Honda Asian Xperience 2019 เปิดประสบการณ์สุดประทับใจในวิถีไบค์เกอร์สายลุย จากน่าน หลวงพระบาง ซาปา

เขียนโดย: Pajingo

เมื่อ: 26 ธันวาคม 2562 - 10:52

 

         Honda Bigbike เปิดประสบการณ์การเดินทางครั้งใหม่ ให้กับลูกค้า Honda Big Wing จากทั่วประเทศ ได้มีส่วนร่วมกับการเดินทางสุดท้าทาย Honda Asian Xperience 2019 ระหว่างวันที่ 5-11 ธันวาคม 2562 บนเส้นทางจาก จ.น่าน ผ่านเมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว โดยมีจุดหมายของการเดินทางอยู่ที่เมืองซาปา ประเทศเวียดนาม ที่เปี่ยมด้วยธรรมชาติอันสวยงามตลอดสองข้างทาง ให้ผู้ร่วมเดินทางได้เสพอรรถรสของการเดินทางที่พร้อมสร้างขีดสุดแห่งความประทับใจ ภายใต้ความปลอดภัยจากทีมงาน Honda Bigbike ที่คอยดูแลตลอดทริป

 

ทีมงานจาก Honda Bigbike และ Trans Asia Route จัดเครื่องเคียงที่จำเป็นมาให้แบบครบเซ็ต

 

 

                สำหรับโปรแกรมของทริป Honda Asian Xperience 2019 ไบค์เกอร์ร่วมๆ 40 ชีวิต เริ่มต้นการเดินทางจาก อ.เมือง จ.น่าน มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงพระบาง ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ระยะทางประมาณ 300 กม. ซึ่ง BoxzaRacing เป็นหนึ่งในสื่อมวลชนที่ได้รับเชิญจากทาง Honda Bigbike ให้ร่วมเดินทางกับคาราวานไบค์เกอร์จาก Honda ในครั้งนี้ด้วย โดยสองล้อที่เป็นพาหนะคู่ใจของผมในทริปนี้ก็คือ Honda CRF1000L Africa Twin สองล้อที่โดยส่วนตัวแล้ว ผมไฝ่ฝันมานานว่าจะได้สัมผัสสักครั้ง แต่จนแล้วจนรอดยังไม่มีโอกาส (แม้จะออกเจนเนอเรชั่นใหม่มาแล้วก็เถอะ) ทริปนี้น่าจะเป็นโอกาสดีที่ผมจะได้สัมผัสเจ้า Africa Twin อย่างจริงๆ จังๆ โดยรุ่นที่ผมได้ขี่นั้น ต้องบอกว่า เป็นตัวที่ Original...Back to Basic ของเจนเนอเรชั่นนี้เลยก็ว่าได้ (ช่วงล่างสูง เกียร์ธรรมดา 6 สปีด) ซึ่งรายละเอียดเกี่ยวกับสมรรถนะของตัวรถ ขออนุญาตกล่าวถึงในย่อหน้าต่อไปตามสถานการณ์ที่ได้พบเจอ

 

ผ่านแดนสู่ประเทศลาวที่ด่านห้วยโก๋น จ.น่าน

 

                จากเมืองน่าน ชาวทริป Honda Asian Xperience 2019 ขี่ผ่านเส้นทางแอสฟัลท์เรียบกริ๊บ (แต่โค้งเยอะพอตัว) สู่ด่านชายแดนห้วยโก๋น ระยะทางราว 130 กม. ซึ่งใช้เวลาไม่นานนัก ก่อนที่จะทำเรื่องผ่านแดนที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งใช้เวลาคนละไม่เกิน 5-10 นาที ก็เสร็จสิ้นพิธีการอย่างง่ายดาย โดยในทริปนี้ มีลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติร่วมเดินทางด้วย บางสัญชาติอาจจะต้องมีเอกสารพิเศษ เช่น ต้องขอวีซ่า แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพของทาง Trans Asia Route ที่ทาง Honda Bigbike เลือกใช้เป็นดูแลการเดินทางในทริปครั้งนี้ ทำให้การจัดการเอกสารต่างๆ ทำได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว เรียกได้ว่าเป็นการจัดการของทีมงานในระดับมืออาชีพ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ผมเป็นคนหนึ่งที่มีโอกาสได้เดินทางในทริปลักษณะคาราวานออกต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง ทำให้มีโอกาสได้สัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างกันไป จนพอที่จะสรุปได้ว่า รูปแบบการทำงานของทาง Trans Asia Route นี่แหละ...คือ ของจริง

 

วิ่งชิดขวา...จุดสำคัญเมื่อเดินทางเข้าสู่ลาว - เวียดนาม

 

บรรยากาศชิลล์ๆ ยามเย็นสู่หลวงพระบาง

 

 

                เราใช้เวลาอยู่ที่ด่านห้วยโก๋นประมาณ 1 ชม. ก็เสร็จสิ้นพิธีการผ่านแดนเข้าสู่ประเทศลาว สิ่งที่ต่างไปสำหรับการขับขี่ที่นี่ก็คือ ต้องปรับมาขับขี่ในช่องทางด้านขวา (แซงซ้าย) ซึ่งด้วยการดูแลจากทางทีมมาร์แชลจาก Honda Bigbike รวมถึงการให้สัญญาณในการนำทางผ่านวิทยุสื่อสารจากทีมงาน Trans Asia Route ทำให้ขบวนสามารถเดินทางผ่านเส้นทางที่หฤโหด ทั้งเส้นทางที่แคบ มีภูเขาสูงชัน และมากด้วยโค้งรูปแบบต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย ก่อนจะปิดท้ายวันแรกของการเดินทางด้วยการข้ามแพขนานยนต์สู่หลวงพระบาง ดินแดนแสนชิลล์อันเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่หลายๆ คนปรารถนา จบระยะทางวันแรกที่ 310 กม.

 

 

                การเดินทางวันที่ 2 ก่อนที่จะเริ่มเดินทาง ชาวคาราวาน Honda Asian Xperience 2019 ได้ร่วมตักบาตรข้าวเหนียว อันเป็นประเพณีท้องถิ่นที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างยาวนานในช่วงเช้ามืด ก่อนเริ่มเดินทางกันตั้งแต่ในช่วง 8.00 น. ด้วยเส้นทางที่ยาวไกลกว่า 400 กม. ภายใต้ความยากของเส้นทางสุดท้าทายหลากหลายรูปแบบ ให้ไบค์เกอร์ได้สนุกสนาน สัมผัสถึงความไม่ธรรมดาของดินแดนแห่งนี้กันอย่างครบรส มีเขา มีโค้ง ทางหินลอย หลุมบ่อ ถนนลื่น ระหว่างทางจากหลวงพระบาง อุดมชัย ถึงชายแดนเวียดนาม (Tay Trang) ก่อนเข้าสู่เดียนเบียนฟูนั้น มีให้ได้เจอทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่ชาวท้องถิ่นผู้เปี่ยมด้วยมิตรภาพ และรอยยิ้ม คอยโบกมือทักทายตลอดการเดินทาง มาถึงตรงนี้ ต้องยอมรับเลยว่า ม้าศึกคู่ใจ Honda CRF1000L Africa Twin ของผม ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เกินกว่าที่มอเตอร์ไซค์ค่าตัว 550,000 บาท หลายๆ คันจะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพละกำลังที่โดดเด่นอย่างพอเพียงในทุกเส้นทาง ความสามารถในการขับขี่ในเส้นทางที่หลากหลายทั้ง On Road และ Off Road รวมถึงความง่ายในการควบคุม ซึ่งไม่ว่าจะเจอโค้งในรูปแบบไหน ก็สามารถจัดการได้อย่างดีและเหมาะสม ทั้งช่วงล่าง รวมถึงตัวช่วยอย่างระบบ Torque Control ที่คอยช่วงลดทอนกำลัง ในยามที่พลั้งเผลอสนุกเปิดคันเร่งจนเกินพอดี ในยามขี่ด้วยความเร็วต่ำ สภาพการจราจรแออัด ความร้อนจากเครื่องยนต์และหม้อน้ำ ไม่ทำให้เกิดความรู้สึกระคายผิวเลยแม้แต่นิดเดียว (แต่ถ้าขี่ในอากาศหนาวๆ บางทีก็อยากให้มีบ้างนะ 555) และที่สำคัญคือ ให้อัตราการสิ้นเปลืองที่ต่ำ ถ้าเน้นขี่เนียนๆ เปิดคันเร่งอย่างพอเหมาะ ไม่เค้น ไม่ดุดันจนเกินไป ตัวเลข 25 กม./ลิตร มีให้เห็นแบบสบายๆ

 

เส้นทางเป็นแบบนี้เกือบตลอดทริป ไม่ต้องแปลกใจ หาก 400 กม. จะต้องใช้เวลาในการเดินทางเป็นวัน

 

 

                     แม้ว่าระยะทาง 400 กม. หากขี่เที่ยวในบ้านเรา อาจดูไม่ใช่ระยะที่ไกลหรือต้องใช้เวลามากมายนัก แต่สำหรับการขี่ในประเทศลาว (รวมถึงเวียดนาม) ที่สภาพภูมิประเทศและสภาพการจราจรไม่เป็นใจ อาจต้องใช้เวลามากกว่าปกติ จากหลวงพระบาง กว่าจะมาถึง Tay Trang ระยะทางราว 360 กม. ก็ต้องใช้เวลากับจนช่วงพลบค่ำ จนเส้นทางมืดสนิทเพราะไร้ซึ่งแสงไฟ บวกกับสภาพอากาศที่ค่อนข้างหนาวเย็น ยิ่งทวีความท้าทายในการขี่ยิ่งขึ้น หลังจากที่ผ่านด่าน ตม. ของเวียดนามเรียบร้อย ชาวคณะ Honda Asian Xperience 2019 ก็ค่อยๆ ขี่ผ่านความมืดของเขาสูงชันในสภาพพื้นกรวดและฝุ่นดิน ด้วยความเร็วแบบ Walking Speed ลงสู่ตัวเมืองเดียนเบียนฟู ก่อนเข้าสู่ที่พักในเวลาประมาณ 19.30 น. เรียกได้ว่าเป็น 406 กม. ของวัน ที่ใช้เวลาและพละกำลังของผู้ขี่และตัวรถ Honda Bigbike กันแบบครบทุกหยดเลยทีเดียว

 

เพื่อนร่วมใช้รถใช้ถนน ที่มิอาจเลี่ยงได้ในเวียดนาม

 

 

                    สิ่งสำคัญสำหรับการเดินทางในต่างประเทศ คือ การมีไกด์ท้องถิ่นร่วมเดินทางไปด้วย ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่หลายๆ ประเทศวางไว้ เช่นเดียวกับในประเทศเวียดนาม ที่ครั้งนี้ได้ไกด์สาวชาวเวียดนามมาช่วยเติมความสดชื่นให้กับชาวคณะ วันที่ 3 ของการเดินทาง เรียกได้ว่าเป็นวันที่ไบค์เกอร์หลายๆ คนรอคอย เพราะวันนี้ จะเป็นวันที่ชาว Honda Asian Xperience 2019 จะเดินทางมุ่งสู่จุดหมายในเมืองซาปา ประเทศเวียดนาม ภายใต้สภาพอากาศในระดับเลขตัวเดียวตั้งแต่เริ่มออกเดินทางจากเดียนเบียนฟู ซึ่งด้วยความเย็นระดับนี้ หากใครที่เตรียมเครื่องแต่งกายมาไม่พร้อม คงต้องบอกว่าลำบากและสาหัสเอาเรื่องเลยทีเดียว (ผมก็คนหนึ่งแหละ...ที่ไม่ได้ติดถุงมือที่สามารถกันหนาวได้มาด้วย) มาถึงตรงนี้แล้ว ผมอดคิดถึง Heat Grip ที่หลายๆ คนมักตั้งคำถามว่า “มีไว้ทำไม ?” ไปไม่ได้เลยทีเดียว มาถึงสถานการณ์แบบนี้ ต้องบอกว่าอุปกรณ์บางอย่างที่เราอาจมองว่า ไม่มีความจำเป็น กลายเป็นพระเอกไปในพริบตา จนผมแอบอิจฉาบางคนที่ขี่ Africa Twin ตัว Adventure Sport ที่มีฟังค์ชั่นนี้มาให้จากโรงงาน แต่ก็เอาเถอะ...เดี๋ยวไว้ถึงซาปาค่อยว่ากัน ได้ข่าวว่าที่นั่นมีอุปกรณ์กันหนาวค่าตัวล่อตาล่อใจไว้ให้เลือกกันเพียบ

 

วิวสวย อากาศดี รถขี่แล้วเพลิน...จะมีอะไรที่ฟินไปกว่านี้

 

3 วัน พันโลฯ กำลังดี

 

                สิ่งหนึ่งที่ผมอดชื่นชมไม่ได้ นอกจากการรักษาระเบียบการขับขี่เพื่อความปลอดภัยแล้ว ก็คือ การจัดการ ตระเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ทาง Honda Bigbike รวมถึง Trans Asia Route จัดเตรียมไว้ให้ไบค์เกอร์ทีมาร่วมออกทริปในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นอาหารว่าง เครื่องดื่มที่เติมความสดชื่น รวมถึงจุดพักในสถานที่ต่างๆ เพื่อให้ไบค์เกอร์ได้เก็บภาพความประทับใจอย่างเต็มอิ่ม ภายใต้เส้นทางที่มีความสวยงามและเปี่ยมด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ซึ่งเชื่อว่าเป็นไฮไลท์หลักๆ ที่ทำให้ดินแดนแห่งนี้ เป็นหนึ่งในจุดหมายที่ชาวไบค์เกอร์อยากจะมาสัมผัสสักครั้งในชีวิต ในวันที่ 3 ของการเดินทาง คาราวาน Honda Asian Xperience 2019 มาถึงซาปา กันในเวลาไม่เย็นมากนัก ทำให้ผู้ร่วมทริปมีโอกาสได้ผักผ่อนกันอย่างเต็มที่ ก่อนที่จะมาร่วมดินเนอร์สุดหรูกันที่ Hotel de la Coupole Mgallery อันเป็นที่พักระดับ 5 ดาว ใน 2 คืน ที่เราจะอยู่กันในซาปา

 

 

                    ผ่านครึ่งทริปจากน่าน หลวงพระบาง เดียนเบียนฟู ซาปา ระยะทางทั้งสิ้น ประมาณ 1,000 กม. เศษๆ มาถึงจุดนี้แล้ว ผมสามารถบอกใครได้อย่างไม่ต้องใช้เวลาฉุกคิดว่า Honda CRF1000L Africa Twin เป็นมอเตอร์ไซค์สายทัวริ่งแอดเวนเจอร์รุ่นใหญ่ ที่มีความคุ้มค่าเกินราคาไปไกลจริงๆ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ มีโอกาสได้สัมผัสมาหลายรุ่น ตั้งแต่ค่าตัว 6-7 แสนบาท (รวมถึงรุ่นรองค่ายยุโรปที่ค่าตัวอยู่ในช่วงประมาณนี้) จนถึงค่าตัวทะลุล้าน จากที่เคยมองว่า หากวัดกันที่คุณสมบัติในภาพรวม แทบไม่มีรุ่นไหนที่จะแตะต้องบัลลังก์ของทัวริ่งแอดเวนเจอร์รุ่นใหญ่ค่ายใบพัดให้สั่นคลอนได้ ซึ่งว่ากันตามเนื้อผ้า Honda CRF1000L Africa Twin ก็ยังไม่ได้ไปไกลจนถึงจุดนั้น แต่หากวัดกันด้วยความต่างระหว่างค่าตัวที่ห่างกันแบบครึ่งต่อครึ่ง ก็ต้องยอมรับว่าอดีตสองล้อระดับตำนานจากเวที Rally Darkar ก็ไม่ได้เสียเปรียบถึงขั้น Out Class อะไรมากมายขนาดนั้น ยิ่งถ้าสำหรับคนที่รักการขี่ประเทศที่เอามันส์เข้าว่า องค์ประกอบโดยรวมในความเป็น Honda CRF1000L Africa Twin นี่แหละ...ถือว่าตอบโจทย์ตรงนี้ได้อย่างตรงจุดทีเดียว

 

กระเช้าสู่ยอดฟานสิปัน ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 25 นาที

 

จุดสูงสุดแห่งภูมิภาคอินโดจีน ระดับความสูงจากน้ำทะเล 3,143 เมตร

 

                    ซาปา ที่ผมเคยรู้จักเมื่อ 6-7 ปีก่อน สมัยยังทำสื่อสายรถยนต์ กับซาปา ณ เวลานี้ ต้องบอกว่า ต่างออกไปจนผมแทบจำไม่ได้เลยทีเดียว องค์ประกอบต่างๆ ในเมืองเรียกได้ว่าพัฒนาไปมาก ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่พัก ร้านค้า แต่สิ่งที่ยังคงเหมือนเดิมคือ วิถีชีวิตของผู้คนชาวท้องถิ่นที่ยังคงเน้นความเรียบง่าย ภายใต้อารยธรรมของชนเผ่าท้องถิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ ในหนึ่งวันของการพักผ่อน ชาวคาราวาน Honda Asian Xperience 2019 มีโอกาสได้ชมวิถีชีวิตของชาวท้องถิ่นในหมู่บ้าน Cat Cat ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการทำนาข้าวแบบขั้นบันได ในบรรยากาศสบายๆ ที่เดินได้เรื่อยๆ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หลังจากนั้นในช่วงบ่ายเรามีโอกาสได้ขึ้นกระเช้าสู่ยอดเขา Fansipan (ฟานสิปัน) ยอดเขาที่รายล้อมเมืองซาปา และเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในภูมิภาคอินโดจีน ด้วยความสูงจากน้ำทะเล 3,143 เมตร ภายใต้อุณหภูมิในระดับ 0 องศาฯ กับลมแรงๆ ที่พาใจให้หนาวเตลิดไปไกลถึงเบลเยี่ยมเลยทีเดียว

 

 

                   หลังจากที่พักผ่อน ชาร์จแบตกันอย่างเต็มอิ่ม ในวันรุ่งขึ้น ชาวคาราวานพร้อมเดินทางกลับ สู่เป้าหมายที่เดียนเบียนฟูเช่นเดิม บรรยากาศในการเดินทางในวันนี้ เน้นความผ่อนคลายและอบอุ่นมากยิ่งขึ้น เพราะไบค์เกอร์หลายๆ คน จัดอุปกรณ์กันหนาว Made in Vietnam ราคาเอื้ออาทรกันมาแล้วแบบครบองค์ (รวมถึงผมด้วย จัดถุงมือกันหนาวมา 1 คู่ ราคา 100,000 ดอง หรือประมาณ 130 บาทไทย แต่ถ้าจ่ายเป็นเงินไทย เขาคิด 140 บาทนะ) ต้องบอกว่าของกินของใช้ที่เวียดนามนั้น ค่าตัวค่อนข้างเป็นมิตร โดยเฉพาะสำหรับสายจิบเก็กฮวยอัดแก๊ส ผลิตภัณฑ์แบรนด์ท้องถิ่น ทั้งแบรนด์ Sai Gon หรือ Hanoi ราคาเริ่มต้นราวกระป๋องละ 20 บาท เท่านั้น ส่วนถ้าใครชอบของเวิลด์ไวด์ค่ายดาวแดง ราคาอยู่ที่ 20,000 ดอง หรือประมาณ 26 บาทไทย แต่จะยังไงก็แล้วแต่ “ดื่มไม่ขี่” คือ สิ่งสำคัญที่สุด การเดินทางวันนี้ เน้นสบายๆ และปลอดภัย ระยะทางราว 300 กม. เบาๆ มีเวลาให้ยืดเส้นยืดสาย ก่อนรับประทานมื้อค่ำร่วมกัน

 

ด้วยการเตรียมตัวที่ดี และการช่วยเหลือจากทีมงาน ช่วยให้ทุกอุปสรรค กลายเป็นเพียงความท้าทายที่ต้องเผชิญ

 

 

                     อีกหนึงไฮไลท์ของการเดินทางในทริป Honda Asian Xperience 2019 อยู่ที่ในช่วง 40 กม. จากเดียนเบียนฟู สู่ด่าน ตม. Tay Trang นี่แหละ ซึ่งจริงๆ แล้ว นี่คือ ทางเดียวกับที่ขี่มาเมื่อ 4 วันก่อน (แต่วันนั้น...มาถึงช่วงกลางคืน เลยไม่ได้เห็น 2 ข้างทาง ว่ามันโหดร้ายและน่าหวาดเสียวขนาดไหน เอาเป็นว่า ในช่วงนี้ คือ ทางลูกรังที่กำลังก่อสร้าง ด้านหนึ่งเป็นเหวไม่มีรั้วกั้น ด้านหนึ่งเป็นกำแพงเขา แค่คิดเล่นๆ ก็เสียวได้ใจ) แต่ไฮไลท์ที่หนักกว่านั้น คือ การเดินทางในช่วงกลางวัน รถต่างๆ นั้นย่อมสัญจรเป็นจำนวนมากเช่นกัน โดยเฉพาะบรรดารถบรรทุก 18 ล้อ ที่ขนสินค้าระหว่างประเทศลาว – เวียดนาม ด้วยเส้นทางที่แคบและอยู่ในระหว่างก่อสร้าง ทำให้การวิ่งสวนกันทำได้ยากมาก ต้องอาศัยจังหวะและสร้างความเข้าใจกับผู้ร่วมทางท้องถิ่น ด้วยสถานการณ์นี้เอง เราได้เห็นถึงการเตรียมพร้อมของทีมงาน Honda Bigbike และ Trans Asia Route ที่เตรียมการและวางแผนมาได้อย่างรัดกุม ทำให้สามารถขนย้ายมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ร่วมๆ 40 คัน ผ่านพ้นอุปสรรคบนพื้นต่างระดับกว่า 30 ซม. ไปได้อย่างปลอดภัย ซึ่งนี่ถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างยิ่ง สำหรับการเลือกเดินทางกับทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์สูง

 

 

                   สารภาพตามตรงเลยว่า...ก่อนหน้านี้ ผมไม่ใช่คนที่โปรดปรานระบบเกียร์ DCT ของ Honda สักเท่าไหร่ คือ ไม่ได้แอนตี้นะ แต่แค่รู้สึกว่ามันยังไม่ถูกจริตส่วนตัวเท่านั้น แต่หลังจากที่ผ่านหลายๆ สถานการณ์ในทริปนี้ ก็รู้สึกได้เลยว่า คุณประโยชน์ของระบบเกียร์ DCT นั้น มีมากกว่าที่คิด โดยเฉพาะเรื่องของการทำให้ผู้ขับขี่มีสมาธิในการควบคุมรถเพื่อให้ผ่านอุปสรรคไปได้อย่างปลอดภัย ไม่ต้องมากังวลเรื่องเกียร์หรือคลัทช์ ไม่ต้องกลัวเครื่องดับ ล้มแปะ ซึ่งระบบเกียร์ DCT ของ Honda ทำงานได้สมูทมากๆ ได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดแล้ว ทำให้เข้าใจได้เลย ว่าทำไมลูกค้าส่วนใหญ่ถึงชื่นชอบ DCT เป็นพิเศษ ของแบบนี้ บางทีแค่พูดให้ฟังเฉยๆ อาจจะยังไม่รู้สึกอินสักเท่าไหร่ แต่ถ้าได้ลองสัมผัสด้วยตัวเอง อาจเห็นภาพและคุณประโยชน์สำหรับสิ่งที่เรามองข้ามได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

 

น้ำกัดยอละปา รีสอร์ต Unseen แห่ง อุดมไชย ธรรมชาติที่อยู่ไม่ไกล และพร้อมให้สัมผัสอย่างเต็มอิ่ม

 

                   บ่ายแก่ๆ ของวัน ชาวคาราวาน Honda Asian Xperience 2019 เดินทางมาถึงที่พักที่มีชื่อว่า น้ำกัดยอละปา รีสอร์ต ซึ่งผมขอให้คำนิยมในมุมมองส่วนตัวเลยว่า นี่คือ Unseen แห่ง อุดมไชย อย่างแท้จริง เข้าพักในโรงแรมทั่วโลกมาแล้วก็มากมาย แต่แทบไม่เคยเจอที่ไหน ที่เป็นธรรมชาติให้เราได้เสพบรรยากาศ ซึมซับความมหัศจรรย์ได้มากขนาดนี้ ยิ่งมาเจออากาศเย็นสบายในระดับ 10 องศาฯ มันเป็นอะไรที่เรียกได้ว่าฟินแบบสุดๆ จริงๆ โดยในช่วงค่ำคืน ทาง Honda Bigbike ได้จัดปาร์ตี้รอบกองไฟให้สมาชิกได้ร่วมสนุก ก่อนที่จะเดินทางกลับสู่ประเทศไทย และแยกย้ายกันที่ จ.น่าน ในวันรุ่นขึ้น

 

 

                   Honda Asian Xperience 2019 ผ่านพ้นไปอย่างสมบูรณ์แบบ สนุกสนาน ปลอดภัย สิ่งที่ได้มากกว่าการขี่รถกว่า 1,900 กม. คงหนีไม่พ้นเรื่องของมิตรภาพและรอยยิ้มตลอดการเดินทาง ซึ่งช่วยเติมเต็มความสุข อิ่มเอมใจทั้งผู้ให้และผู้รับตลอดสองข้างทาง ซึ่ง Honda Bigbike ยังคงมีความประทับใจเช่นนี้มาฝากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยทริปต่อไปจะเป็นที่ไหน ติดตามรายละเอียดกันได้ที่ Honda Big Wing ทุกสาขาครับ

 

 

ขอขอบคุณภาพจาก Honda Bigbike, สมาชิกผู้ร่วมเดินทาง, Trans Asia Route, Over Ride และ Mocyc.com

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook