เขียนโดย: Thanathip

เมื่อ: 18 เมษายน 2565 - 18:14

ALPINESTARS TECH-AIR® 10 ระบบป้องกันสูงสุดจาก MOTOGP

     หากต้องขับขี่บนแทร็คสนามแข่งแล้วคงปฏิเสธไม่ได้อย่างแน่นอนว่าชุดเรซซิ่งสูทนั้นเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักแข่ง ซึ่งช่วยปกป้องร่างกายจากอุบัติเหตุที่เกิดจากการล้มหรือการชนแล้ว ยังมีอุปกรณ์เสริมความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ล่าสุดแบรนด์อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยระดับโลกอย่าง Alpinestars ได้เปิดตัว Tech-Air® 10 ถุงลมนิรภัยที่พัฒนาเทคโนโลยีจากรายการแข่งขันระดับโลกมาสู่นักขี่มอเตอร์ไซค์ทั่วโลก

 

 

     Alpinestars ได้พัฒนามากว่า 20 ปี ในส่วนของนวัตกรรมเทคโนโลยีและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ป้องกันอย่างถุงลมนิรภัยสำหรับรถจักรยานยนต์ ล่าสุดได้เปิดตัว Tech-Air® 10 ระบบป้องกันร่างกายที่พัฒนาขึ้นออกสู่ตลาดโดยมีนักบิดของ Alpinestars ไม่ว่าจะเป็นนักแข่งจาก MotoGP Moto2, Moto3, MotoE, AMA และ WSBK ที่เลือกสวมชุดป้องกันถุงลมนิรภัย Tech-Air® 10 ลงสนามแข่งในช่วงสุดสัปดาห์ของการแข่งขัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ Alpinestars ทำให้นักแข่งหลายคนไว้วางใจและเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันจาก Alpinestars

 

 

     Tech-Air® 10 คือถุงลมนิรภัยอัตโนมัตินวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่เข้าร่วมในตระกูล Tech-Air® ของ Alpinestars ซึ่งรวมถึง Tech-Air® Race, Tech-Air® Street และระบบถุงลมนิรภัยอิเล็กทรอนิกส์ Tech-Air® 5 หนึ่งในเทคโนโลยีถุงลมนิรภัยของ Alpinestars และที่นักบิด MotoGP เลือกใช้คือ Tech-Air® 10 ระบบถุงลมนิรภัยแบบสวมใส่ได้ในตัวมีเพรียวบางซึ่งให้การปกป้องร่างกายที่ไม่มีใครเทียบได้ทั้งการขับขี่ในสนามแข่ง และบนถนน โดยตัวชุดมาพร้อมการปกป้องที่สูงเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นบริเวณของส่วนของไหล่ , หน้าอก , แผ่นหลังทั้งหมด รวมไปถึงตัวสะโพกของผู้ขับขี่

 

 

จุดเด่นของ Tech-Air®10

1.Tech-Air® 10 ให้การป้องกันครอบคลุมร่างกายเยอะที่สุดของถุงลมนิรภัยที่มีอยู่ในปัจจุบัน

2.ระบบถุงลมนิรภัย Tech-Air® 10 มีความล้ำสมัยมาพร้อมระบบอิเล็กทรอนิกส์แบบแอคทีฟที่มีเซ็นเซอร์ 12 ตัว (ตัววัดความเร่งแบบสามแกน 3 ตัวและไจโรสโคปแบบสามแกน 1 ตัว) และการตรวจจับการชนที่ใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อตรวจสอบเวลาที่ถูกต้องแม่นยำ ถุงลมนิรภัยในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ

3.Tech-Air® 10 ได้รับการออกแบบมาเพื่อการใช้งานในสนามแข่งและบนถนน และสามารถใช้ได้กับทั้งโหมด RACE และ STREET Riding Modes ซึ่งมีการตรวจจับการชนของ AI เฉพาะ โหมด RACE Riding ต้องใช้สำหรับการขี่ในสนามแข่งแบบปิดเท่านั้น และไม่ควรใช้สำหรับการขี่ประเภทอื่น

4.พัฒนาขึ้นจากการวิจัยหลายทศวรรษร่วมกับนักบิด MotoGP ชั้นนำของโลกและลูกค้าของ Alpinestars ข้อมูลจากระยะทางหลายล้านกิโลเมตรและการชนนับพันครั้ง ซึ่งผ่านการวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงการตรวจจับการชนที่ชาญฉลาดมาอย่างต่อเนื่อง

5.เมื่อตรวจพบสถานการณ์การชน ถุงลมนิรภัยป้องกันจะทำงานทันทีซึ่งให้การปกป้องที่ไม่มีใครเทียบได้กับผู้ขับขี่ ซึ่งใช้เวลาในการพองลมสูงสุดที่ 40 MS

6.การดูดซับแรงกระแทกขณะสวมถุงลมนิรภัยส่งผลให้แรงกระแทกลดลงถึง 95%

7.Tech-Air® 10 มีใบรับรอง CE ระดับ 2 สำหรับทั้งหน้าอกและหลัง

8.จอแสดงผล LED แบบไร้สายจากระยะไกลระบุสถานะการทำงานของถุงลมนิรภัย

9.แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนผ่านการรับรองมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานถึง 24 ชั่วโมง

10.การเชื่อมต่อ Bluetooth กับ Tech-Air® App ช่วยให้ผู้ขับขี่ทราบสถานะการทำงานของระบบถุงลมนิรภัย สถานะแบตเตอรี่ และข้อมูลการเดินทางของผู้ชขับขี่

11.ผู้ขับขี่ยังสามารถอัปเดตเฟิร์มแวร์ของระบบผ่านแอป Tech-Air® เมื่อมีการเผยแพร่การตรวจจับการชนใหม่

12.ระบบ Tech-Air® 10 ถุงลมนิรภัยที่รองรับการเติมลมได้สูงสุดสามครั้ง

 

      และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์เสริมความปลอดภัยจากแบรนด์ระดับโลกอย่าง Alpinestars หากพูดถึงความจำเป็นของ Tech-Air® 10 ขอยืนยันไว้เลยว่าจำเป็นเพราะอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และอย่างที่ทราบกันดีอุปกรณเหล่านี้มีราคาค่อนข้างสูง แต่ถ้าหากว่ามีกำลังที่จะหามาสวมใส่ก็ควรซื้อมันไว้แล้วคุณจะขับขี่รถคันโปรดไปได้อีกนาน

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook