ศึกบิดสองล้อชิงแชมป์ประเทศไทย “PTT BRIC Superbike 2019” ปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ “ติ๊งโน๊ต” ฐิติพงศ์ วโรกร จาก Kawasaki Thailand Racing Team ได้แชมป์ประจำปี 3 สมัยซ้อน ด้าน นายเนวิน ชิดชอบ ตั้งเป้าพัฒนาจากการแข่งขัน Superbike ที่ดีที่สุดในอาเซียนสู่เรซอันดับหนึ่งของเอเชีย รวมทั้งผลักดันผู้ที่ได้รับสิทธิ์ไวลด์การ์ด แข่งขัน Asia Road Racing คว้าแชมป์ของเอเชียในฤดูกาลหน้านี้ให้ได้ นับตั้งแต่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ถูกก่อตั้งขึ้นใน จ.บุรีรัมย์ เมื่อปี 2014 ได้สร้างความแตกต่างครั้งใหญ่ขึ้นกับวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยอย่างมาก ทั้งการนำเรซระดับโลกอย่าง SuperGT มาดวลความเร็วในไทย รวมถึงการเปิดทางลัดของไทยออกไปสู่โลกกว้างด้วย World Superbike และ MotoGP ในเวลาต่อมา แต่สิ่งสำคัญที่ก้าวเดินไปพร้อมกันคือ “ความตั้งใจ” ในการผลักดัน “นักกีฬาแข่งรถชาวไทย” ให้ก้าวสู่ระดับอินเตอร์มากขึ้น นั่นเป็นที่มาของ “PTT BRIC Superbike” ในปัจจุบัน
สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เริ่มต้นเปิดฉากการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบรายการ PTT BRIC Superbike Championship ครั้งแรกในปี 2015 ด้วยมาตรฐานของ สนามระดับ MotoGP และแนวทางใหม่ในการจัดการแข่งขันโดยยึดรูปแบบและกติการะดับโลก ทำให้เกมความเร็วสองล้อรายการนี้ เติบโตอย่างรวดเร็ว
นายเนวิน ชิดชอบ ประธาน สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กล่าวว่า ปัจจุบัน “PTT BRIC Superbike” ภายใต้การสนับสนุนของ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กลายเป็นการแข่งขันจักรยานยนต์ ทางเรียบที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเมืองไทย มีนักบิดชั้นนำของประเทศเข้าร่วมการแข่งขันกว่า 250 คนในแต่ละฤดูกาล ด้วยรางวัลเกียรติยศอย่างสิทธิ์ ไวลด์การ์ดของรายการระดับโลกอย่าง World Superbike Championship ทำให้นักบิดไทยและทีมไทยต่างทุ่ มเทอย่างหนักเพื่อคว้าสิทธิ์นั้นมาให้ได้
“มันเป็นมากกว่าแชมป์ประเทศไทย แต่มันคือการบอกได้ว่าคุณคือนักบิดที่ดีที่สุด ทีมแข่งที่ดีที่สุด ทีมช่างที่ดีที่สุดในเมืองไทย เพื่อคว้าแชมป์ ในรายการของเราได้ สิ่งสำคัญคือการได้ยกระดับให้สามารถไปต่อกรกับทีมแข่งระดับสากลได้...ตอนนี้นักกีฬาแข่งรถไทยนั้นได้ เรียนรู้สิ่งต่างๆจากเรซระดับโลกมากมาย ได้พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง แถมทีมแข่งไทยหลายทีมก็สามารถก้าวไปแข่งขันระดับสากลอย่างที่ไม่แพ้ชาติอื่นๆ ด้วย นี่คือเครื่องพิสูจน์ว่า PTT BRIC Superbike ก้าวมาถึงจุดที่เป็นเสาหลักของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยแล้ว
สำหรับเป้าหมายในปีหน้าคือ การรักษามาตรฐานของการแข่งขัน Superbike ที่ดีที่สุดในอาเซียนไว้พัฒนานักแข่ง ทีมแข่งและการแข่งขันสู่เรซที่ดีที่สุดของเอเชียต่อไปในอนาคต รวมทั้งการผลักดันให้ผู้ที่ได้รับสิทธิ์ไวลด์การ์ดไปแข่งขัน Asia Road Racing คว้าตำแหน่งแชมป์ของเอเชียในฤดู กาลหน้าให้ได้ นายเนวิน เผย
นายชุมพล สุรพิทยานนท์ รองกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ธุรกิจหล่อลื่น บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ 4 แล้วที่ทาง OR ได้สนับสนุนให้เกิดการจัดการแข่งขันเริ่มจากการแข่งขันในประเทศ ที่จะสร้างนักบิดไทย ทีมแข่งไทยให้แข็งแกร่ง ได้พัฒนาฝีมือ ทักษะต่างๆจนพัฒนาไปสู่การแข่งขันในระดับโลกได้สานต่อในการร่วมพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ตอย่างต่อเนื่อง
โดยในปีนี้เราได้นักแข่งไทย ที่จะได้สิทธิ์ไวลด์การ์ดไปแข่งขันเอเชียโรดเรซซิ่ง ถึง 3 คน ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่นักแข่งไทยจะได้ร่วมประลองฝีมือกับนักแข่งและลงแข่งขันในสนามแข่งในต่างประเทศ สร้างชื่อเสียงของประเทศไทยสู่ระดับนานาชาติ นำโดย “ติ๊งโน๊ต” ฐิติพงศ์ วโรกร แชมป์ 3 สมัย ในรุ่น Superbike 1000 CC. SB1 จาก Kawasaki Thailand Racing Team , โคลิน บัตเลอร์ จาก ยูทีอาร์ เรซซิ่ง ทีม คว้าแชมป์ประจำปีในรุ่น SuperStock 1000 CC. ST1 โดยทั้งคู่ได้รับสิทธิ์ไวลด์ การ์ดเข้าร่วมแข่งขันใน Asia Road Racing Championship ในคลาส Asia Superbike 1000 CC.
ขณะที่ “เบิร์ด” ประวัติ ญาณวุฒิ จาก Yamaha PowerSpeed Racing Team คว้าแชมป์ในคลาส SuperSport 600 CC. SS1 คว้าสิทธิ์ไวลด์การ์ดในคลาส SuperSport 600 CC. ของศึก Asia Road Racing Championship ไปครองด้วย
ทั้งนี้ “ติ๊งโน๊ต” ฐิติพงศ์ วโรกร จาก Kawasaki Thailand Racing Team ทีม แชมป์ 3 สมัย เปิดเผยว่า “ปี 2019 เป็นหนึ่งในฤดูกาลที่ยากลำบาก เพราะตัวผมเองได้รับบาดเจ็บอย่างหนักในการแข่งขัน World Superbike ในช่วงต้นปีทำให้คาดว่าจะต้องพักฟื้นไปกว่า 6 เดือน แต่ด้วยปาฏิหาริย์และการที่ไม่ยอมแพ้เลยสามารถฝ่าฟันจนลงแข่งขันสนามแรกของปีได้ ต้องขอบคุณทีมงาน Kawasaki , PTT และทุกคนในทีมที่ทุ่มเทอย่างหนักจนสามารถคว้าแชมป์ประจำปีได้อีกครั้ง รวมถึงครอบครัวที่อยู่เคียงข้างตลอดครับ”
โดยในปี 2020 “PTT BRIC Superbike Championship” จะยังคงสานต่อความมุ่งมั่นเพื่อผลักดันนักบิดไทยให้ก้าวสู่ระดับสากลและระดับโลกต่อไป และนี่คือกลไกแห่งความสำเร็จในอนาคตของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยอย่างแท้จริง