ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง สำหรับกระแสรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ในปัจจุบันนี้ เนื่องจากหลายๆ คนมีความต้องการที่อยากจะครอบครอง และอยากจะรับรู้ความรู้สึกถึงความเร็วแรงของเหล่าบรรดารถบิ๊กไบค์ของค่ายต่างๆ แต่เหรียญมักมี 2 ด้านเสมอ เมื่อมีความเร็ว-แรง ก็ตามมาด้วยความอันตรายต่างๆ นานา ซึ่งตรงจุดนี้ ไม่มีใครที่จะป้องกันอันตรายเหล่านี้ ได้ดีกว่าตัวผู้ขับขี่เอง ค่ายรถบิ๊กไบค์หลายค่ายก็มีการให้ความรู้แก่ผู้ที่จะมาเป็นเจ้าของบิ๊กไบค์ ทั้งการฝึกอบรมทางด้านทฤษฎีและทางด้านปฏิบัติ เช่น มีการเปิด Basic Course ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้เข้าใจถึงตัวรถคันนั้นๆ และเพิ่มทักษะในด้านการขับขี่จริงๆ เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุ ที่จะเกิดขึ้นแก่ผู้ขับขี่ในการใช้งานในชีวิตประจำวันนั่นเองครับ
วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม 2560 ทาง Pirelli ได้จัดกิจกรรม Pirelli SBK Trackday ขึ้น ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ หลังจากมีการแข่งขัน WSBK ในวันที่ 11-12 มีนาคม 2560 ไปหมาดๆ ซึ่งตัวผมเองจะได้ร่วมขับขี่ในรายการ Trackday ครั้งนี้ซะด้วย ว้าววว...ครั้งแรกในชีวิตที่ได้ขี่ในสนามระดับโลก อิจฉาผมกันล่ะสิ
อุปกรณ์เซฟตี้ ถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการขับขี่ในสนามแข่ง
Pirelli SBK Trackday เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อให้ผู้ที่ชื่นชอบ หรืออยากมีประสบการณ์ในการขับขี่ในสนามแข่งขัน ได้เพิ่มทักษะการขับขี่แบบ Racing หลังจากที่ผู้ใช้บิ๊กไบค์มีทักษะพื้นฐานกันมาบ้างแล้ว ส่วนใหญ่ผู้ที่ขับขี่รถบิ๊กไบค์อาจมองว่าการที่จะลงไปขี่ในสนามเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก หรือไม่กล้าที่จะลงไปขับขี่ในสนาม แต่เชื่อผมเถอะครับ การลงไปขี่ในสนามแข่งขันจริงๆ นั้น คุณจะได้อะไรดีๆ กลับบ้านโดยไม่รู้ตัว โดยก่อนที่เราจะร่วมกิจกรรม Trackday เราควรเตรียมอุปกรณ์ป้องกันเสียก่อน 1.ชุดเรซซิ่งสูท 2.หมวกกันน็อค 3.ถุงมือ 4.รองเท้าเรซซิ่ง แล้วก็...อย่าลืมเช็คสภาพรถของคุณเองให้พร้อมกับการขับขี่ด้วยนะ (ยาง + เบรกสำคัญมาก) อย่างสุดท้าย คือ ร่างกายของคุณเอง
Pirelli SBK Trackday จัดแบ่งรุ่นอย่างชัดเจน เพื่อความปลอดภัยของนักขี่ทุกชีวิต
ในงาน Pirelli SBK Trackday ผู้จัดจะแบ่งเป็นรุ่นตามประเภทรถ และแบ่งตาม Skill ของผู้ลงสมัคร แบ่งรุ่นตามนี้ครับ
1. Pro Superbike 600-1000 cc
2. Advance-Intermediate Superbike 600-1000 cc
3. Beginner Superbike 600-1000 cc
4. Naked-Touring Superbike
ทั้งนี้ที่ต้องแบ่งรุ่นตาม Skill หรือลักษณะรถที่ใช้นั้น เพื่อไม่ให้รถที่ใช้ความเร็วต่างกันมากๆ มาขับขี่อยู่ด้วยกัน เพราะอาจเกิดอันตรายได้ เพราะรุ่น Pro พี่แกใส่กันไม่ยั้ง
เจ้าหน้าที่จาก Pirelli และสนามช้างฯ ให้ข้อมูลก่อนที่จะลงขับขี่
ในวันงานผมไปถึงสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประมาณ 08.20 น. เพื่อทำการลงทะเบียนและเซ็นเอกสารยินยอมต่างๆ ประมาณ 7 หน้ากระดาษ ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด (ย้ำว่าทั้งหมด) แต่ด้วยความที่เป็นมืออาชีพ ผมจัดการขั้นตอนนี้ได้อย่างรวดเร็ว เอาจริงๆ คือ อ่านไม่ออกสักตัว ฮ่าๆ ผมได้ลงในรุ่น Naked-Touring Superbike เนื่องจากรถที่ผมใช้เป็นรถประเภท Naked Bike (Yamaha FZ-09) ในรุ่นนี้ จะได้สติ๊กเกอร์สีเขียวพร้อมนัมเบอร์มาติดที่ตัวรถเพื่อแจ้งให้นายสนามรู้ว่า เราลงถูกรุ่นรึป่าว แล้วก็ต่อด้วยขั้นตอนที่สำคัญมากๆ คือ การประชุมของผู้เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ สำคัญยังไงล่ะ ? การที่เราจะลงไปขี่ในสนามแข่งขันนั้น เรามีความจำป็นจะต้องรู้เกี่ยวกับสัญญาณธงต่างๆ รวมถึงมารยาทในการขับขี่ภายในสนาม จุดเข้า-ออก Track & pit stop หรือเวลาที่เราเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เช่น รถเสียในขณะอยู่ในสนาม เราควรทำอย่างไรเมื่อเจอเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้ ขั้นตอนการประชุมนี้ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเข้าประชุมกันเป็นจำนวนมาก (ก็มันสำคัญนี่หน่า) โดยใช้เวลาเพียงไม่นานมากนัก ก็เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี
พร้อม !!!
ด้วยความตื่นเต้นของผมเอง ทำให้กินอะไรในมื้อเช้าไม่ลงเลยทีเดียว ในใจเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่จะถึงรุ่นที่เราจะได้ลงไปหวดสักที ในแต่ละรุ่นจะมีเวลาให้ลงไปหวดกันรุ่นละ 15 นาที โดยจะเรียงจากรุ่น Pro จนมาถึงรุ่น Naked จนเวลา 09.20 น. โดยประมาณ เสียงปะกาศให้รุ่นแรกเตรียมตัวให้พร้อมและนำรถมาจอดรอที่ปากทางออกพิทก็ดังขึ้น ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ สำหรับผมที่จะได้เปิดซิงที่สนามแห่งนี้ กิจกรรมดำเนินไปอย่างราบรื่นครับ รุ่นแรกจบ...รุ่นสอง...สาม ก็ตามกันไปอย่างรวดเร็ว ผมได้แต่รอและแอบมองสีหน้าของผู้ร่วมกิจกรรมนี้ หลังจากที่ได้ลงไปหวดกันอย่างหนำใจ หลังถอดหมวกกันน็อคออก ทั้งใบหน้านั้นเต็มไปด้วยเหงื่อจากความร้อนในสนามแข่ง แต่ก็ตามมาด้วยรอยยิ้มที่แสนมีความสุขกันทุกคน ฟินเลย !
รุ่น Naked-Touring พร้อมและมาจอดรอที่ปากทางออกพิทได้เลยครับ เอาล่ะโว้ยๆ เสียงสวรรค์ดังมาแล้ว ถึงเวลาได้มันส์กับเค้าสักที หึหึ...ผมแต่งตัวรออยู่นาน (ด้วยความตื่นเต้น) เหลือแค่กระโดดขึ้นคร่อมรถคู่ใจเพื่อไปรอยังปากทางออกพิท ไม่นานผู้ร่วมกิจกรรมในรุ่นนี้ ก็ทยอยออกมาเพื่อรอลงแทร็กกับผม น่าจะประมาณ 20 คัน เห็นจะได้ (ปล.การออกจากพิทนั้น ความเร็วที่ใช้ไม่ควรเกิน 60 Km/h เพื่อความปลอดภัยและต้องอยู่ในเส้นขาวทึบ จนกว่าจะพ้นโค้งขวาแรกของสนาม เพื่อป้องกันรถที่วิ่งมาทางตรง) เอาล่ะ...ลุย ! หลังจากสุดเส้นขาวทึบพ้นโค้งแรก รถทุกคันก็เริ่มหวดกันอย่างเมามันส์ แต่ผมเองกลับขอซึมซับกับความเนียนของพื้นแทร็คของสนามระดับโลกนี้ซะก่อน ผมขี่ช้าๆ เพื่อดูไลน์สนาม ในขณะเดียวกันผมสังเกตเห็นตามจุดต่างๆ ของสนาม ทางผู้จัดงานได้เตรียมหน่วยแพทย์และสัญญาณธงไว้ค่อนข้างพร้อมมากๆ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นทั้งนี่เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมกิจกรรมนั่นเอง
ขอแวะมาพูดถึงเรื่องของสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต สักนิดนึง ในการขี่ในสนามนี้ ทำให้ผมเข้าใจคำว่า “สนามระดับโลก” ขึ้นมามากเลยที่เดียว ทั้งพื้นแทร็กที่เรียบ ความกว้างของแทร็ก ทางตรงยาวๆ ให้ลอง Top Speed ของรถคุณ และที่สำคัญ Run-off area มีพื้นที่เยอะมากในกรณีที่คุณแหกโค้ง จะได้มีเวลาเบรคกับเค้าบ้าง ฮ่าๆๆๆ
Pirelli Diablo Supercorsa SC2 ให้การยึดเกาะที่เฉียบคม ทำให้สามารถเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ
กลับมาที่การขับขี่ต่อ ครั้งนี้ผมใช้ยาง Pirelli Diablo Supercorsa SC2 (สายฟ้า) ซึ่งไม่ผิดหวังครับ มันตอบสนองการขับขี่ในแทร็กได้อย่างดีมากๆ เพราะหลังจากที่ผมลองดูไลน์สนามสักพัก มันก็อดใจไม่ไหวจริงๆ ที่จะขอเปิดคันเร่งให้สุด เพื่อที่ลองทดสอบยางและสนามแห่งนี้ “ยิ่งขี่ ยิ่งมันส์ครับ” ผมลองเปิดคันเร่งในจังหวะออกโค้ง ซึ่งสนามแห่งนี้ส่วนมากเป็นโค้ง Hi Speed ทั้งนั้น ยาง Diablo Supercorsa SC2 ทำหน้าที่ของมันได้ดี ไม่มีอาการลื่นแต่อย่างใด น่าเสียดาย เวลา 15 นาที ในรุ่นผม มันช่างหมดไปอย่างรวดเร็วซะเหลือเกิน นายสนามตีธงแดงรอบสนาม และธงหมากรุกที่เส้นชัยเพื่อแจ้งให้รถทุกคันออกจากสนามและเข้าจอดในพีท ผมมีโอกาสลงขี่อยู่ในสนามนี้ร่วมๆ 30 นาที ( 2 รอบ) ทุกอย่างในวันนั้นเพอร์เฟคครับ ทั้งความใส่ใจของผู้จัดและทีมงานของ Pirelli ความปลอดภัยของสนาม และมิตรภาพของผู้เข้าร่วมกิจกรรมในวันนั้น
การขี่สนาม นอกจากจะได้ความมันส์แล้ว ยังได้มิตรภาพจากเพื่อนนักขี่เป็นของแถม
ทำให้ผมกล้าพูดได้เลยครับว่า การที่คุณยอมสละเวลาอันมีค่าของคุณ เพื่อมาร่วมกิจกรรมในรายการ Trackday สักหนึ่งวัน คุณจะได้ทั้งประสบการณ์ ทักษะความสามารถที่เพิ่มขึ้น ที่คุณสามารถนำไปปรับใช้ในการใช้รถ ใช้ถนนของคุณได้ดีมากๆ อีกทั้งคุณจะได้รู้จักผู้คนที่ชื่นชอบรถบิ๊กไบค์เหมือนคุณอีกนับไม่ถ้วน ซึ่งทุกท่านพร้อมที่จะให้คำแนะนำดีๆ กับคุณเสมอ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ หรือใช้รถค่ายไหน มันเป็นมิตรภาพที่อาจจะหาไม่ได้บนท้องถนนครับ ขอขอบคุณ Pirelli ที่ทำให้ผมได้มีโอกาสได้เข้าร่วมกิจกรรมดีๆ แบบนี้ครับ
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook