BMW S1000RR ตัวกลั่นจากสำนัก AREA51
พูดถึงรถสปอร์ตความจุเฉียดลิตร ทุกค่ายไม่ว่าเอเชียหรือยุโรป ต่างมีไม้เด็ดของแต่ละรุ่น นิสัยของแต่ละรุ่นจะไม่เหมือนกันบางค่ายขี่ง่ายเป็นมิตรกับ Biker บางค่ายก็ดุราวม้าป่า ซึ่งนั่นอยู่ที่ Biker ว่าจะชอบรถสไตล์ไหน ร่ายมาไกลเข้าเรื่องเลยดีกว่า Racing Magazine ครั้งนี้ได้โอกาสดีจับม้าศึกที่ว่ากันว่า ถ้าจับมาวิ่งกับรถในคลาสเดียวกันเจ้านี่ทิ้งคู่แข่งแบบไม่เห็นฝุ่น บอกเลยแล้วกันม้าศึกลำนี้คือ BMW S1000RR ตัวกลั่นจากสำนัก AREA51 อยู่ภายใต้อาณัติการครอบครองของ BENZ RACING ชื่อนี้การันตีความแรงแน่นอน
ประวัติของ BMW S1000RR แบบคร่าวๆในปี 2009 BMW มีแผนเข้าสู่งวงการรถแข่งทางเรียบ ในเวลานั้น BMW มีรถสปอร์ตเพียงรุ่นเดียวนั่นก็คือ HP2 Sport เท่านั้น ถ้าหากลงทำการแข่งขันจะเสียเปรียบในเรื่องเครื่องยนต์ที่เป็น Boxer 2 สูบแม้จะมีความจุเหนือคู่แข่งก็ตาม BMW จึงซุ่มพัฒนารถแข่งในแบบ 4 สูบแถวเรียงความจุ 1 ลิตร จากนั้น BMW จึงเผยโฉมว่าที่รถแข่งรายการ WSBK (World Superbike Championship) โดยใช้ชื่อว่า S1000RR เป็นโปรเจคที่มาเขย่าวงการ รถสปอร์ต 1,000ซีซี ชิ้นนส่วนทั้งคันทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ โช๊คฯหน้า-หลัง Ohlin ระบบเบรกหน้า-หลังจาก Brembo ทำให้มันกลายเป็นม้ามืดในวงการทางเรียบในระยะเวลาอันสั้น เมื่อ S1000RR ประสบความสำเร็จในเวอร์ชั่นรถสนามก็พร้อมที่พัฒนาสู่เวอร์ชั่นถนน ในปีถัดมา
ด้วยขุมพลัง 4 สูบแถวเรียงความจุเฉียด 1 ลิตร จ่ายเชื้อเพลิง 2 หัวฉีดต่อ 1 สูบ กำลังอัดสูงถึง 13:1 ให้พละกำลังสูงสุดในคลาส 1,000 ซีซีคือ 190 แรงม้าที่รอบเครื่องยนต์ 13,500 รอบต่อนาที (รอบเครื่องยนต์สูงสุดอยู่ที่ 14,500 รอบต่อนาที ) กับน้ำหนักตัว 178 กิโลกรัม(ไม่รวมของเหลว) ทำให้ S1000RR เป็นรถที่มีแรงม้าต่อน้ำหนักตัวดีที่สุด “เอาแบบเข้าใจง่ายๆ ม้า 1 ตัวแบกน้ำหนักไม่ถึง 1 กิโลกรัมในขณะที่คู่แข่งคลาสเดียวกันต้องแบกน้ำหนัก 1.25-1.5 กิโลกรัม” เป็นครั้งแรกที่รถสปอร์ตพก Quick Shifter มาจากโรงงาน (Quick Shifter คือระบบการเข้าเกียร์ 2-3-4-5-6 โดยไม่ต้องกำคลัทช์ ในขณะที่ เข้าเกียร์1 จอดเข้าเกียร์ว่างยังต้องกำคลัชท์) เมื่อ S1000RR เป็นรถที่แรงที่สุดก็ต้องมีระบบความปลอดภัย เข้ามาช่วยให้ผู้ขับขี่ปราบเจ้าม้าพยศลำนี้อย่างง่ายดาย มีโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 3 โหมด Rain / Sport / Race
ทั้งหมดทั้งมวลทำให้ Benz Racing เลือก S1000RR มาเป็นคู่ขาประจำตัวอย่างปฎิเสธไม่ลง แต่ด้วยความที่เป็นคนชอบแต่งรถ จึงสรรหาของแต่งมาใส่แทบจะทุกจุดของรถไปดูกันครับว่า มีอะไรบ้าง ลดน้ำหนักด้วยการเปลี่ยนพาร์ทรอบคันเป็นชุดแต่งทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ น๊อตทั้งคันทำจาก ไททาเนี่ยม ชิวหน้า Magical Racing Carbon รุ้ง ตามมาด้วยแผงคอ Robby Moto 52mm./58mm. แฮนด์แต่ง Renthal 52mm. ก้านคลัชท์ Alpha Racing สายคลัชท์แต่ง Alpha Racing ประกบปั้มบน Brembo GP หมุดทอง 19x18 พร้อมก้านเบรค Alpha Racing Low Drag และสายถัก HEL ทั้งระบบ เหน็บตัวปลดไว Titanium ปั๊มเบรคล่าง Brembo MotoGP Monobloc 34/38 mm จับจานเบรคหน้า Brembo HP ขนาด 320mm ที่เด็ดของช่วงหน้าอยู่ที่ โช๊คหน้า Ohlins FGR300 Subtank เป็นของแต่งเกรดเดียวกับรถแข่งรายการ WSBK ขาดไม่ได้กับกันสะบัด Ohlins BM038
ส่งกำลังผ่าน โซ่ DID ERV3 520 และสเตอร์หน้า-หลัง Renthal 16-44/520 ล้อหล่อๆจาก Marchesini M7RS Aluminium Forge Gold Anodized Limited ต้องสั่งทำเฉพาะใช้เวลารอของร่วม 4 เดือนเลยทีเดียว รัดทับด้วยยางเกรดซิ่ง Pirelli Diablo Super Corsa โช๊คหลัง Ohlins TTX GP BM340 ระบบเบรคด้านหลังปั้มกระทุ้ง Brembo โลโก้แดง 13mm. มาพร้อมกับ ปั้มหลัง Brembo HP Nickle 34mm. จับจานเบรคหลัง Alpha Racing
เมื่อรถสวยแล้วสมรรถนะต้องไม่เป็นรองใคร ในฝั่งไอดีใส่กรองอากาศแต่งแบรนด์ BMC Race เพื่อให้อากาศไหลเข้าเครื่องยนต์ได้อย่างรวดเร็ว ฝั่งไอเสียเริ่มจากคอท่อ ทำจาก Incronel ข้อดีคือทนความร้อนได้ดีกว่า Titanium ไอเสียสามารถไหลผ่านได้เร็วกว่าปลายท่อจาก Austin Racing แบบคาร์บอน เสียงสนั่นลั่นทุ่งแบบไม่ต้องสงสัย และปิดท้ายด้วยกล่องแต่งจาก Power Commander V ถูกประจำการภายในรถคันนี้เพื่อควบคุมพฤติกรรมของเครื่องยนต์ โดยเวอร์ชั่นนี้จะการจูนน้ำมันได้อย่างอิสระ
ทาง Benz Racing ได้ฝาก S1000RR ไว้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างในการตกแต่ง สามารถเข้าไปดูได้ที่ร้าน AREA51 หรือเข้าชมได้ที่ BoxzaRacing.com จะมีรายละเอียดครบถ้วน และขอขอบคุณ Benz Racing ที่ได้นำรถมาให้ได้ชมกัน ส่วนครั้งหน้าจะเป็นรถอะไรตามให้ดีครับ
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook