผลิตรถจักรยานยนต์เพื่อเสริมสร้างแรงบันดาลใจและมอบคุณค่าสูงสุดให้กับลูกค้าของเราอย่างต่อเนื่อง โดยรางวัลที่เราได้รับในครั้งนี้ เปรียบเสมือนเครื่องยืนยันถึงความก้าวหน้าอีกขั้นของเราที่ ไม่ใช่เฉพาะในประเทศอินเดียเท่านั้น แต่เป็นในระดับโลกด้วย ซึ่งผู้ขับขี่จักรยานยนต์ ชาวไทยเป็นส่วนผลักดัน และให้ทั้งคำชม และข้อเสนอแก่เราเป็นอย่างมากตั้งแต่เราเริ่มเข้ามาทำธุรกิจที่ ประเทศไทย เราจะยังคงเดินหน้าส่งเสริมการเติบโตเชิงกลยุทธ์ ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลการค้าปลีกโดยรวมในเอเชียแปซิฟิกได้ชี้ ให้เห็นถึงการเติบโต 28% ในตลาดหลักประจำปี 2564 อีกด้วย ปัจจุบัน Royal Enfield มีสโตร์ 33 แห่งใน 25 จังหวัดของประเทศไทย นอกจากนี้ Royal Enfield ยังติดอันดับ 1 ใน 5 แบรนด์ชั้นนำในด้านปริมาณในด้านกลุ่มผลิตภัณฑ์มิดเดิ้ลเวทในประเทศไทย, ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์, เวียดนาม และเกาหลีใต้อีกด้วย เรามีลูกค้าที่เชื่อมั่นในแบรนด์ในประเทศไทยมากกว่า 10,000 รายและอีก 30,000 รายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ สำคัญสำหรับมากที่สุด และเราจะยังคงนำเสนอรถจักรยานยนต์ที่โดดเด่น และเข้าถึงได้ง่ายสำหรับผู้ที่ ชื่นชอบการขี่ทุกคนอย่างต่อเนื่อง”
รถจักรยานยนต์ของเราได้สร้างเกณฑ์มาตรฐานในหมวดหมู่ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัวรถ All-New Royal Enfield Classic 350 มอเตอร์ไซค์คลาสสิกเหนือกาลเวลาที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่ เพื่อตอบสนองแรงบันดาลใจสมัยใหม่ ความงดงามและความมั่นใจอันล้ำเลิศของรถรุ่น Classic ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นด้วยประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่ มนวล และปราณีตยิ่งขึ้น Royal Enfield Meteor 350 ใหม่แสดงให้เห็นถึงแก่นแท้ และจิตวิญญาณของการขี่แท้จริง ด้วยรูปทรงที่คลาสสิกและการออกแบบที่เหนือกาลเวลา ทำให้เป็นรถครุยเซอร์พันธุ์ดีที่ใช้งานง่าย พร้อมสำหรับทุกถนน และตอบสนองความท้าทายของการเดินทางในเมืองได้อย่างง่ายดายไม่แพ้กัน
นอกจากนี้ Himalayan ความภาคภูมิใจของแบรนด์ ยังมาพร้อมกับแพลตฟอร์มเครื่องยนต์สูบเดียวขนาด 411cc ที่มีการรับรองมาตรฐาน Euro 4 เป็นรถจักรยานยนต์แอดเวนเจอร์ทัวริ่งของที่สร้างขึ้นสำหรับถนนทุกสาย และสำหรับการขับขี่แบบไม่มีถนน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขี่แบบออฟโรด แต่ก็ยังยอดเยี่ยมสำหรับการขี่บนถนนในเขตเมืองด้วย Himalayan สะท้อนถึงมรดกอันน่าชื่นชมของแบรนด์ผ่านประสิทธิภาพ และการออกแบบอันโดดเด่นได้อย่างลงตัว
ผู้ที่สนใจสามารถไปทดลองขี่รถจักรยานยนต์รอยัล เอ็นฟีลด์รุ่นต่าง ๆ รวมถึง All-new Classic, Meteor 350, Himalayan, Interceptor 650 และ Continental GT 650 ได้ที่ Royal Enfield สโตร์ทั่วประเทศ
