BMW Motorrad ประเทศไทย นำความเร้าใจสู่นักบิดไทยอีกครั้ง เปิดตัวมอเตอร์ไซค์ใหม่ในตระกูลไดนามิก โรดสเตอร์และแอดเวนเจอร์ สปอร์ต ได้แก่ BMW F 900 R และ BMW F 900 XR พร้อมเผยโฉม BMW S 1000 RR ในสีใหม่ Hockenheim Silver Metallic และนำทัพมอเตอร์ไซค์หลากรุ่นมาจัดแสดงในงาน Bangkok International Motorshow ครั้งที่ 41 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 15 – 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
BMW F 900 R และ BMW F 900 XR เป็นมอเตอร์ไซค์ขนาดมิดไซส์สองรุ่นใหม่ล่าสุดจาก BMW Motorrad โดย BMW F 900 R มอบความสนุกสนานจากการขับขี่สไตล์สปอร์ตและสมรรถนะสุดปราดเปรียว เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ของมอเตอร์ไซค์สไตล์ไดนามิก โรดสเตอร์ที่เหมาะสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน ทั้งในด้านการใช้งานและท่วงท่าในการขับขี่ ขณะที่ BMW F 900 XR ซึ่งเป็นสมาชิกใหม่ในตระกูลแอดเวนเจอร์ สปอร์ต ก็ได้ผสานประสิทธิภาพในการขับขี่ระยะไกลแบบทัวริ่งและดีไซน์อันทรงพลังเข้าไว้ได้อย่างลงตัว ส่วนโรดสเตอร์ระดับตำนาน BMW S 1000 RR กลับมาอีกครั้งในสีใหม่ Hockenheim Silver Metallic มอบลุคสปอร์ตอันเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครได้ในทุกเส้นทาง
มร. มิเกล ญาเบรส-โปห์ล ผู้อำนวยการ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย กล่าวว่า “ตั้งแต่ต้นปี 2563 เป็นต้นมา เราต่างต้องรับมือกับความท้าทายมากมาย แต่เรายังคงรักษาระดับยอดขายของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดได้อย่างต่อเนื่อง และยังคงเล็งเห็นศักยภาพการเติบโตในตลาดบิ๊กไบค์ไทย ซึ่งแน่นอนว่าเราต้องมีการปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับวิถีใหม่ของผู้บริโภค เราจึงเน้นย้ำถึงการมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่มีความยืดหยุ่นอย่างรอบด้านให้แก่ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่และข้อเสนออีกมากมาย รวมถึงการปฏิบัติตามมาตรการด้านสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความอุ่นใจให้แก่ลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมบูธจัดแสดงของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดในงานมอเตอร์โชว์ 2020 ซึ่งแม้จะต้องปรับตัวกับวิถีใหม่เช่นนี้
แต่เรายังคงสานต่อความมุ่งมั่นในการนำเสนอความสนุกสนานในการขับขี่สไตล์บีเอ็มดับเบิลยูได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดตัวมอเตอร์ไซค์โรดสเตอร์ใหม่ BMW F 900 R และ BMW F 900 XR เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ใหม่ที่ทั้งคล่องตัวและปราดเปรียวให้นักบิดไทยได้สัมผัส ตอบโจทย์ทั้งในด้านความสุนทรีย์และะการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
BMW F 900 R ใหม่
ราคาจำหน่าย: 495,000 บาท สำหรับสี Black Storm Metallic (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
520,000 บาท สำหรับสี Hockenheim Silver Metallic / Racing Red
(Sport Style) (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
525,000 บาท สำหรับสี San Marino Blue Metallic (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
BMW F 900 XR ใหม่
ราคาจำหน่าย: 535,000 บาท สำหรับสี Light White (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
550,000 บาท สำหรับสี Racing Red (Sport Style) (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
550,000 บาท สำหรับสี Galvanic Gold Metallic (Exclusive Style)
(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
BMW F 900 R ใหม่ ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบอิสระในการขับขี่และตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายในไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ จึงเหมาะสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าสำหรับนักบิดสายสปอร์ตมากประสบการณ์หรือนักบิดมือใหม่
ส่วน BMW F 900 XR ใหม่ นับเป็นที่สุดของมอเตอร์ไซค์ในตระกูลแอดเวนเจอร์ สปอร์ตอย่างแท้จริง ด้วยสมรรถนะโฉบเฉี่ยว ตำแหน่งการขับขี่ี่แบบนั่งตรงสไตล์ GS ความสะดวกสบายในการขับขี่ระยะไกลทั้งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และรูปลักษณ์ที่สื่อถึงความทรงพลัง เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากนี้ ความโดดเด่นของ BMW F 900 XR ยังอยู่ที่การสืบทอดดีไซน์และคอนเซปต์ของมอเตอร์ไซค์ในตระกูล XR ที่ผสานความสปอร์ตและสมรรถนะแบบทัวริ่งเข้าไว้ได้อย่างลงตัว ทั้งยังมาพร้อมเทคโนโลยีในการขับขี่ที่ล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟหน้า LED ที่ปรับองศาตามการเลี้ยวโค้ง (Adaptive Cornering Light) และระบบ Keyless Ride ซึ่งล้วนเป็นคุณสมบัติที่ไม่เคยมีมาก่อนในมอเตอร์ไซค์ระดับกลาง
ทั้ง BMW F 900 R และ F 900 XR ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สองสูบแถวเรียงที่ได้รับการพัฒนาให้มีความทรงพลังยิ่งขึ้น หลังจากที่เปิดตัวไปพร้อม BMW F 850 GS ในปี 2561 มอบพละกำลัง 73 กิโลวัตต์ (99 แรงม้า) แรงบิด 88 นิวตันเมตรที่ 6,750 รอบต่อนาที โดดเด่นด้วยขนาดของเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้นเป็น 895 ซีซี จาก 853 ซีซี พร้อมองศาการจุดระเบิดที่ 270/450 องศา และระบบเก็บเสียงแบบใหม่ มอบเสียงทรงพลังและเร้าใจยิ่งขึ้น ทั้งยังมาพร้อมระบบคลัทช์แบบ anti-hopping และระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อหลัง (MSR) จากการชะลอตัวหรือลดเกียร์ เพื่อมอบความปลอดภัยยิ่งขึ้นให้แก่ผู้ขับขี่
BMW F 900 R และ F 900 XR ใหม่ สร้างความสนุกสนานในการขับขี่ด้วยโหมดการขับขี่ ‘Rain’ และ ‘Road’ รวมทั้ง Riding Modes Pro เพื่อยกระดับความสปอร์ตให้เร้าใจยิ่งขึ้น เสริมความปลอดภัยด้วยระบบเบรก ABS Pro และระบบ ASC (Automatic Stability Control) ซึ่งสามารถเลือกเปิดหรือปิดได้ตามต้องการ พร้อมระบบ Dynamic Traction Control (DTC) ระบบ Dynamic Brake Control (DBC) และระบบ Dynamic ESA
เช่นเดียวกับมอเตอร์ไซค์ GS ในตระกูล F-Series รุ่นอื่น ๆ BMW F 900 R และ F 900 XR มาในโครงสร้างเฟรมเหล็กกล้าที่เสริมความแข็งแกร่งให้แก่เครื่องยนต์และถังน้ำมันซึ่งติดตั้งอยู่ด้านหน้าคนขับเช่นเคย การควบคุมล้อหน้าตอบสนองได้อย่างฉับไวด้วยโช้คแบบเทเลสโคปิก ส่วนล้อหลังควบคุมด้วยสวิงอาร์มคู่อะลูมิเนียมพร้อมระบบกันสะเทือนแบบ Central Suspension strut
BMW F 900 XR มาพร้อมถังน้ำมันขนาด 15.5 ลิตร ส่วน BMW F 900 R มาพร้อมถังน้ำมันขนาด 13 ลิตร โดยถังน้ำมันของทั้งสองรุ่นมีน้ำหนักเบาและผ่านกระบวนการเชื่อมด้วยพลาสติกที่นำมาใช้ในการผลิตมอเตอร์ไซค์เป็นครั้งแรก ขณะที่โครงสร้างการยึดเหล็กกล้าส่วนท้ายรถก็ได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานเป็นครั้งแรกในมอเตอร์ไซค์ทั้งสองรุ่นนี้เช่นกัน จึงทำให้ส่วนท้ายรถมีรูปลักษณ์ที่เพรียวและสั้นยิ่งขึ้น โดย BMW F 900 R ซึ่งเป็นโรดสเตอร์ที่ออกแบบมาสำหรับการขับขี่แบบสปอร์ตโดยเฉพาะ จะมีระยะสปริงที่สั้นกว่า BMW F 900 XR ที่เน้นการขับขี่ที่นุ่มสบายและหลากหลายกว่าในสไตล์แบบทัวริ่ง
ระบบไฟหน้า LED ที่ปรับองศาตามการเลี้ยวโค้ง (Adaptive Cornering Light) พร้อมระบบ Headlight Pro นอกจากจะสร้างความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่ยิ่งขึ้นแล้ว ยังนับว่าเป็นฟีเจอร์ที่โดดเด่นในมอเตอร์ไซค์ขนาดมิดไซส์ ทำให้การขับขี่เวลากลางคืนมีความอุ่นใจยิ่งขึ้นด้วยไฟหน้าส่องสว่างตามการเลี้ยวโค้ง และหลอดไฟ LED ที่ได้รับการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับมอเตอร์ไซค์ในตระกูล F-Series ทุกรุ่น
สำหรับ BMW F 900 R มาพร้อมตำแหน่งเบาะนั่งที่ตอกย้ำถึงความเป็นโรดสเตอร์สปอร์ตปราดเปรียว รูปลักษณ์ด้านหน้าที่คมชัด ดีไซน์รูปทรงไฟหน้าดุดัน และการออกแบบส่วนท้ายรถที่สั้นและโฉบเฉี่ยว ล้วนสื่อถึงสมรรถนะความสปอร์ตอันทรงพลังอย่างแท้จริง
ในขณะที่ BMW F 900 XR มาพร้อมตำแหน่งที่นั่งซึ่งมอบทั้งความสปอร์ตและความสบายสำหรับการขับขี่แบบทัวริ่งเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการขับขี่ระยะไกล ชุดแฟริ่งด้านหน้าที่มาพร้อมกระจกกันลมปรับระดับได้มอบทั้งลุคสปอร์ตและการป้องกันให้แก่ผู้ขับขี่
นอกจากนี้ ทั้ง BMW F 900 R และ BMW F 900 XR ยังมีหน้าจอ TFT สีขนาด 6.5 นิ้ว และระบบเชื่อมต่อ BMW ConnectedRide เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
BMW F 900 R โดดเด่นในสามสีสามสไตล์ ในสี Black Storm Metallic สี San Marino Blue Metallic และสี Hockenheim Silver Metallic/Racing Red (Style Sport)
ส่วน BMW F 900 XR มาให้เลือกในสามสไตล์เช่นกัน ในสี Light White สี Racing Red (Style Sport) และสี Galvanic Gold Metallic (Style Exclusive)
BMW S 1000 RR
ราคาจำหน่าย: 910,000 บาท สำหรับสี Hockenheim Silver Metallic (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
890,000 บาท สำหรับสี Racing Red (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
BMW S 1000 RR เจเนอเรชั่นที่สาม ได้รับการพัฒนาในด้านสมรรถนะอย่างรอบด้าน สามารถทำความเร็วในสนามเอาชนะรุ่นก่อนหน้าได้ถึง 1 วินาที ทั้งยังมาพร้อมกับการออกแบบรูปโฉมและระบบต่าง ๆ ที่คำนึงถึงการใช้งานที่สะดวกสบายของผู้ขับขี่มากยิ่งขึ้น เพื่อประสิทธิภาพในการควบคุมและการขับขี่สูงสุดทั้งในชีวิตประจำวัน บนเส้นทางคดเคี้ยว หรือแม้กระทั่งบนสนามแข่ง โดยหลังจากที่เปิดตัวรุ่นใหม่ล่าสุดในประเทศไทยไปเมื่อปี 2562 มอเตอร์ไซค์ซูเปอร์สปอร์ตระดับตำนานรุ่นนี้จะกลับมาสร้างความเร้าใจอีกครั้งในสีใหม่ Hockenheim Silver Metallic
ด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบและเทคโนโลยี BMW ShiftCam สมรรถนะโดยรวมของ BMW S 1000 RR ใหม่ จึงได้รับการยกระดับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่ง BMW ShiftCam มีส่วนสำคัญในการเสริมความสมดุลของเพลาลูกเบี้ยวและจังหวะการทำงานของเครื่องยนต์ เสริมด้วยระบบส่งน้ำมันเชื้อเพลิงและระบบท่อไอเสียที่ได้รับการปรับปรุงให้มีน้ำหนักเบาลงถึง 1.3 กิโลกรัม นอกจากนี้ เครื่องยนต์ 4 สูบ 4 จังหวะ ขนาด 999 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำและน้ำมัน ยังส่งพละกำลังเพิ่มขึ้น 6 กิโลวัตต์ (8 แรงม้า) เป็น 152 กิโลวัตต์ (207 แรงม้า) ที่ 13,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 113 นิวตันเมตร ที่ 11,000 รอบต่อนาทีช่วยเสริมประสิทธิภาพในการขับขี่และการเร่งขณะขับขี่ที่ความเร็วต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น และที่สำคัญ บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ใหม่ ยังมีน้ำหนักเบาลงถึง 11 กิโลกรัม ลงจาก 208 กิโลกรัมในรุ่นก่อนหน้ามาอยู่ที่ 197 กิโลกรัม
BMW S 1000 RR ใหม่ ยังมาพร้อมกับน้ำหนักที่เบาลง และการออกแบบตัวรถให้ส่วนโครงสร้างรอบ ๆ เครื่องยนต์ช่วยรับน้ำหนักของชิ้นส่วนอื่น ๆ มากขึ้น ดังนั้น เฟรมของรถจึงได้รับการออกแบบใหม่ให้เหมาะสมกับสรีระของผู้ขับขี่มากขึ้น และยังช่วยถ่ายโอนแรงกดจากน้ำหนักให้ส่งตรงไปที่โครงสร้างรอบเครื่องยนต์ในระยะทางที่สั้นที่สุด ส่วนการเคลื่อนที่ของรถมีความคล่องตัวยิ่งขึ้นจากการผสานประสิทธิภาพระหว่างมิติรถ
การกระจายน้ำหนักระหว่างล้อ และความสามารถในการรับน้ำหนักที่ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ชุด Full Floater Pro ที่ช่วยเสริมการเคลื่อนที่ในล้อหลังยังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบช่วงล่าง ซึ่งด้วยการพัฒนาทั้งหมดนี้ ทำให้ BMW S 1000 RR ใหม่ สามารถนำเสนอการควบคุมรถและการยึดเกาะถนนที่แม่นยำยิ่งขึ้นในทุกสภาวะการขับขี่
BMW S 1000 RR ใหม่ ยังสามารถรองรับสไตล์การขับขี่ที่หลากหลาย ทั้ง 4 รูปแบบการขับขี่พื้นฐาน ได้แก่ “Rain”, “Road”, “Dynamic” และ “Race” อีกทั้งยังมาพร้อมโหมดการขับขี่แบบโปร ให้ผู้ขับขี่สามารถปรับเปลี่ยนการควบคุมต่าง ๆ ให้ตรงกับรูปแบบการขับขี่เฉพาะตัว ทำงานร่วมกับระบบเบรก ABS Pro ระบบ Dynamic Traction Control อัตราเร่ง และการหน่วงกำลังเครื่องยนต์ ที่ปรับเปลี่ยนตามทักษะและรูปแบบในการขับขี่ นอกจากนี้ ระบบ Dynamic Damping Control (DDC) ยังได้รับการพัฒนาเฉพาะสำหรับ BMW S 1000 RR ใหม่ ปรับค่าการสั่นสะเทือนให้เหมาะสมตามสภาพถนน
แผงหน้าปัดของ BMW S 1000 RR ได้รับการออกแบบใหม่ให้เหมาะสมกับสไตล์ซูเปอร์สปอร์ตมากยิ่งขึ้น โดยเพิ่มการแสดงผลต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น และยังมาพร้อมจอแสดงผล TFT ขนาด 6.5 นิ้ว ง่ายต่อการอ่านค่าในทุกสภาพแสง โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกรูปแบบการแสดงผลได้ 2 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ Pure Ride ซึ่งเน้นการแสดงผลการขับขี่ที่สำคัญ และ Core Ride ที่สามารถเลือกการแสดงผลค่าต่าง ๆ ได้อีก 3 รูปแบบ เพื่อให้ผู้ขับขี่เลือกการแสดงผลที่เหมาะกับสไตล์การขับขี่ที่หลากหลายได้ตามความต้องการ
BMW S 1000 RR ยังมาพร้อมเฟรมตัวถังแบบใหม่ Flex Frame ที่ใช้พื้นที่บริเวณถังน้ำมันและเบาะนั่งน้อยลง จึงเพิ่มพื้นที่สำหรับการรองรับน้ำหนักและที่รองเข่ามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ จุดสัมผัสระหว่างผู้ขับขี่และตัวรถยังได้รับการออกแบบใหม่ให้สอดรับกับองศาระหว่างผู้ขับขี่ มือจับทั้งสองข้าง เบาะนั่ง และที่พักเท้า เพื่อให้ผู้ขับขี่อยู่ในท่วงท่าที่สบายที่สุดตามหลักการยศาสตร์ ไฟหน้า LED ตอกย้ำถึงความโฉบเฉี่ยวและความดุดันของ BMW S 1000 RR ดีไซน์ตัวถังใหม่สร้างความโดดเด่นสะดุดตาจากรุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน โดยมาในสีใหม่ล่าสุด Hockenheim Silver Metallic เพิ่มเติมจากสีแดง Racing Red
ข้อเสนอพิเศษในงาน Bangkok International Motorshow ครั้งที่ 41: 3ASY RIDE
ลูกค้าที่จองมอเตอร์ไซค์ BMW Motorrad รุ่นที่กำหนดด้วยการผ่อนชำระ และมีกำหนดส่งมอบตั้งแต่วันนี้ถึง 31 กรกฎาคม 2563 จะได้รับฟรี โปรแกรมบำรุงรักษา BMW Motorrad Service Inclusive ระยะเวลา 3 ปี* และการรับประกัน 3 ปี พร้อมข้อเสนอพิเศษอีกมากมาย
ข้อเสนอพิเศษสำหรับมอเตอร์ไซค์รุ่นต่าง ๆ ได้แก่:
1.BMW G 310 R / G 310 GS ผ่อนชำระรายเดือนเริ่มต้นที่ 3,XXX บาท พร้อมเว้นผ่อนชำระนาน 3 เดือน
2.BMW C 400 X / C 400 GT ผ่อนชำระรายเดือนเริ่มต้นที่ 5,XXX บาท
3.BMW F 750 GS / F 850 GS ผ่อนชำระรายเดือนเริ่มต้นที่ 7,XXX บาท พร้อมเว้นผ่อนชำระนาน 3 เดือน
4.BMW F 850 GSA ผ่อนชำระรายเดือนเริ่มต้นที่ 10,XXX บาท
5.BMW R 1250 GS / R 1250 GSA ผ่อนชำระรายเดือนเริ่มต้นที่ 17,XXX บาท
6.BMW R 1200 GS / R 1200 GSA ผ่อนชำระรายเดือนเริ่มต้นที่ 15,XXX บาท พร้อมเว้นผ่อนชำระนาน 8 เดือน
7.BMW S 1000 R / S 1000 XR ผ่อนชำระรายเดือนเริ่มต้นที่ 10,XXX บาท พร้อมเว้นผ่อนชำระนาน 3 เดือน
8.BMW R nineT Pure ผ่อนชำระรายเดือนเริ่มต้นที่ 13,XXX บาท พร้อมเว้นผ่อนชำระนาน 2 เดือน
9.BMW R nineT Racer / R nineT Scrambler / R nineT Urban G/S / R nineT ผ่อนชำระรายเดือนเริ่มต้นที่ 15,XXX บาท พร้อมเว้นผ่อนชำระนาน 1 เดือน
10.BMW K 1600 Grand America ผ่อนชำระรายเดือนเริ่มต้นที่ 26,XXX บาท พร้อมเว้นผ่อนชำระนาน 1 เดือน
*บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
*ไม่รวมBMW C 650 GT, C 650 Sport, R 1250 RT และ K 1600 B